TITLE: หนังคัมภีร์พิฆาต... Eli: โคตรเดือด โคตรมันส์ สไตล์ Denzel Washington ที่คนคอหนังไม่ควรพลาด!
สวัสดีครับ ชาว Pantip ทุกท่าน วันนี้ผมมีหนังดีหนังเด็ดมาแนะนำให้ชมกันครับ ชื่อเรื่องว่า "The Book of Eli" หรือ "คัมภีร์พลิกชะตา" ฉายเมื่อปี 2010 เป็นหนังแนวโพสต์อะโพคาลิปส์ (หลังวันสิ้นโลก) ที่บอกเลยว่าดูจบแล้วอิ่มเอมใจ พร้อมกับได้ข้อคิดดีๆ กลับไปเยอะเลยครับ หลายคนอาจจะเคยดูแล้ว หรือบางคนอาจจะยังไม่เคยดู วันนี้ผมจะมาเล่าสู่กันฟังแบบบ้านๆ สไตล์คนดูจริง ไม่ต้องอวย ไม่ต้องอวย แต่รับรองว่ามันส์!
เริ่มแรกเลยนะครับ หนังเรื่องนี้ได้ Denzel Washington มาประกบนั่นเองครับ แค่ได้ยินชื่อนี้ก็การันตีความเข้มข้นแล้วใช่ไหมครับ Denzel แกเล่นเป็น Eli ชายผู้เดินทางอย่างโดดเดี่ยวในโลกที่ล่มสลายหลังสงครามโลกครั้งใหญ่ ทุกอย่างพังทลาย ผู้คนสิ้นหวัง ชีวิตประจำวันคือการเอาตัวรอดจากการถูกปล้น ทำร้าย หรือแม้กระทั่งกินกันเอง สภาพแวดล้อมคือแห้งแล้ง ทุรกันดาร เต็มไปด้วยฝุ่นและซากปรักหักพัง เป็นภาพที่หดหู่แต่ก็สมจริงมากๆ ครับ
Eli แกไม่ได้เดินทางมือเปล่าครับ แกพกดาบมาด้วย! ไม่ใช่ดาบธรรมดานะครับ เป็นดาบที่เหมือนกับว่าแกฝึกฝนมาอย่างดี โคตรอันตราย โคตรคล่องแคล่ว ฉากแอ็คชั่นนี่คือต้องร้องว้าวเลยครับ Denzel แกอายุเยอะแล้วนะ แต่ฉากบู๊แกนี่สู้กับไอ้พวกอันธพาลที่มารุมล้อมได้แบบนิ่งๆ ชนิดที่ว่าไม่ต้องมีสลิง ไม่ต้องมี CG เยอะแยะ แค่การเคลื่อนไหว การใช้ดาบ การหลบหลีก คือมันเท่มากๆ ครับ ดูแล้วแบบ "เฮ้ย! พี่ Denzel ยังเก๋าอยู่เลยว่ะ!"
แต่สิ่งที่ทำให้ Eli ต่างจากตัวละครอื่นในหนังแนวเดียวกันคือ "เป้าหมาย" ของแกครับ แกไม่ได้เดินทางเพื่อหาอาหาร หาที่อยู่ หรือหาผู้คนแกเดินทางเพื่อ "คัมภีร์" ครับ! ใช่ครับ คัมภีร์ที่แกพกติดตัวและปกป้องอย่างสุดชีวิต ซึ่งแกเชื่อว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยฟื้นฟูโลกที่ล่มสลายนี้ให้กลับมามีหวังอีกครั้ง การเดินทางของแกจึงเต็มไปด้วยอุปสรรค ไม่ใช่แค่จากผู้คน แต่รวมถึงสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายด้วย
ตัวร้ายหลักของเรื่องก็คือ Carnegie ที่รับบทโดย Gary Oldman ครับ แกเป็นผู้นำกลุ่มคนที่มีอำนาจในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง Carnegie แกก็มีความทะเยอทะยานอยากที่จะครอบครองคัมภีร์เล่มนี้เหมือนกัน เพราะแกเชื่อว่ามันเป็นเครื่องมือที่จะทำให้แกมีอำนาจเหนือกว่าคนอื่น แกก็เลยพยายามจะแย่งชิงมันมาจาก Eli นี่แหละครับ การปะทะกันระหว่าง Eli กับ Carnegie นี่คือจุดไคลแม็กซ์ที่คนดูรอคอยเลยครับ
