ดูข่าวน้ำท่วมไปแล้วก็เครียดแทนผู้ประสบเหตุจริง ๆ ครับ ไม่อยากคิดว่าถ้าเป็นเรา เราจะทำยังไงดีนะ ทั้งก่อน ระหว่าง และ หลังน้ำท่วม ไหน ๆ เราชอบเขียนชอบสรุป ก็เลยอยากใช้ความสามารถของตัวเองช่วยเหลือเท่าที่ทำได้นะครับ ผมสรุปขั้นตอนสำหรับผู้ประสบภัยน้ำท่วมบ้านมาให้ เผื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาของเพื่อน ๆ ได้ ไม่มากก็น้อยนะครับ
@@@
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม :
- มือถือ สำหรับถ่ายภาพ และ เป็นไฟฉายได้ หากไฟฉายไม่มี
- ถุงมือยาง หน้ากาก N95
- ไขควงวัดไฟ
- ถุงขยะ
- น้ำยาทำความสะอาด ไฮเตอร์ ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน
- แปรงขัดต่าง ๆ ไม้รีดน้ำ ไม้ม้อบผืนใหญ่ๆ
- เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง,สายยางยาว ๆ
- ไดโว่/ปั๊มสูบน้ำ
- เครื่องดูดความชื้น (Option)
บุคคลที่ต้องเตรียมหาติดต่อ
1. ช่างไฟ ช่างประปา
2. ช่างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า
3. ช่างทาสี
4. ผู้รับเหมา ดูดี ๆ นะครับ เดี๋ยวจะโดนโกงซ้ำเติมกันไปอีก ในวิกฤตช่างอาจจะหายาก และเรียกแพงครับ อาจจะทำเท่าที่จำเป็นก่อน ส่วนอื่นไว้รอสถานการณ์เบาลง ค่อยหาทางทำ
หลังน้ำลด ก่อนเข้าสำรวจความเสียหายของบ้าน สิ่งที่ต้องตรวจสอบก่อนเลยคือ
✅
1) ตรวจความปลอดภัยก่อนเข้าไปในบ้าน
จุดที่ 1 : ไปตู้เบรกเกอร์เช็ค
ไฟฟ้า ว่าปิดเบรกเกอร์แล้วหรือยัง สับเบรกเกอร์ลงก่อนนะครับ
สำคัญนะครับ เพราะตอนน้ำท่วม เค้าจะตัดไฟ แต่ถ้าสถานการณ์ปกติกลับมาแล้ว ไฟมา แน่นอนว่าความเสี่ยงจะตามมาด้วย ก่อนเข้าบ้าน หรือ บริเวณที่มีน้ำขัง หาไขควงวัดไฟ ติดมือไว้หน่อยนะครับ ใส่รองเท้าบูทยาง ถุงมือก่อนจับสิ่งของใด ๆ นะครับ
จุดที่ 2 : เช็คมิเตอร์ไฟหน้าบ้าน หากเห็นว่ามิเตอร์ไฟฟ้าหน้าบ้านยังหมุนอยู่แม้จะปิดสวิตช์ทุกจุด แสดงว่ามีไฟรั่ว ให้รีบติดต่อการไฟฟ้าทันที
จุดที่ 3 : เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่เสียบทิ้งไว้ เช่น ตู้เย็น หรือ อื่น ๆ (หากดึงปลั๊กไม่ทัน) ดึงออกก่อนนะครับ
จุดที่ 4 : เศษซากของใช้ที่กองรวม ๆ อาจจะมีสัตว์ร้ายที่มากับน้ำ ระวังด้วยนะครับ
ในส่วนนี้ ไหน ๆ ก็เกิดเหตุแล้ว ถ้าพอมีงบ สามารถเดินไฟใหม่ได้ ในบ้านที่เก่าเกิน 20 ปีไปแล้ว แนะนำเดินใหม่ แต่หากบ้านยังไม่เก่ามาก มีระบบเบรกเกอร์ดีอยู่ เมื่อน้ำลดน้ำแห้งแล้ว ให้ตรวจสอบความชื้นบริเวณปลั๊กต่าง ๆ ทดลองสับเบรกเกอร์ขึ้น เมื่ทุกอย่างแห้งดี เพื่อทดสอบระบบไฟ หากตรงไหนที่ชื้น อาจจะมีการตัด หรือ แท็บ ของเบรกเกอร์ ให้เรียกช่างไฟมาตรวจสอบเป็นจุด ๆ ได้ครับ แต่เพื่อความสบายใจ ให้ช่างไฟ เป็นผู้ตรวจสอบ จะปลอดภัยที่สุดครับ
✅
2) เก็บของสำคัญ และถ่ายรูปความเสียหาย
