
: ดู "The Intouchables" แล้วชีวิตเปลี่ยน! มิตรภาพต่างชนชั้นที่โคตรจะประทับใจ!
สวัสดีครับเพื่อนสมาชิกชาว Pantip ทุกท่าน ผมนี่เพิ่งจะว่างมานั่งดูหนังที่เค้าว่าดีกันมานานมากแล้วครับ กับเรื่อง "The Intouchables" หรือชื่อไทยสุดคลาสสิก "ขึ้นเขาลงห้วย...ฮักเลย" (อันนี้ผมแต่งเองนะ ฮ่าๆ) คือต้องบอกก่อนเลยว่าตอนแรกก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แค่เห็นเพื่อนๆ ในเฟซบุ๊กแชร์กันเยอะ ว่าเป็นหนังดี หนังซึ้ง หนังตลก คือมันรวมทุกรสชาติจริงๆ ครับ
พอได้ดูเท่านั้นแหละครับคุณเอ๊ย! นั่งหัวเราะจนน้ำตาไหล แล้วก็มีช่วงที่น้ำตาซึมๆ แบบไม่รู้ตัวเลยครับ เรื่องราวของ "ฟิลิปป์" เศรษฐีอัมพาตที่ต้องนั่งรถเข็นตลอดชีวิต กับ "ดริส" หนุ่มผิวสีจากสลัมที่เพิ่งพ้นโทษจากคุก แล้วดันมาสมัครเป็นผู้ดูแลส่วนตัวของฟิลิปป์ คือพล็อตมันดูเหมือนจะธรรมดาใช่ไหมครับ? แต่เชื่อผมเถอะว่ามันไม่ธรรมดาเลยแม้แต่น้อย
สิ่งที่ผมประทับใจมากๆ คือเคมีของนักแสดงนำทั้งสองคนครับ "ฟรองซัวส์ คลูเซ" ที่รับบทฟิลิปป์ คือแสดงได้แบบเป็นธรรมชาติมากๆ ครับ สีหน้า แววตา ท่าทางของการเป็นคนที่ไม่สามารถขยับร่างกายได้ มันออกมาจากข้างในจริงๆ ครับ เราสัมผัสได้ถึงความเหงา ความเบื่อหน่ายในชีวิตประจำวันของเขา แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีความเป็นสุภาพบุรุษ มีอารมณ์ขันซ่อนอยู่ ส่วน "โอมาร์ ซาย" ที่รับบทดริส นี่คือตัวขโมยซีนของจริงครับ! ความกวน ความทะเล้น ความตรงไปตรงมาของเขา มันทำให้หนังเรื่องนี้มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันทีเลยครับ
สองคนนี้มาจากคนละขั้วของสังคมอย่างสิ้นเชิงครับ ฟิลิปป์คือผู้ดีมีเงิน มีการศึกษา ชีวิตถูกจำกัดด้วยร่างกาย ส่วนดริสคือเด็กสลัม ชีวิตปากกัดตีนถีบ ไม่เคยคิดเรื่องอนาคตมาก่อน แต่พอได้มาอยู่ด้วยกัน มันเกิดเป็นมิตรภาพที่น่าทึ่งมากๆ ครับ ดริสไม่เคยปฏิบัติต่อฟิลิปป์เหมือนคนพิการ เขาปฏิบัติต่อฟิลิปป์เหมือนเพื่อนคนหนึ่งเลยครับ พาไปทำอะไรที่ไม่เคยทำ ปลดปล่อยให้ฟิลิปป์ได้สัมผัสชีวิตอีกครั้ง
ฉากที่ผมจำไม่ลืมเลยคือฉากที่ดริสพาฟิลิปป์ไปเที่ยวแบบสุดเหวี่ยงครับ พาไปขับรถเร็วๆ พาไปลองทำกิจกรรมผาดโผน คือผมดูแล้วนึกภาพตามเลยว่าถ้าเป็นผมเจอคนดูแลแบบนี้คงจะทั้งกลัวทั้งตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน แต่นี่คือการดึงฟิลิปป์ออกจากกรอบของตัวเอง ให้เขารู้สึกว่าชีวิตยังมีอะไรให้ค้นหาอีกเยอะครับ