หนังเรื่องนี้มีอะไรมากกว่าฉากแอ็คชั่นเดือดๆ นะครับ มันแฝงไปด้วยข้อคิดเกี่ยวกับศรัทธา ความหวัง และความสำคัญของความรู้ครับ Eli แกเชื่อมั่นในสิ่งที่แกทำอย่างแรงกล้า แม้ว่าคนรอบข้างจะมองว่าแกบ้า หรือสิ่งที่แกทำมันไร้สาระ แต่แกก็ไม่เคยย่อท้อ การเดินทางที่ยาวนานของแกมันแสดงให้เห็นถึงความอดทนและความมุ่งมั่นที่น่าทึ่ง
สิ่งที่ผมชอบอีกอย่างในหนังเรื่องนี้คือ "ภาพ" ครับ ถึงแม้จะเป็นโลกที่ล่มสลาย แต่ผู้กำกับ Allen Hughes แกก็ถ่ายทอดออกมาได้สวยงามในความหดหู่ มีการใช้แสงเงา การจัดองค์ประกอบภาพที่ทำให้น่าติดตาม การที่โลกมันแห้งแล้ง แสงแดดแรงๆ ฟุ้งๆ มันยิ่งส่งเสริมให้ฉากแอ็คชั่นดูดิบและถึงพริกถึงขิงมากขึ้นไปอีกครับ
อีกตัวละครที่น่าสนใจคือ Solara ที่รับบทโดย Mila Kunis ครับ แกเป็นหญิงสาวที่เข้ามาพัวพันกับการเดินทางของ Eli และได้เรียนรู้จากแก Solara เป็นตัวแทนของคนที่กำลังสูญเสียความหวังในโลกใบนี้ และการที่แกได้มาพบกับ Eli ก็เหมือนกับได้เจอแสงสว่างท่ามกลางความมืด การแสดงของ Mila Kunis ก็ทำได้ดีครับ เธอดูมีความเปราะบางแต่ก็มีความแข็งแกร่งซ่อนอยู่
สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้ "พีค" จริงๆ คือ "จุดหักมุม" ครับ! บอกตรงๆ ว่าตอนดูครั้งแรกผมอึ้งไปเลยครับ ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ มันทำให้หนังเรื่องนี้มีคุณค่ามากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว ใครที่ยังไม่เคยดู ผมแนะนำให้ไปหามาดูเลยครับ แล้วจะเข้าใจว่าทำไมผมถึงบอกว่ามัน "พีค"
เรื่องบทสนทนาในเรื่องก็คมคายครับ ถึงแม้ Eli จะเป็นคนพูดน้อย แต่ทุกคำที่แกพูดออกมา มันมีความหมาย มันกินใจ มันสะท้อนถึงปรัชญาชีวิตของแกได้เป็นอย่างดี การที่แกเดินทางมาไกลขนาดนี้ด้วยศรัทธาอย่างแรงกล้า มันทำให้เราได้คิดตามไปด้วยครับว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญจริงๆ ในชีวิต
ถ้าจะให้สรุป "The Book of Eli" เป็นหนังที่ครบเครื่องครับ มีทั้งฉากแอ็คชั่นที่โคตรมันส์ การแสดงอันทรงพลังของ Denzel Washington และ Gary Oldman เนื้อเรื่องที่เข้มข้นแฝงไปด้วยข้อคิดดีๆ และจุดหักมุมที่คาดไม่ถึง เป็นหนังที่ดูจบแล้วจะรู้สึก "อิ่ม" ครับ ไม่ใช่แค่หนังแอ็คชั่นมันส์ๆ ทั่วไป แต่มันมีอะไรให้คิดต่อ
สำหรับใครที่กำลังมองหาหนังดีๆ สักเรื่องไว้ดูช่วงวันหยุด หรืออยากหาอะไรที่ดูแล้วไม่เสียเวลา "The Book of Eli" คือคำตอบครับ ผมให้คะแนนเต็ม 10 ไปเลยครับ สำหรับความบันเทิง ความคิด และความประทับใจ ใครเคยดูแล้วมาคุยกันได้นะครับ หรือใครที่ยังไม่เคยดู ลองไปหามาดูกัน แล้วมาบอกผมด้วยนะครับว่าชอบเหมือนผมหรือเปล่า! ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ ไว้เจอกันใหม่ในรีวิวหน้าครับ!
