Set ไทย / gap ไทย ได้ประมาณ 97%
Buffett Indicator หรือ Market Capitalization to GDP Ratio (อัตราส่วนมูลค่าตลาดต่อ GDP) เป็นตัวชี้วัดที่วอร์เรน บัฟเฟตต์ เคยกล่าวถึงว่าเป็น "มาตรวัดที่ดีที่สุดเพียงตัวเดียว" ในการประเมินว่า ตลาดหุ้นโดยรวม ถูกหรือแพงเมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจจริง
การตีความค่า Buffett Indicator โดยทั่วไปจะแบ่งตามช่วงค่าดังนี้ครับ:
🟢 ถูก (Undervalued)
ช่วงค่า การตีความ โอกาส
ต่ำกว่า 75% ถูกกว่าปกติ (Undervalued) เป็นช่วงที่น่าสนใจในการซื้อสะสมหุ้นในตลาดโดยรวม คาดหวังผลตอบแทนที่สูงในระยะยาว
50% ลงไป ถูกมาก (Strongly Undervalued) เป็นโอกาสทองที่หาได้ยาก มักเกิดขึ้นในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจรุนแรง
🟡 สมเหตุสมผล/ปกติ (Fairly Valued)
ช่วงค่า การตีความ โอกาส
75% - 90% มูลค่าสมเหตุสมผล (Fairly Valued) ตลาดอยู่ในระดับปกติ อาจมีโอกาสให้ผลตอบแทนตามค่าเฉลี่ยในระยะยาว
🔴 แพง (Overvalued)
ช่วงค่า การตีความ โอกาส
90% - 115% แพงขึ้นเล็กน้อย (Modestly Overvalued) เริ่มต้องระมัดระวังในการลงทุนโดยรวม อาจคาดหวังผลตอบแทนที่ลดลง
สูงกว่า 115% แพงมาก (Significantly Overvalued) ตลาดเข้าสู่ภาวะที่เรียกว่า "ฟองสบู่" (Bubble) หรือใกล้เคียง ควรระวังการปรับฐานของตลาดอย่างรุนแรง
🇹🇭 บริบทสำหรับตลาดหุ้นไทย (SET)
การตีความค่า Buffett Indicator ควรพิจารณาจาก ค่าเฉลี่ยในอดีตของประเทศนั้นๆ ด้วย เนื่องจากโครงสร้างตลาดหุ้นและเศรษฐกิจของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน
ค่าเฉลี่ยทางประวัติศาสตร์ของ SET/GDP ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา: อยู่ที่ประมาณ 97%
ค่าสูงสุดในอดีต: เคยขึ้นไปแตะที่ประมาณ 120% (เช่น ในปี 2564)
ค่าต่ำสุดในอดีต: เคยลดลงไปที่ประมาณ 72% (เช่น ในช่วงปี 2554)
ดังนั้น สำหรับตลาดหุ้นไทย:
ถ้าค่าต่ำกว่า 90%: มักถือว่าค่อนข้าง ถูก เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต
ถ้าค่าอยู่ระหว่าง 90% - 110%: ถือว่าอยู่ในระดับ สมเหตุสมผล/ปกติ
ถ้าค่าสูงกว่า 110%: เริ่มถือว่า แพง และควรเพิ่มความระมัดระวัง
โดยสรุปคือ ถ้าตัวเลข Market Cap/GDP ของไทยต่ำกว่า 90% เป็นสัญญาณที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะยาว แต่ถ้าสูงกว่า 110% ควรระวังความเสี่ยงครับ
คุณต้องการให้ฉันค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อจำกัดหรือปัจจัยอื่นที่ควรพิจารณาควบคู่กับ Buffett Indicator หรือไม่ครับ?
ผมลองใช้ buffet indecator กับไทย
Buffett Indicator หรือ Market Capitalization to GDP Ratio (อัตราส่วนมูลค่าตลาดต่อ GDP) เป็นตัวชี้วัดที่วอร์เรน บัฟเฟตต์ เคยกล่าวถึงว่าเป็น "มาตรวัดที่ดีที่สุดเพียงตัวเดียว" ในการประเมินว่า ตลาดหุ้นโดยรวม ถูกหรือแพงเมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจจริง
การตีความค่า Buffett Indicator โดยทั่วไปจะแบ่งตามช่วงค่าดังนี้ครับ:
🟢 ถูก (Undervalued)
ช่วงค่า การตีความ โอกาส
ต่ำกว่า 75% ถูกกว่าปกติ (Undervalued) เป็นช่วงที่น่าสนใจในการซื้อสะสมหุ้นในตลาดโดยรวม คาดหวังผลตอบแทนที่สูงในระยะยาว
50% ลงไป ถูกมาก (Strongly Undervalued) เป็นโอกาสทองที่หาได้ยาก มักเกิดขึ้นในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจรุนแรง
🟡 สมเหตุสมผล/ปกติ (Fairly Valued)
ช่วงค่า การตีความ โอกาส
75% - 90% มูลค่าสมเหตุสมผล (Fairly Valued) ตลาดอยู่ในระดับปกติ อาจมีโอกาสให้ผลตอบแทนตามค่าเฉลี่ยในระยะยาว
🔴 แพง (Overvalued)
ช่วงค่า การตีความ โอกาส
90% - 115% แพงขึ้นเล็กน้อย (Modestly Overvalued) เริ่มต้องระมัดระวังในการลงทุนโดยรวม อาจคาดหวังผลตอบแทนที่ลดลง
สูงกว่า 115% แพงมาก (Significantly Overvalued) ตลาดเข้าสู่ภาวะที่เรียกว่า "ฟองสบู่" (Bubble) หรือใกล้เคียง ควรระวังการปรับฐานของตลาดอย่างรุนแรง
🇹🇭 บริบทสำหรับตลาดหุ้นไทย (SET)
การตีความค่า Buffett Indicator ควรพิจารณาจาก ค่าเฉลี่ยในอดีตของประเทศนั้นๆ ด้วย เนื่องจากโครงสร้างตลาดหุ้นและเศรษฐกิจของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน
ค่าเฉลี่ยทางประวัติศาสตร์ของ SET/GDP ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา: อยู่ที่ประมาณ 97%
ค่าสูงสุดในอดีต: เคยขึ้นไปแตะที่ประมาณ 120% (เช่น ในปี 2564)
ค่าต่ำสุดในอดีต: เคยลดลงไปที่ประมาณ 72% (เช่น ในช่วงปี 2554)
ดังนั้น สำหรับตลาดหุ้นไทย:
ถ้าค่าต่ำกว่า 90%: มักถือว่าค่อนข้าง ถูก เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต
ถ้าค่าอยู่ระหว่าง 90% - 110%: ถือว่าอยู่ในระดับ สมเหตุสมผล/ปกติ
ถ้าค่าสูงกว่า 110%: เริ่มถือว่า แพง และควรเพิ่มความระมัดระวัง
โดยสรุปคือ ถ้าตัวเลข Market Cap/GDP ของไทยต่ำกว่า 90% เป็นสัญญาณที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะยาว แต่ถ้าสูงกว่า 110% ควรระวังความเสี่ยงครับ
คุณต้องการให้ฉันค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อจำกัดหรือปัจจัยอื่นที่ควรพิจารณาควบคู่กับ Buffett Indicator หรือไม่ครับ?