นอกจากความตลกขบขันที่แทรกเข้ามาตลอดทั้งเรื่องแล้ว หนังเรื่องนี้ยังสอดแทรกข้อคิดดีๆ เกี่ยวกับชีวิตมากมายครับ มันทำให้เราได้มองเห็นคุณค่าของสิ่งเล็กๆ น้อยๆ รอบตัว ที่เราอาจจะมองข้ามไป การมีความสุขกับปัจจุบัน การมีเพื่อนแท้ที่ไม่ตัดสินกันที่ฐานะหรือรูปลักษณ์ภายนอก
อีกอย่างที่ผมชอบคือเพลงประกอบหนังครับ มันเข้ากับบรรยากาศของเรื่องมากๆ บางเพลงก็ฟังแล้วอยากจะลุกขึ้นมาเต้นตามเลยครับ มันเติมเต็มอารมณ์ของหนังได้เป็นอย่างดี
"The Intouchables" มันไม่ใช่แค่หนังตลก หรือหนังดราม่าธรรมดา แต่มันคือหนังที่สร้างแรงบันดาลใจครับ มันทำให้ผมรู้สึกว่า ต่อให้ชีวิตจะยากลำบากแค่ไหน หรือมีข้อจำกัดอะไรก็ตาม ถ้าเรายังมีคนที่รักและเข้าใจเราอยู่ข้างๆ เราก็สามารถผ่านมันไปได้เสมอครับ
สำหรับใครที่ยังไม่ได้ดู ผมอยากจะแนะนำให้ไปหามาดูกันนะครับ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนครับ เป็นหนังที่ดูแล้วรู้สึกดี รู้สึกมีความหวัง ดูจบแล้วอยากจะออกไปกอดคนที่เรารัก แล้วก็อยากจะใช้ชีวิตให้มีความสุขมากขึ้นจริงๆ ครับ
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณผู้สร้างหนังเรื่องนี้ ที่มอบผลงานดีๆ แบบนี้มาให้พวกเราได้ชมกันครับ เป็นหนังที่ควรค่าแก่การดูซ้ำหลายๆ รอบเลยครับ
ปล. ใครดูแล้วมาแชร์ความรู้สึกกันได้นะครับ ผมอยากรู้ว่าทุกคนประทับใจฉากไหนกันบ้าง!
ดู "The Intouchables" แล้วชีวิตเปลี่ยน! มิตรภาพต่างชนชั้นที่โคตรจะประทับใจ!
: ดู "The Intouchables" แล้วชีวิตเปลี่ยน! มิตรภาพต่างชนชั้นที่โคตรจะประทับใจ!
สวัสดีครับเพื่อนสมาชิกชาว Pantip ทุกท่าน ผมนี่เพิ่งจะว่างมานั่งดูหนังที่เค้าว่าดีกันมานานมากแล้วครับ กับเรื่อง "The Intouchables" หรือชื่อไทยสุดคลาสสิก "ขึ้นเขาลงห้วย...ฮักเลย" (อันนี้ผมแต่งเองนะ ฮ่าๆ) คือต้องบอกก่อนเลยว่าตอนแรกก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แค่เห็นเพื่อนๆ ในเฟซบุ๊กแชร์กันเยอะ ว่าเป็นหนังดี หนังซึ้ง หนังตลก คือมันรวมทุกรสชาติจริงๆ ครับ
พอได้ดูเท่านั้นแหละครับคุณเอ๊ย! นั่งหัวเราะจนน้ำตาไหล แล้วก็มีช่วงที่น้ำตาซึมๆ แบบไม่รู้ตัวเลยครับ เรื่องราวของ "ฟิลิปป์" เศรษฐีอัมพาตที่ต้องนั่งรถเข็นตลอดชีวิต กับ "ดริส" หนุ่มผิวสีจากสลัมที่เพิ่งพ้นโทษจากคุก แล้วดันมาสมัครเป็นผู้ดูแลส่วนตัวของฟิลิปป์ คือพล็อตมันดูเหมือนจะธรรมดาใช่ไหมครับ? แต่เชื่อผมเถอะว่ามันไม่ธรรมดาเลยแม้แต่น้อย