หนังคัมภีร์พิฆาต... Eli: โคตรเดือด โคตรมันส์ สไตล์ Denzel Washington ที่คนคอหนังไม่ควรพลาด!
TITLE: หนังคัมภีร์พิฆาต... Eli: โคตรเดือด โคตรมันส์ สไตล์ Denzel Washington ที่คนคอหนังไม่ควรพลาด!
สวัสดีครับ ชาว Pantip ทุกท่าน วันนี้ผมมีหนังดีหนังเด็ดมาแนะนำให้ชมกันครับ ชื่อเรื่องว่า "The Book of Eli" หรือ "คัมภีร์พลิกชะตา" ฉายเมื่อปี 2010 เป็นหนังแนวโพสต์อะโพคาลิปส์ (หลังวันสิ้นโลก) ที่บอกเลยว่าดูจบแล้วอิ่มเอมใจ พร้อมกับได้ข้อคิดดีๆ กลับไปเยอะเลยครับ หลายคนอาจจะเคยดูแล้ว หรือบางคนอาจจะยังไม่เคยดู วันนี้ผมจะมาเล่าสู่กันฟังแบบบ้านๆ สไตล์คนดูจริง ไม่ต้องอวย ไม่ต้องอวย แต่รับรองว่ามันส์!
เริ่มแรกเลยนะครับ หนังเรื่องนี้ได้ Denzel Washington มาประกบนั่นเองครับ แค่ได้ยินชื่อนี้ก็การันตีความเข้มข้นแล้วใช่ไหมครับ Denzel แกเล่นเป็น Eli ชายผู้เดินทางอย่างโดดเดี่ยวในโลกที่ล่มสลายหลังสงครามโลกครั้งใหญ่ ทุกอย่างพังทลาย ผู้คนสิ้นหวัง ชีวิตประจำวันคือการเอาตัวรอดจากการถูกปล้น ทำร้าย หรือแม้กระทั่งกินกันเอง สภาพแวดล้อมคือแห้งแล้ง ทุรกันดาร เต็มไปด้วยฝุ่นและซากปรักหักพัง เป็นภาพที่หดหู่แต่ก็สมจริงมากๆ ครับ
Eli แกไม่ได้เดินทางมือเปล่าครับ แกพกดาบมาด้วย! ไม่ใช่ดาบธรรมดานะครับ เป็นดาบที่เหมือนกับว่าแกฝึกฝนมาอย่างดี โคตรอันตราย โคตรคล่องแคล่ว ฉากแอ็คชั่นนี่คือต้องร้องว้าวเลยครับ Denzel แกอายุเยอะแล้วนะ แต่ฉากบู๊แกนี่สู้กับไอ้พวกอันธพาลที่มารุมล้อมได้แบบนิ่งๆ ชนิดที่ว่าไม่ต้องมีสลิง ไม่ต้องมี CG เยอะแยะ แค่การเคลื่อนไหว การใช้ดาบ การหลบหลีก คือมันเท่มากๆ ครับ ดูแล้วแบบ "เฮ้ย! พี่ Denzel ยังเก๋าอยู่เลยว่ะ!"
แต่สิ่งที่ทำให้ Eli ต่างจากตัวละครอื่นในหนังแนวเดียวกันคือ "เป้าหมาย" ของแกครับ แกไม่ได้เดินทางเพื่อหาอาหาร หาที่อยู่ หรือหาผู้คนแกเดินทางเพื่อ "คัมภีร์" ครับ! ใช่ครับ คัมภีร์ที่แกพกติดตัวและปกป้องอย่างสุดชีวิต ซึ่งแกเชื่อว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยฟื้นฟูโลกที่ล่มสลายนี้ให้กลับมามีหวังอีกครั้ง การเดินทางของแกจึงเต็มไปด้วยอุปสรรค ไม่ใช่แค่จากผู้คน แต่รวมถึงสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายด้วย
ตัวร้ายหลักของเรื่องก็คือ Carnegie ที่รับบทโดย Gary Oldman ครับ แกเป็นผู้นำกลุ่มคนที่มีอำนาจในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง Carnegie แกก็มีความทะเยอทะยานอยากที่จะครอบครองคัมภีร์เล่มนี้เหมือนกัน เพราะแกเชื่อว่ามันเป็นเครื่องมือที่จะทำให้แกมีอำนาจเหนือกว่าคนอื่น แกก็เลยพยายามจะแย่งชิงมันมาจาก Eli นี่แหละครับ การปะทะกันระหว่าง Eli กับ Carnegie นี่คือจุดไคลแม็กซ์ที่คนดูรอคอยเลยครับ
