ตอนนี้ผมอยู่ม.6 ที่ผ่านมาตั้งแต่ม.1ถึงม.5 ผมแค่เรียนไปวันๆโดยไม่มีเป้าหมาย ในตอนนั้นผมคิดแค่ว่าขอให้ไม่ติด 0 ติด ร ก็พอเพราะไม่รู้ว่าเรียนแล้วจะเอาไปใช้อะไรในชีวิตได้ พอขึ้นม.4 ก็ยังอยู่ที่เดิม(สายวิทย์คณิต) โดยที่ก็เรียนๆไป ไม่ค่อยตั้งใจเรียนโดยเฉพาะฟิสิกส์เคมีชีวะแทบไม่รอดเลย มีแค่คณิตที่บางทีพอทำได้ วิชาที่ค่อนข้างดีคือภาษาไทยและสังคมเรียนแค่ครั้งเดียวหรือทวนนิดหน่อยก็ทำได้เลย ภาษาอังกฤษก็พอใช้กลางๆค่อนไปเกือบดีเพราะตอนประถมเรียน EP มา ช่วงนั้นในหัวผมมีแต่ความอคติกับวิชาวิทย์คณิต รู้สึกว่ายากรู้สึกว่าทำไม่ได้ทั้งที่ยังไม่ได้เปิดใจและตัดสินกับตัวเองว่ามันไม่ใช่ตัวเรา ตอนม.4 ม.5 ในช่วงนี้ก็มักจะมีพ่อแม่และญาติๆถามตลอดว่าโตขึ้นอยากเป็นไร เราตอบไปแค่ว่า "ไม่รู้ครับ" จนม.5 ด้วยความที่เรารู้สึกชอบพวกหนังพวกภาพยนตร์ เราก็อยากที่จะไปทางนิเทศน์เพราะคิดว่ามันไม่ค่อยได้ใช้วิทย์คณิต จนกระทั่งม.6 พึ่งเปิดเทอมใหม่ๆ อาจารย์ก็เลยถามนักเรียนว่ามีแพลนจะไปต่อมหาวิทยาลัยไหน คณะอะไร เราจึงไปรู้มาว่าคนที่เราแอบชอบอยากเข้าม.เกษตร เราจึงไปหามาว่าม.เกษตรมีคณะอะไรบ้าง ความคิดเริ่มเปลี่ยนไปในตอนที่เราเหลือบไปเห็นคณะบริหารธุรกิจเพราะอยากเรียนรู้พวกการลงทุน อยากสร้างธุรกิจของตัวเอง+อยากเรียนที่เดียวกับคนที่ชอบ แต่ทั้งที่เราเปิดเทอมม.6 แล้วเรายังไม่รู้ว่า TGAT TPAT A-Level คืออะไร เราจึงไปหาข้อมูลมาว่าบริหารธุรกิจใช้คะแนนอะไรบ้าง ซึ่งมันใช้แค่ TGAT กับ A-LEVELคณิต2 และก็อังกฤษ เราจึงคิดว่าเดี๋ยวค่อยเตรียมแล้วกันดูใช้ไม่เยอะน่าจะอ่านทัน จนมีวันนึงตอนม.6 เทอม 2 เราได้ไปเห็นแมวแรคดอลรู้สึกว่ามันน่ารักมากๆ และเริ่มมีความฝันว่าอยากเลี้ยงแรคดอลสักตัวในอนาคตแต่ตัวที่เราอยากได้ก็ตัวละแสนเลยเราก็เริ่มคิดว่าเราจะต้องมีงานดีๆทำในอนาคต และเริ่มมีความคิดว่าถ้าเราอยากลงทุนหรือทำธุรกิจเราไม่เห็นจำเป็นต้องเรียนบริหารเลย เราไปเรียนอาชีพที่มีมีเงินเดือนมากพอและใบประกอบวิชาชีพที่นำไปต่อยอดทำธุรกิจดีกว่า คณะในฝันของเราจึงเปลี่ยนอีกครั้งแต่ครั้งนี้ไม่ใช่แค่คณะในฝันแต่มันเปลี่ยนเปลี่ยนอาชีพในฝันนั่นคือ "สัตวแพทย์" ด้วยความที่เรารักสัตว์โดยเฉพาะแมวแรคดอล อยากช่วยเหลือสัตว์ที่น่าสงสารที่มีอาการผิดปกติให้เขาหายดี เพราะหมอคนยังถามคนไข้ได้ แต่หมอสัตว์ต้องสังเกตุคนไข้เองเพราะพวกมันพูดไม่ได้ บวกกับดันเป็นคณะในฝันของคนที่ชอบอีก ยิ่งทำให้คณะนี้มีความหมายกับเรามากๆ เรารู้เลยว่าถ้าเราติดชีวิตเรามันจะดีกว่านี้แน่นอน แต่เราก็กลับมาในความเป็นจริงคณะนี้ต้องใช้คะแนนวิทย์คณิตที่ไม่ถนัดและใช้เยอะซะด้วย ซึ่งคณะนี้ในปีอื่นๆรับ 2 ทาง มหาลัยรับเองกับกสพท เราเลยเริ่มเรียน TGAT ที่มหาลัยรับเองใช้คะแนนนี้ เราได้เรียน TGAT2 พาร์ทคณิตแล้วรู้สึกว่าพอเราเริ่มเปิดใจคณิตมันกลับง่ายขึ้นเยอะมาก เข้าใจไปเกือบหมด แต่เราก็มารู้ทีหลังว่าปีนี้เปิดรับแค่กสพท ที่ใช้ TPAT1 และ A-Level อีก 