สิ่งที่ผมประทับใจมากๆ คือเคมีของนักแสดงนำทั้งสองคนครับ "ฟรองซัวส์ คลูเซ" ที่รับบทฟิลิปป์ คือแสดงได้แบบเป็นธรรมชาติมากๆ ครับ สีหน้า แววตา ท่าทางของการเป็นคนที่ไม่สามารถขยับร่างกายได้ มันออกมาจากข้างในจริงๆ ครับ เราสัมผัสได้ถึงความเหงา ความเบื่อหน่ายในชีวิตประจำวันของเขา แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีความเป็นสุภาพบุรุษ มีอารมณ์ขันซ่อนอยู่ ส่วน "โอมาร์ ซาย" ที่รับบทดริส นี่คือตัวขโมยซีนของจริงครับ! ความกวน ความทะเล้น ความตรงไปตรงมาของเขา มันทำให้หนังเรื่องนี้มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันทีเลยครับ
สองคนนี้มาจากคนละขั้วของสังคมอย่างสิ้นเชิงครับ ฟิลิปป์คือผู้ดีมีเงิน มีการศึกษา ชีวิตถูกจำกัดด้วยร่างกาย ส่วนดริสคือเด็กสลัม ชีวิตปากกัดตีนถีบ ไม่เคยคิดเรื่องอนาคตมาก่อน แต่พอได้มาอยู่ด้วยกัน มันเกิดเป็นมิตรภาพที่น่าทึ่งมากๆ ครับ ดริสไม่เคยปฏิบัติต่อฟิลิปป์เหมือนคนพิการ เขาปฏิบัติต่อฟิลิปป์เหมือนเพื่อนคนหนึ่งเลยครับ พาไปทำอะไรที่ไม่เคยทำ ปลดปล่อยให้ฟิลิปป์ได้สัมผัสชีวิตอีกครั้ง
ฉากที่ผมจำไม่ลืมเลยคือฉากที่ดริสพาฟิลิปป์ไปเที่ยวแบบสุดเหวี่ยงครับ พาไปขับรถเร็วๆ พาไปลองทำกิจกรรมผาดโผน คือผมดูแล้วนึกภาพตามเลยว่าถ้าเป็นผมเจอคนดูแลแบบนี้คงจะทั้งกลัวทั้งตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน แต่นี่คือการดึงฟิลิปป์ออกจากกรอบของตัวเอง ให้เขารู้สึกว่าชีวิตยังมีอะไรให้ค้นหาอีกเยอะครับ
นอกจากความตลกขบขันที่แทรกเข้ามาตลอดทั้งเรื่องแล้ว หนังเรื่องนี้ยังสอดแทรกข้อคิดดีๆ เกี่ยวกับชีวิตมากมายครับ มันทำให้เราได้มองเห็นคุณค่าของสิ่งเล็กๆ น้อยๆ รอบตัว ที่เราอาจจะมองข้ามไป การมีความสุขกับปัจจุบัน การมีเพื่อนแท้ที่ไม่ตัดสินกันที่ฐานะหรือรูปลักษณ์ภายนอก
อีกอย่างที่ผมชอบคือเพลงประกอบหนังครับ มันเข้ากับบรรยากาศของเรื่องมากๆ บางเพลงก็ฟังแล้วอยากจะลุกขึ้นมาเต้นตามเลยครับ มันเติมเต็มอารมณ์ของหนังได้เป็นอย่างดี
"The Intouchables" มันไม่ใช่แค่หนังตลก หรือหนังดราม่าธรรมดา แต่มันคือหนังที่สร้างแรงบันดาลใจครับ มันทำให้ผมรู้สึกว่า ต่อให้ชีวิตจะยากลำบากแค่ไหน หรือมีข้อจำกัดอะไรก็ตาม ถ้าเรายังมีคนที่รักและเข้าใจเราอยู่ข้างๆ เราก็สามารถผ่านมันไปได้เสมอครับ
สำหรับใครที่ยังไม่ได้ดู ผมอยากจะแนะนำให้ไปหามาดูกันนะครับ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนครับ เป็นหนังที่ดูแล้วรู้สึกดี รู้สึกมีความหวัง ดูจบแล้วอยากจะออกไปกอดคนที่เรารัก แล้วก็อยากจะใช้ชีวิตให้มีความสุขมากขึ้นจริงๆ ครับ
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณผู้สร้างหนังเรื่องนี้ ที่มอบผลงานดีๆ แบบนี้มาให้พวกเราได้ชมกันครับ เป็นหนังที่ควรค่าแก่การดูซ้ำหลายๆ รอบเลยครับ
ปล. ใครดูแล้วมาแชร์ความรู้สึกกันได้นะครับ ผมอยากรู้ว่าทุกคนประทับใจฉากไหนกันบ้าง!