ในส่วนนี้ หากมีทำประกันไว้ อย่าเพิ่งเคลื่อนย้ายของ ทำความสะอาด ให้ถ่ายรูป เก็บหลักฐานไว้ให้มาก ๆ ทั้งภาพนิ่ง ทั้งวีดีโอ เพื่อประกอบการเคลมนะครับ ถ่ายความเสียหายให้ครบถ้วน ทั้งโครงสร้าง ภายใน ภายนอก เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ทำรายการสิ่งของเสียหายไว้ได้เลยครับ
✅
3) Big Cleaning
🔹ก่อนเริ่มทำ ต้องขนของออกมาข้างนอกให้หมดก่อน จึงเริ่มทำความสะอาดนะครับ แยกกองของออกเป็นหมวด ๆ / ของรอซ่อม / ของเสียทิ้ง / ของบริจาค(บางอย่างที่พอใช้แต่ไม่อยากใช้ต่อแล้ว) ของที่มัก
ต้องทิ้ง ฟูกที่นอน โซฟาผ้า ตู้ไม้อัด, เฟอร์บาง ๆ อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ถูกน้ำท่วมถึงมอเตอร์
ส่วนของที่
ซ่อมได้ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ไม้จริง เครื่องใช้ไฟฟ้าบางชนิด (แต่ต้องให้ช่างเช็คก่อน)
🔹 เอาน้ำออก / ขัดโคลน ใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง ฉีดไล่คราบโคลน คราบสกปรก จะเบาแรง ใช้ไม้รีดน้ำ ไล่น้ำท่วมออกนอกบ้าน ขัดโคลนออกจากพื้นและผนังทันที น้ำท่วมทิ้งไว้นานยิ่งทำความสะอาดยาก ถ้ามีปั๊มสูบน้ำออก จะช่วยเอาน้ำออกได้ไวมากขึ้น
🔹 ล้างด้วยน้ำสะอาด + น้ำยาฆ่าเชื้อ เคยมีคนที่ประสบเหตุแนะนำให้ใช้ไฮเตอร์ ผสมตามอัตราส่วน จะช่วยทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคเชื้อราได้ดีนะครับ
เน้นทำความสะอาดตัวบ้านก่อน เฟอร์นิเจอร์ ของ เอาไว้ทีหลัง
✅
4) ตากแห้ง / ไล่ความชื้น
น้ำขังทำให้เกิดเชื้อราเร็วมาก เปิดประตูหน้าต่างให้ลมผ่าน ใช้พัดลมเป่า / เครื่องดูดความชื้น เฟอร์นิเจอร์ไม้แท้ที่ทนน้ำ ให้ทำความสะอาดและยกไปตากแดดอ่อน ๆ หรือ ที่ลมพัดผ่าน ช่องสวิตซ์ไฟ แกะหน้ากากออกมาได้ก็ทำนะครับ เป่าลมเข้าไปให้แห้งไว ๆ
✅
5) ตรวจระบบไฟฟ้า / ประปา / แก๊ส
ถึงตอนนี้ ถึงคิวเรียกช่างแล้วครับ ช่างไฟ ต้องมาก่อนคนแรก ตามด้วยช่างประปา ตรวจปลั๊กไฟ สวิตช์ ตู้ไฟ ใช้ได้ไหม ท่อน้ำรั่ว/ตันหรือไม่ ถังแก๊ส/หัวแก๊สยังปลอดภัยไหม
สำคัญมาก ตามข้อ 1 ย้ำอีกทีห้าม เปิดไฟทันทีหลังน้ำลดโดยไม่ตรวจความปลอดภัยก่อน
✅
7) ป้องกันโรคหลังน้ำท่วม
พยายามทำให้อากาศถ่ายเทมากที่สุดเท่าที่ทำได้ ใส่รองเท้าบูทเวลาเดินในพื้นที่ชื้น ระวังโรคฉี่หนู บาดทะยัก สัตว์มีพิษ เปลี่ยนไส้กรองน้ำ / ล้างถังเก็บน้ำ
ส่วนสี อาจจะต้องลอกสีเก่าออกทาใหม่ เพื่อป้องกันปัญหาเชื้อราที่สะสมในผนัง
✅
8) ปรับปรุงบ้าน ป้องกันน้ำท่วมในอนาคต
ถ้าฝนมาทุกปี ท่วมทุกปี ก็ต้องเตรียมตัวกันใหม่เพื่อป้องกัน ในส่วนนี้คิดว่า ท่านในพื้นที่ น่าจะมีประสบการณ์กว่าผมแน่ ๆ เห็นสภาพอาทิตย์ที่ผ่านมาแล้ว ถึงปรับปรุงไว้ ปีหน้าถ้ามาอีก ก็ต้องมาซ่อมกันใหม่อีก เห็นแล้วท้อเลยครับ
แต่คำแนะนำนึงถ้าทำได้ ก็อยากให้บ้านของเพื่อน ๆ โล่งให้ได้มากที่สุด เพื่อที่จะทำให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด หรือ ขนย้ายอพยพได้ง่ายที่สุด สิ่งใดไม่จำเป็นในบ้าน ได้โอกาสทิ้งแล้ว ก็อย่านำเข้ามาสะสมอีก บ้านโล่ง จะช่วยให้อากาศถ่ายเทดีด้วยครับ
