ช่วงนี้ใครเลื่อนโซเชียลก็น่าจะเห็นคำว่า “แมกนีเซียม” โผล่มาบ่อยขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในหมวดสุขภาพ การนอนหลับ อาหารเสริม หรือแม้แต่คนที่ออกกำลังกายก็เริ่มพูดถึงกันมากขึ้น
แต่รู้ไหมว่า แร่ธาตุนี้จริงๆ แล้วเป็นเหมือน “ฮีโร่เงียบ” ของร่างกาย ที่หลายคนอาจมองข้ามมานานมาก ทั้งที่มันเกี่ยวข้องกับกระบวนการสำคัญกว่า
300 อย่างในร่างกาย 😮
แมกนีเซียมคืออะไร ทำไมร่างกายต้องมี?
แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุจำเป็นที่ช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้เป็นปกติ โดยเฉพาะ…
- ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อและเส้นประสาท
- ช่วยสร้างพลังงาน โปรตีน กระดูก และ DNA
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและความดัน
ถ้าขาดแมกนีเซียม… อาจเสี่ยงหัวใจ เบาหวาน กระดูกพรุน หรือไมเกรนได้เลย ส่วนสัญญาณเริ่มต้น เช่น อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ ซึ่งหลายคนอาจไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำ
ทำไมจู่ๆ แมกนีเซียมถึงกลับมาเป็นกระแส?
เพราะไลฟ์สไตล์ยุคนี้ทำให้หลายคน
นอนหลับยาก เครียดง่าย ใช้สมองหนัก ประกอบกับงานวิจัยช่วงหลังเริ่มพบประโยชน์ที่น่าสนใจ เช่น:
ช่วยให้สบายตัว ผ่อนคลายมากขึ้น
- อาจช่วยเรื่องคุณภาพการนอน
- ลดอาการปวดไมเกรน/ตะคริว
- เกี่ยวข้องกับสุขภาพหัวใจและภาวะดื้อต่ออินซูลิน
เรียกว่าเป็นสารอาหารที่ “ช่วยแบบรอบด้าน” ทั้งกายและใจ จึงไม่แปลกที่หลายคนเริ่มหันมาศึกษา
ถ้าจะเริ่มกินเป็นอาหารเสริม ต้องระวังอะไร?
อเลือกชนิดให้เหมาะ เช่น
Glycinate (เน้นนอน/ผ่อนคลาย),
Citrate (ช่วยขับถ่าย)
- เริ่มจากปริมาณน้อยก่อน
- ผู้ป่วยโรคไตควรปรึกษาแพทย์
- อย่ากินรวมกับแคลเซียมปริมาณมากในเวลาเดียวกัน เพราะแย่งการดูดซึมกัน
ถ้าอยากได้ “แมกนีเซียมจากธรรมชาติ” แบบไม่ต้องพึ่งอาหารเสริมเลย จริงๆ แล้วมีอยู่ในผัก–ผลไม้หลายชนิดมาก และหลายอย่างก็เป็นของที่เรากินกันอยู่แล้วด้วย
ผักที่แมกนีเซียมสูง
-
ผักโขม (Spinach) – ตัวท็อป ดูดซึมดี
-
คะน้า
-
บรอกโคลี
-
บีตรูต
-
ผักกาดเขียว / ผักใบเขียวเข้มต่างๆ
ผลไม้ที่มีแมกนีเซียม
-
กล้วย (โดยเฉพาะกล้วยหอม)
-
อะโวคาโด
-
มะม่วง
-
ฝรั่ง
-
เสาวรส
ผลไม้พวกนี้ยังช่วยเรื่องโพแทสเซียมและใยอาหารควบคู่ด้วย
แมกนีเซียม: จากแร่ธาตุที่เคยถูกลืม… สู่ดาวเด่นสายสุขภาพยุคนี้
แต่รู้ไหมว่า แร่ธาตุนี้จริงๆ แล้วเป็นเหมือน “ฮีโร่เงียบ” ของร่างกาย ที่หลายคนอาจมองข้ามมานานมาก ทั้งที่มันเกี่ยวข้องกับกระบวนการสำคัญกว่า 300 อย่างในร่างกาย 😮
แมกนีเซียมคืออะไร ทำไมร่างกายต้องมี?
แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุจำเป็นที่ช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้เป็นปกติ โดยเฉพาะ…
- ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อและเส้นประสาท
- ช่วยสร้างพลังงาน โปรตีน กระดูก และ DNA
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและความดัน
ถ้าขาดแมกนีเซียม… อาจเสี่ยงหัวใจ เบาหวาน กระดูกพรุน หรือไมเกรนได้เลย ส่วนสัญญาณเริ่มต้น เช่น อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ ซึ่งหลายคนอาจไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำ
ทำไมจู่ๆ แมกนีเซียมถึงกลับมาเป็นกระแส?
เพราะไลฟ์สไตล์ยุคนี้ทำให้หลายคน นอนหลับยาก เครียดง่าย ใช้สมองหนัก ประกอบกับงานวิจัยช่วงหลังเริ่มพบประโยชน์ที่น่าสนใจ เช่น:
ช่วยให้สบายตัว ผ่อนคลายมากขึ้น
- อาจช่วยเรื่องคุณภาพการนอน
- ลดอาการปวดไมเกรน/ตะคริว
- เกี่ยวข้องกับสุขภาพหัวใจและภาวะดื้อต่ออินซูลิน
เรียกว่าเป็นสารอาหารที่ “ช่วยแบบรอบด้าน” ทั้งกายและใจ จึงไม่แปลกที่หลายคนเริ่มหันมาศึกษา
ถ้าจะเริ่มกินเป็นอาหารเสริม ต้องระวังอะไร?
อเลือกชนิดให้เหมาะ เช่น Glycinate (เน้นนอน/ผ่อนคลาย), Citrate (ช่วยขับถ่าย)
- เริ่มจากปริมาณน้อยก่อน
- ผู้ป่วยโรคไตควรปรึกษาแพทย์
- อย่ากินรวมกับแคลเซียมปริมาณมากในเวลาเดียวกัน เพราะแย่งการดูดซึมกัน
ถ้าอยากได้ “แมกนีเซียมจากธรรมชาติ” แบบไม่ต้องพึ่งอาหารเสริมเลย จริงๆ แล้วมีอยู่ในผัก–ผลไม้หลายชนิดมาก และหลายอย่างก็เป็นของที่เรากินกันอยู่แล้วด้วย
ผักที่แมกนีเซียมสูง
- ผักโขม (Spinach) – ตัวท็อป ดูดซึมดี
- คะน้า
- บรอกโคลี
- บีตรูต
- ผักกาดเขียว / ผักใบเขียวเข้มต่างๆ
ผลไม้ที่มีแมกนีเซียม
- กล้วย (โดยเฉพาะกล้วยหอม)
- อะโวคาโด
- มะม่วง
- ฝรั่ง
- เสาวรส
ผลไม้พวกนี้ยังช่วยเรื่องโพแทสเซียมและใยอาหารควบคู่ด้วย