หลวง​พ่อชากับหลวง​ปู่​มั่น​

กระทู้คำถาม
หลวงพ่อชากับหลวงปู่มั่น

หลวงพ่อไปหยิบกัณฑ์เทศน์ของหลวงพ่อชา
มีคนส่งมาให้ ๒๐ ม้วน บังเอิญไปหยิบถูกม้วนที่ ๑๙ เอามาเปิดฟัง ฟังไปแล้วมัน ซึ้ง...ซึ้ง มันซึ้งอยู่ตรงนี้

เมื่อก่อนเราบวชเป็นพระมหานิกาย
เรารังเกียจธรรมยุต พอได้ยินคำว่าธรรมยุตนี่เหม็นเบื่อ แล้วเราก็สนใจในการปฏิบัติ เราก็แสวงหาอาจารย์ของเราในฝ่ายมหานิกาย ไปเรียนไปปฏิบัติกับท่าน ข้อวัตรปฏิบัติ เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา ท่านก็เก่งเหมือนกัน ไม่น้อยหน้าพระปฏิบัติทางฝ่ายธรรมยุต บางท่านไม่ฉันเนื้อ ไม่ฉันปลา ฉันแต่เจ ท่านก็เคร่งถึงขนาดนั้น แต่มามองดูวินัย บางข้อบางอย่างท่านหละหลวม เช่นอย่างการรับเงินรับทอง ใช้เงินใช้ทองด้วยตัวเอง

รับประเคนของค้างคืนเอาไว้
เก็บอาหารค้างคืนเอาไว้ ตื่นเช้าเอามาฉัน
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้...ท่านไม่ถือ

กาลิก หมายถึงสิ่งที่มีกำหนดกาลเวลาจำกัดเช่นอย่างอาหารนี่ เรารับประเคนฉันได้แต่เช้าชั่วเที่ยง น้ำตาลเป็นสัตตาหกาลิก
รับประเคนแล้วเก็บไว้ฉันได้ภายใน ๗ วัน
แต่จะฉันได้เฉพาะเป็นยาเท่านั้น...

มีพระอาจารย์องค์หนึ่งบอกว่า น้ำตาลที่ข้า
เอาไว้ที่ตรงนั้น...เอามาฉันกับข้าวหน่อย
พอไปได้ยินเข้า ก็มานึกว่า เอ้อ! น้ำตาลที่รับประเคนไว้แล้ว อนุญาตให้ฉันได้ภายใน๗ วันเฉพาะแต่เป็นยาเท่านั้น  แต่จะเอามาปนกับอาหารฉันนี่! มันก็กลายเป็นพวกอาหาร ต้องอาบัติปาจิตตีย์ จึงได้ไปรู้ว่า อ้อ!
ครูบาอาจารย์ฝ่ายเรานี่ ก็ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ แต่ว่าหย่อนวินัยบางข้อ

ภายหลังมาก็พยายามลดทิฏฐิมานะลง พยายามทำใจไม่ให้รังเกียจธรรมยุต จึงเข้า
ไปหาพระอาจารย์มั่น ไปอาศัยอยู่กับท่านดู
ข้อวัตรปฏิบัติของท่าน.ก็เหมือนกับอาจารย์ของเราเหมือนกัน ทีนี้ในเมื่อมองไปในทางพระวินัย ท่านละเอียด คอยดูว่าพระอาจารย์มั่นจะทำผิดวินัยข้อไหน เล็กๆ น้อยๆ ไม่ปรากฎเลย จึงได้มอบกายถวายตัวเป็นลูกศิษย์ท่าน

ทีนี้! มีเพื่อนมหาองค์หนึ่งไม่ยอม ตอนแรกพวกเราก็มีสตางค์ใส่ย่ามไปเหมือนกัน พอตัดสินใจจะเข้าหาอาจารย์มั่น สตางค์ที่มีอยู่ ก็เลยมอบให้มหาองค์นั้น เราก็ไปแต่มือเปล่าๆ มีแต่บริขารประจำตัว เวลาไปอยู่กับท่านอาจารย์มั่น ท่านจะให้อยู่ที่ไหน นั่งตรงไหน
เราเป็นพระเถระให้ไปนั่งปลายแถว เราก็เอา

คือตอนนั้นธรรมยุต กับมหานิกาย
ดูเหมือนท่านจะเคร่ง สิ่งของที่ผ่านมือมหานิกายแล้ว ธรรมยุตจะไม่รับไม่เอา
เพราะฉะนั้นอาจารย์ชาไปอยู่กับพระอาจารย์มั่น ต้องนั่งปลายแถว เพราะว่าอาหารที่แจกกับข้าว จัดๆๆ แล้ว ยังเหลืออาจารย์ชานั่งอยู่ปลายแถวต่อไป ก็ไม่มีพระองค์ไหน

ทีนี้! อยู่ไปอยู่มาก็มาสำรวมศึกษาสิกขาบทวินัยอะไรต่างๆจากท่านอาจารย์มั่น
ก็ได้ความรู้ความเข้าใจ สิ่งใดที่เราเคยละเมิดล่วงเกิน เราก็ชำระให้มันบริสุทธิ์สะอาด ที่นี้!
การปฏิบัติเมื่อจิตสงบแล้วมีแต่ความเยือกเย็น เกิดปัญญารู้ธรรมเห็นธรรมตามความเป็นจริง เมื่อก่อนนี้มันก็พอรู้พอเห็นได้ แต่ทิฏฐิมานะมันไม่ลดลง พอไปอยู่กับหลวงปู่มั่นแล้ว...

ทิฏฐิมานะ ความถือตัวถือตนนี่
มันหายหมด จึงได้ยึดเอาท่านเป็นครูบาอาจารย์
นี่! หลวงพ่อมาซึ้งคำพูดท่านที่ตรงนี้..."

พระราชสังวรญาณ (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย)
วัดป่าสาลวัน  จ.นครราชสีมา
หนังสือฐานิยปูชา ๒๕๕๓ หน้า ๖๘-๖๙
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่