หนังเรื่องนี้มีอะไรมากกว่าฉากแอ็คชั่นเดือดๆ นะครับ มันแฝงไปด้วยข้อคิดเกี่ยวกับศรัทธา ความหวัง และความสำคัญของความรู้ครับ Eli แกเชื่อมั่นในสิ่งที่แกทำอย่างแรงกล้า แม้ว่าคนรอบข้างจะมองว่าแกบ้า หรือสิ่งที่แกทำมันไร้สาระ แต่แกก็ไม่เคยย่อท้อ การเดินทางที่ยาวนานของแกมันแสดงให้เห็นถึงความอดทนและความมุ่งมั่นที่น่าทึ่ง
สิ่งที่ผมชอบอีกอย่างในหนังเรื่องนี้คือ "ภาพ" ครับ ถึงแม้จะเป็นโลกที่ล่มสลาย แต่ผู้กำกับ Allen Hughes แกก็ถ่ายทอดออกมาได้สวยงามในความหดหู่ มีการใช้แสงเงา การจัดองค์ประกอบภาพที่ทำให้น่าติดตาม การที่โลกมันแห้งแล้ง แสงแดดแรงๆ ฟุ้งๆ มันยิ่งส่งเสริมให้ฉากแอ็คชั่นดูดิบและถึงพริกถึงขิงมากขึ้นไปอีกครับ
อีกตัวละครที่น่าสนใจคือ Solara ที่รับบทโดย Mila Kunis ครับ แกเป็นหญิงสาวที่เข้ามาพัวพันกับการเดินทางของ Eli และได้เรียนรู้จากแก Solara เป็นตัวแทนของคนที่กำลังสูญเสียความหวังในโลกใบนี้ และการที่แกได้มาพบกับ Eli ก็เหมือนกับได้เจอแสงสว่างท่ามกลางความมืด การแสดงของ Mila Kunis ก็ทำได้ดีครับ เธอดูมีความเปราะบางแต่ก็มีความแข็งแกร่งซ่อนอยู่
สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้ "พีค" จริงๆ คือ "จุดหักมุม" ครับ! บอกตรงๆ ว่าตอนดูครั้งแรกผมอึ้งไปเลยครับ ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ มันทำให้หนังเรื่องนี้มีคุณค่ามากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว ใครที่ยังไม่เคยดู ผมแนะนำให้ไปหามาดูเลยครับ แล้วจะเข้าใจว่าทำไมผมถึงบอกว่ามัน "พีค"
เรื่องบทสนทนาในเรื่องก็คมคายครับ ถึงแม้ Eli จะเป็นคนพูดน้อย แต่ทุกคำที่แกพูดออกมา มันมีความหมาย มันกินใจ มันสะท้อนถึงปรัชญาชีวิตของแกได้เป็นอย่างดี การที่แกเดินทางมาไกลขนาดนี้ด้วยศรัทธาอย่างแรงกล้า มันทำให้เราได้คิดตามไปด้วยครับว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญจริงๆ ในชีวิต
ถ้าจะให้สรุป "The Book of Eli" เป็นหนังที่ครบเครื่องครับ มีทั้งฉากแอ็คชั่นที่โคตรมันส์ การแสดงอันทรงพลังของ Denzel Washington และ Gary Oldman เนื้อเรื่องที่เข้มข้นแฝงไปด้วยข้อคิดดีๆ และจุดหักมุมที่คาดไม่ถึง เป็นหนังที่ดูจบแล้วจะรู้สึก "อิ่ม" ครับ ไม่ใช่แค่หนังแอ็คชั่นมันส์ๆ ทั่วไป แต่มันมีอะไรให้คิดต่อ
สำหรับใครที่กำลังมองหาหนังดีๆ สักเรื่องไว้ดูช่วงวันหยุด หรืออยากหาอะไรที่ดูแล้วไม่เสียเวลา "The Book of Eli" คือคำตอบครับ ผมให้คะแนนเต็ม 10 ไปเลยครับ สำหรับความบันเทิง ความคิด และความประทับใจ ใครเคยดูแล้วมาคุยกันได้นะครับ หรือใครที่ยังไม่เคยดู ลองไปหามาดูกัน แล้วมาบอกผมด้วยนะครับว่าชอบเหมือนผมหรือเปล่า! ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ ไว้เจอกันใหม่ในรีวิวหน้าครับ!