มันจริง to a certain level
ผมบอกตัวเลขไม่ได้ เพราะแต่ละคนต่างกัน มันหลายปัจจัยเกิน
บอกตัวเลขมาเดี่ยวก็เป็น anchor มาแย้งกันอีก
(range ที่คุยกัน ณที่นี้ คงราวๆ 20,000 - 500,000)
คือ
ไม่นึกถึงคุณภาพชีวิตหรอ
คนนึงเหลือเก็บก็จริงอะ แต่เขียมเกิน
ไม่มีชีวิตเลย
อีกคนรายได้ต่อเดือนเยอะกว่ามาก แม้เหลือเก็บน้อยกว่าหน่อย
แต่ได้ไปคอนเสิตที่ชอบนะ (ชีวิตไม่ได้มีแค่เรื่องเงิน)
ได้พาแม่ไปเที่ยวที่ๆแม่อยากไปอีกครั้งนะ
ได้ร่นเวลาวันละ 1-2 ชม. (ไม่ว่าสิ่งหรือกิจกรรมนั้นคืออะไรก็ตาม)
ได้มีโมเม้นพิเศษของตัวเอง ไม่ว่าจะจากสินค้าหรือบริการ
ต่อให้พูดไปถึงเรื่องธุรกิจ ก็ยังเป็นตัวอย่างได้
อ่อ ทำธุรกิจเจ๊งแล้วไง เป็นหนี้แล้วไง ไม่เหลือเก็บแล้วไง ได้ประสบการณ์หนิ
อีกคน กลัวเสียเงิน ลงทุน index อย่างเดียว ค่อยๆ 30-40 ปีถึงเห็นผล
ไม่ใช่ไม่ดี ไม่ได้ผิด แต่มันไม่มี escaping power
คนเจ๊งที่มาหลายๆรอบ เป็นหนี้ จู่ๆวันนึง
สุดท้ายดันทำติดขึ้นมา พุ่งเป็น exponential เลย
นึกออกที่จะสื่อไหม
คือได้ยินบ่อยเกินไง จนหลายคนอินจนเอาไปเป็น golden rule
ไม่สำคัญว่ารายได้เท่าไหร่ สำคัญว่าเหลือเก็บ/ลงทุนเท่าไหร่ ไม่เข้าใจคำนี้ งง
ผมบอกตัวเลขไม่ได้ เพราะแต่ละคนต่างกัน มันหลายปัจจัยเกิน
บอกตัวเลขมาเดี่ยวก็เป็น anchor มาแย้งกันอีก
(range ที่คุยกัน ณที่นี้ คงราวๆ 20,000 - 500,000)
คือ
ไม่นึกถึงคุณภาพชีวิตหรอ
คนนึงเหลือเก็บก็จริงอะ แต่เขียมเกิน
ไม่มีชีวิตเลย
อีกคนรายได้ต่อเดือนเยอะกว่ามาก แม้เหลือเก็บน้อยกว่าหน่อย
แต่ได้ไปคอนเสิตที่ชอบนะ (ชีวิตไม่ได้มีแค่เรื่องเงิน)
ได้พาแม่ไปเที่ยวที่ๆแม่อยากไปอีกครั้งนะ
ได้ร่นเวลาวันละ 1-2 ชม. (ไม่ว่าสิ่งหรือกิจกรรมนั้นคืออะไรก็ตาม)
ได้มีโมเม้นพิเศษของตัวเอง ไม่ว่าจะจากสินค้าหรือบริการ
ต่อให้พูดไปถึงเรื่องธุรกิจ ก็ยังเป็นตัวอย่างได้
อ่อ ทำธุรกิจเจ๊งแล้วไง เป็นหนี้แล้วไง ไม่เหลือเก็บแล้วไง ได้ประสบการณ์หนิ
อีกคน กลัวเสียเงิน ลงทุน index อย่างเดียว ค่อยๆ 30-40 ปีถึงเห็นผล
ไม่ใช่ไม่ดี ไม่ได้ผิด แต่มันไม่มี escaping power
คนเจ๊งที่มาหลายๆรอบ เป็นหนี้ จู่ๆวันนึง
สุดท้ายดันทำติดขึ้นมา พุ่งเป็น exponential เลย
นึกออกที่จะสื่อไหม
คือได้ยินบ่อยเกินไง จนหลายคนอินจนเอาไปเป็น golden rule