7 วิชา ทำให้เราต้องไปโฟกัสกับพวกนี้และเลือกทิ้ง TGAT เพราะคิดว่าเราไม่ใช้คะแนนนี้แน่ๆเพราะเป้าหมายของเรามีอย่างเดียว ไม่ได้เราก็จะซิ่ว ทำให้ในตอนนี้ทุกความอคติที่มีต่อวิทย์คณิตมันหายไปหมด เป็นลองเปิดใจกับมัน จากความคิดที่ว่ายากจังทำไม่ได้หรอก เป็นมันจะยากซักแค่ไหนกันเชียว คนอื่นทำได้เราก็ทำได้ ความคิดที่ว่าเรียนไปทำไมเปลี่ยนเป็นวิชานี้มันเป็นยังไงแทน จนตอนนี้พึ่งเริ่มมาได้นิดหน่อยแต่กลับเรียนคณิตในห้องเข้าใจมากขึ้นทั้งที่ปกติแทบไม่เคยเข้าใจ ฟิสิกส์เริ่มเข้าใจนิดหน่อย ชีวะพอเข้าใจบางอย่าง เคมีตอนนี้เขาไม่มีสอนแล้วให้เด็กไปเตรียมสอบเข้ามหาลัย รวมถึงการอ่านหนังสือเมื่อก่อนเราเป็นคนไม่ชอบอ่านอะไรเลย ขี้เกียจอ่าน อ่านไปก็ไม่เข้าใจอ่านโจทย์ 4-5 รอบก็ไม่เข้าใจ จนเดี๋ยวนี้เริ่มอ่านรอบเดียวก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าโจทย์ต้องการอะไร มันทำให้เราเริ่มรู้สึกว่าวิชาพวกนี้ไม่ได้ยากขนาดนั้นถ้าเราเปิดใจแล้วไม่อคติกับมัน แต่ว่าตอนนี้เราพึ่งเริ่มต้นกับการสอบที่รออยู่ 3-4 เดือนในการสอบกสพท ซึ่งเป็นเวลาที่น้อยมากๆ เราก็ทำใจไว้ส่วนหนึ่งแล้วว่าคงต้องซิ่ว แต่ตอนนี้เวลาเรายังมีอยู่เราก็ขอมีความรู้ที่ให้เราทำข้อสอบให้ได้มากที่สุดแล้วเดาให้น้อยที่สุดก็แล้วกัน ตอนนี้เป้าหมายของเราชัดเจนแล้วว่าเราต้องทำอะไรทำให้เราตั้งใจมากขึ้น ผมขอเล่าเพิ่มเติมนิดนึงนะครับ คือผมแอบชอบคนๆหนึ่งผมจำไม่ได้ว่าเริ่มชอบเธอตอนไหนแต่จำได้ว่าความรู้สึกดีๆเริ่มมีให้เธอตอนม.5 เทอมสอง เราทำงนกลุ่มอยู่กลุ่มเดียวกันเป็นถ่าย mv แล้วผมต้องเต้นเธอจึงเต้นเป็นแบบให้ดู แล้วผมรู้สึกว่าเธอน่ารักมาก เพื่อนเธอยังบอกว่าน่ารักเลย แล้วเธอตัวเล็กด้วยตรงสเปคผมสุด เธอทั้งร้องเพลงเพราะเรียนเก่ง รักสัตว์ เฟรนด์ลี่ถึงเราไม่ค่อยสนิทกันแต่เราอยู่ห้องเดียวกันตั้งแต่ม.1 ทำให้พอรู้นิสัยภายนอกกันอยู่บ้าง เธอทำให้ผมมีความคิดริเริ่มในการเปลี่ยนแปลงตัวเองเพราะรู้ว่าเราในตอนนั้นไม่เอาไหนแค่ไหน สุดท้ายนี้จริงๆจะบอกว่าการแอบรักคนๆนึงมันอาจจะเป็นแรงผลักดันที่ทำให้คนที่ไม่เอาไหน เริ่มมีเป้าหมาย มันอาจจะเพื่ออยากเป็นคนที่เหมาะสมคู่ควรกับเธอส่วนหนึ่งแต่ส่วนใหญ่มันมาจากตัวเราที่อยากมีอนาคตที่ดี อยากลองทำอะไรที่ท้าทายในสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัดหรือสิ่งที่ตัวเองเคยเกลียดดูสักครั้ง ถ้าวันนั้นเราทำสำเร็จเราก็คงภูมิใจกับตัวเองมากแน่ๆเลย ตอนนี้ถึงพึ่งเริ่มแต่ก็เริ่มเห็นได้ชัดว่าเราเก่งกว่าตัวเราเมื่อก่อนมากขึ้นจริงๆ ขอบคุณทุกคนที่สละเวลามาอ่านนะครับ มีข้อแนะนำอะไรช่วยบอกผมหน่อยนะครับ ผมอยากเป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิมเพื่ออนาคตของตัวผมเองมากจริงๆครับ ถ้าผมพิมพ์อะไรผิดไปก็ขอโทษด้วยนะครับผมขอตัวไปอ่านหนังสือก่อนนะครับ ขอบคุณครับ
ใครคนหนึ่งจะทำให้เราอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองได้มากแค่ไหน