เป็นกำลังใจให้พี่น้องชาวใต้ทุก ๆ ท่านนะครับ ขอให้ผ่านสถานการณ์เลวร้ายไปได้ในเร็ววัน
ในส่วนของการรับบริจาคของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ถ้ามีช่องทางใด ฝากประชาสัมพันธ์ให้หน่อยนะครับ เผื่อจะส่งไปช่วยครับ
หลังน้ำลด ทำอย่างไรดี มาลองช่วยกันนำเสนอแนวทางให้เพื่อน ๆ ผู้ประสบภัยกันครับ
@@@
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม :
- มือถือ สำหรับถ่ายภาพ และ เป็นไฟฉายได้ หากไฟฉายไม่มี
- ถุงมือยาง หน้ากาก N95
- ไขควงวัดไฟ
- ถุงขยะ
- น้ำยาทำความสะอาด ไฮเตอร์ ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน
- แปรงขัดต่าง ๆ ไม้รีดน้ำ ไม้ม้อบผืนใหญ่ๆ
- เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง,สายยางยาว ๆ
- ไดโว่/ปั๊มสูบน้ำ
- เครื่องดูดความชื้น (Option)
บุคคลที่ต้องเตรียมหาติดต่อ
1. ช่างไฟ ช่างประปา
2. ช่างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า
3. ช่างทาสี
4. ผู้รับเหมา ดูดี ๆ นะครับ เดี๋ยวจะโดนโกงซ้ำเติมกันไปอีก ในวิกฤตช่างอาจจะหายาก และเรียกแพงครับ อาจจะทำเท่าที่จำเป็นก่อน ส่วนอื่นไว้รอสถานการณ์เบาลง ค่อยหาทางทำ
หลังน้ำลด ก่อนเข้าสำรวจความเสียหายของบ้าน สิ่งที่ต้องตรวจสอบก่อนเลยคือ
✅ 1) ตรวจความปลอดภัยก่อนเข้าไปในบ้าน
จุดที่ 1 : ไปตู้เบรกเกอร์เช็ค ไฟฟ้า ว่าปิดเบรกเกอร์แล้วหรือยัง สับเบรกเกอร์ลงก่อนนะครับ
สำคัญนะครับ เพราะตอนน้ำท่วม เค้าจะตัดไฟ แต่ถ้าสถานการณ์ปกติกลับมาแล้ว ไฟมา แน่นอนว่าความเสี่ยงจะตามมาด้วย ก่อนเข้าบ้าน หรือ บริเวณที่มีน้ำขัง หาไขควงวัดไฟ ติดมือไว้หน่อยนะครับ ใส่รองเท้าบูทยาง ถุงมือก่อนจับสิ่งของใด ๆ นะครับ
จุดที่ 2 : เช็คมิเตอร์ไฟหน้าบ้าน หากเห็นว่ามิเตอร์ไฟฟ้าหน้าบ้านยังหมุนอยู่แม้จะปิดสวิตช์ทุกจุด แสดงว่ามีไฟรั่ว ให้รีบติดต่อการไฟฟ้าทันที
จุดที่ 3 : เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่เสียบทิ้งไว้ เช่น ตู้เย็น หรือ อื่น ๆ (หากดึงปลั๊กไม่ทัน) ดึงออกก่อนนะครับ
จุดที่ 4 : เศษซากของใช้ที่กองรวม ๆ อาจจะมีสัตว์ร้ายที่มากับน้ำ ระวังด้วยนะครับ
✅ 2) เก็บของสำคัญ และถ่ายรูปความเสียหาย
ในส่วนนี้ หากมีทำประกันไว้ อย่าเพิ่งเคลื่อนย้ายของ ทำความสะอาด ให้ถ่ายรูป เก็บหลักฐานไว้ให้มาก ๆ ทั้งภาพนิ่ง ทั้งวีดีโอ เพื่อประกอบการเคลมนะครับ ถ่ายความเสียหายให้ครบถ้วน ทั้งโครงสร้าง ภายใน ภายนอก เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ทำรายการสิ่งของเสียหายไว้ได้เลยครับ
✅ 3) Big Cleaning
