พระพุทธเจ้าทรงยกย่องพระสารีบุตรว่ามีปัญญาเฉียบแหลม

พระพุทธเจ้าทรงยกย่องพระสารีบุตรว่ามีปัญญาเฉียบแหลม สามารถ เห็นแจ้งธรรมตามลำดับบท ๆ ได้อย่างสมบูรณ์ที่สุดในบรรดาสาวกทั้งหมด

พระสารีบุตรเห็นธรรมในแต่ละฌานอย่างละเอียด ทั้งเกิด–ตั้งอยู่–ดับไปไม่มีความยึดติดแม้ธรรมอันประณีตที่สุด และสลัดออกในแต่ละขั้นอย่างสง่า เป็นแบบอย่างของ “ปัญญาวิปัสสนาในฌานลึก”

พระสารีบุตร
    1.    เข้า ปฐมฌาน
    2.    เข้า ทุติยฌาน
    3.    เข้า ตติยฌาน
    4.    เข้า จตุตถฌาน
    5.    เข้า อรูปฌานทั้งสี่
    6.    เข้า สัญญาเวทยิตนิโรธ

ในแต่ละขั้น ท่าน
    กำหนดรู้ว่า “ธรรมอะไรประกอบอยู่ในฌานนั้น”
    เห็นการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป
    ไม่ยึดติด
    สลัดออกเพื่อล่วงขึ้นไปสูงกว่า
          จนสุดท้าย อาสวะสิ้นไป

๑. ปฐมฌาน  สารีบุตรเห็นธรรมเป็นลำดับบท

เมื่อท่านเข้าปฐมฌาน ธรรมที่ปรากฏ ได้แก่
วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา วิญญาณ ฉันทะ อธิโมกข์ วิริยะ สติ อุเบกขา มนสิการ

พระสารีบุตรเห็นทั้งหมดนี เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปแล้วท่านรู้ว่า
“ธรรมที่ไม่เคยมี ก็มีขึ้น ธรรมที่มีแล้วก็เสื่อมไป”
“ไม่ยินดี ไม่ยินร้าย ไม่ถูกกิเลสเกาะเกี่ยว”
“ยังมีธรรมที่จะสลัดออกได้มากกว่านี้อีก”

นี่คือ ปัญญาที่เห็นความไม่เที่ยงในฌาน อย่างถึงที่สุด

๒. ทุติยฌาน — ความผ่องใสแห่งจิต

ในทุติยฌาน ธรรมที่ท่านเห็นตามลำดับบท ได้แก่
ปีติ สุข เอกัคคตา ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา วิญญาณ วิริยะ สติ อุเบกขา ฉันทะ อธิโมกข์ มนสิการ

สารีบุตรเห็นเกิด–ดับอย่างประณีตมากขึ้น
ใจไม่ยึดสุข ไม่ยึดปีติ รู้ว่าไม่ใช่ที่พึ่งแท้ และสลัดขึ้นขั้นสูงกว่า

๓. ตติยฌาน — อุเบกขาเด่น

ธรรมที่ท่านเห็น ได้แก่
อุเบกขา สุข สติ สัมปชัญญะ เอกัคคตา ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา ฯลฯ

สารีบุตรเห็นว่า
“สุขนี้ยังเป็นสิ่งที่ต้องละ”
จึงไม่ยินดี ไม่ยินร้าย พ้นจากความยึดธรรมอันสงบลึก

๔. จตุตถฌาน — อทุกขมสุขเวทนา

ธรรมที่ประกอบมี
อุเบกขา ไม่ทุกข์ไม่สุข สติบริสุทธิ์ จิตตั้งมั่นเป็นหนึ่ง (เอกัคคตา)
และธรรมอื่นๆ

ท่านเห็นดังเดิมว่า

“ธรรมทั้งหลายเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป”
“เราต้องสลัดออก แม้ฌานนี้ก็ไม่ควรยึด”

๕. อรูปฌานทั้งสี่ (ฌานไร้รูป)

สารีบุตรล่วงรูปฌาน แล้วเข้าสู่อรูปฌานตามลำดับ

อากาสานัญจายตนะ — อากาศไม่มีที่สิ้นสุด

วิญญาณัญจายตนะ — วิญญาณไม่มีที่สิ้นสุด

อากิญจัญญายตนะ — ไม่มีอะไรเลย

เนวสัญญานาสัญญายตนะ — ไม่ใช่สัญญา ไม่ใช่ไม่สัญญา

แม้ในธรรมที่ละเอียดที่สุด ท่านก็ยังเห็นตามลำดับบท
และไม่หลงติดในสมาบัติประณีตเหล่านี้

๖. สัญญาเวทยิตนิโรธ — สมาบัติสูงสุด

สารีบุตรบรรลุ “นิโรธสมาบัติ”
ภาวะที่ สัญญา ดับ เวทนา ดับ ความปรุงแต่งสงบหมด

เมื่อออกจากสมาบัติ ท่านเห็นชัดว่า

“ธรรมทั้งหลายเกิด–ดับตามเหตุปัจจัย”
และ
อาสวะทั้งหลายสิ้นไปด้วยปัญญา
ท่านจึงเป็นพระอรหันต์โดยสมบูรณ์

พระองค์ตรัสว่า
    ผู้ที่ควรได้รับคำชมว่า “ถึงความชำนาญในอริยศีล อริยสมาธิ อริยปัญญา อริยวิมุติ” คือ พระสารีบุตร
    ผู้ที่ควรได้รับคำชมว่า “เป็นโอรสของพระตถาคต เกิดแต่พระโอฐ เกิดแต่ธรรม เป็นธรรมทายาท” คือ พระสารีบุตร
    พระสารีบุตรประกาศ “ธรรมจักร” ตามลำดับบท ไม่มีผิดเพี้ยน เหมือนพระตถาคต

นี่คือเหตุที่พระสารีบุตรได้รับยกย่องว่า

“เป็นเอตทัคคะในด้านปัญญา”
และ
“เป็นผู้มีปัญญาเฉียบคมที่สุดในพระสาวกทั้งปวง”

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่