🔹ก่อนเริ่มทำ ต้องขนของออกมาข้างนอกให้หมดก่อน จึงเริ่มทำความสะอาดนะครับ แยกกองของออกเป็นหมวด ๆ / ของรอซ่อม / ของเสียทิ้ง / ของบริจาค(บางอย่างที่พอใช้แต่ไม่อยากใช้ต่อแล้ว) ของที่มัก ต้องทิ้ง ฟูกที่นอน โซฟาผ้า ตู้ไม้อัด, เฟอร์บาง ๆ อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ถูกน้ำท่วมถึงมอเตอร์
ส่วนของที่ ซ่อมได้ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ไม้จริง เครื่องใช้ไฟฟ้าบางชนิด (แต่ต้องให้ช่างเช็คก่อน)
🔹 เอาน้ำออก / ขัดโคลน ใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง ฉีดไล่คราบโคลน คราบสกปรก จะเบาแรง ใช้ไม้รีดน้ำ ไล่น้ำท่วมออกนอกบ้าน ขัดโคลนออกจากพื้นและผนังทันที น้ำท่วมทิ้งไว้นานยิ่งทำความสะอาดยาก ถ้ามีปั๊มสูบน้ำออก จะช่วยเอาน้ำออกได้ไวมากขึ้น
🔹 ล้างด้วยน้ำสะอาด + น้ำยาฆ่าเชื้อ เคยมีคนที่ประสบเหตุแนะนำให้ใช้ไฮเตอร์ ผสมตามอัตราส่วน จะช่วยทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคเชื้อราได้ดีนะครับ
เน้นทำความสะอาดตัวบ้านก่อน เฟอร์นิเจอร์ ของ เอาไว้ทีหลัง
✅ 4) ตากแห้ง / ไล่ความชื้น
น้ำขังทำให้เกิดเชื้อราเร็วมาก เปิดประตูหน้าต่างให้ลมผ่าน ใช้พัดลมเป่า / เครื่องดูดความชื้น เฟอร์นิเจอร์ไม้แท้ที่ทนน้ำ ให้ทำความสะอาดและยกไปตากแดดอ่อน ๆ หรือ ที่ลมพัดผ่าน ช่องสวิตซ์ไฟ แกะหน้ากากออกมาได้ก็ทำนะครับ เป่าลมเข้าไปให้แห้งไว ๆ
✅ 5) ตรวจระบบไฟฟ้า / ประปา / แก๊ส
ถึงตอนนี้ ถึงคิวเรียกช่างแล้วครับ ช่างไฟ ต้องมาก่อนคนแรก ตามด้วยช่างประปา ตรวจปลั๊กไฟ สวิตช์ ตู้ไฟ ใช้ได้ไหม ท่อน้ำรั่ว/ตันหรือไม่ ถังแก๊ส/หัวแก๊สยังปลอดภัยไหม
สำคัญมาก ตามข้อ 1 ย้ำอีกทีห้าม เปิดไฟทันทีหลังน้ำลดโดยไม่ตรวจความปลอดภัยก่อน
✅ 7) ป้องกันโรคหลังน้ำท่วม
พยายามทำให้อากาศถ่ายเทมากที่สุดเท่าที่ทำได้ ใส่รองเท้าบูทเวลาเดินในพื้นที่ชื้น ระวังโรคฉี่หนู บาดทะยัก สัตว์มีพิษ เปลี่ยนไส้กรองน้ำ / ล้างถังเก็บน้ำ
ส่วนสี อาจจะต้องลอกสีเก่าออกทาใหม่ เพื่อป้องกันปัญหาเชื้อราที่สะสมในผนัง
✅ 8) ปรับปรุงบ้าน ป้องกันน้ำท่วมในอนาคต
ถ้าฝนมาทุกปี ท่วมทุกปี ก็ต้องเตรียมตัวกันใหม่เพื่อป้องกัน ในส่วนนี้คิดว่า ท่านในพื้นที่ น่าจะมีประสบการณ์กว่าผมแน่ ๆ เห็นสภาพอาทิตย์ที่ผ่านมาแล้ว ถึงปรับปรุงไว้ ปีหน้าถ้ามาอีก ก็ต้องมาซ่อมกันใหม่อีก เห็นแล้วท้อเลยครับ
แต่คำแนะนำนึงถ้าทำได้ ก็อยากให้บ้านของเพื่อน ๆ โล่งให้ได้มากที่สุด เพื่อที่จะทำให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด หรือ ขนย้ายอพยพได้ง่ายที่สุด สิ่งใดไม่จำเป็นในบ้าน ได้โอกาสทิ้งแล้ว ก็อย่านำเข้ามาสะสมอีก บ้านโล่ง จะช่วยให้อากาศถ่ายเทดีด้วยครับ
เป็นกำลังใจให้พี่น้องชาวใต้ทุก ๆ ท่านนะครับ ขอให้ผ่านสถานการณ์เลวร้ายไปได้ในเร็ววัน
ในส่วนของการรับบริจาคของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ถ้ามีช่องทางใด ฝากประชาสัมพันธ์ให้หน่อยนะครับ เผื่อจะส่งไปช่วยครับ