เราเคยตีตราใครเป็น “ตัวร้าย”
เพื่อให้ตัวเองรู้สึกเป็นคนดีขึ้นหรือเปล่า?
#WickedForGoodTH
1/.
ภายใต้ความบันเทิงและเพลงที่ยิ่งใหญ่
ของ Wicked: For Good
มันมีประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ
และน่าตั้งคำถามมากกว่าฉากเวทมนตร์
หรือฉากสู้ทั้งหมดในเรื่อง
คือคำถามง่าย ๆ แต่สะเทือนใจว่า—
“ใครกันแน่…ที่เราต้องการให้เป็นตัวร้าย?”
2/.
ออซเป็นเมืองที่ต้องการ “ความสงบ”
มากกว่า “ความจริง”
และเมื่อเมืองตกอยู่ในความวุ่นวาย
สิ่งแรกที่สังคมหยิบขึ้นมาใช้คือ การหาคนผิด
3/.
ใครสักคนที่เราชี้นิ้วใส่ได้
ใครสักคนที่รับบทตัวร้าย
แทนเหตุการณ์ที่ซับซ้อนเกินจะทำความเข้าใจ
ใครสักคนที่ทำให้เรารู้สึกว่า
ตัวเองเป็น “คนดี” โดยไม่ต้องทำอะไรมากนัก
และคนนั้น…คือ เอลฟาบา
4/.
ทั้งที่จริง ๆ แล้ว
เธออาจเป็นคนเดียวในออซ
ที่ซื่อสัตย์กับใจตัวเองที่สุดด้วยซ้ำ
แต่ในวันที่ผู้คนหวาดกลัว
ในวันที่สังคมต้องการคำอธิบายแบบง่าย ๆ
เรื่องเล่าที่ถูกสร้างขึ้น
ก็ไม่จำเป็นต้องตรงกับความจริงอีกต่อไป
ขอแค่เล่าแล้ว “สบายใจ” กว่าความจริง…
ก็ถือว่าเพียงพอ
5/.
สิ่งที่เจ็บคือ เอลฟาบารู้ทุกอย่าง
เธอรู้ว่าโลกจะไม่ฟัง
รู้ว่าเธอจะกลายเป็นตัวร้ายตลอดไป
และรู้ว่าเพื่อนเพียงคนเดียวของเธอ 'กลินด้า'
ต้องเลือกระหว่าง “ความจริง” กับ
“ความสงบของเมือง”
6/.
และกลินด้าเลือกอย่างหลัง
มันคือการเสียสละที่เงียบที่สุด
และเป็นจุดที่หนังทำให้คนดู
ต้องย้อนกลับไปถามตัวเองว่า…
7/.
บางครั้ง เราตัดสินคนเร็วเกินไปไหม?
บางครั้ง เราเอาความกลัวของตัวเอง
ไปป้ายสีใส่คนอื่นหรือเปล่า?
และบางครั้ง คนที่ถูกมองว่าเป็นตัวร้าย…
แทบไม่มีโอกาสได้เล่าเรื่องของตัวเองเลยด้วยซ้ำ
8/.
หนังพาเราไปไกลกว่านั้น
ด้วยคำถามที่ใหญ่กว่าว่า
“สังคมต้องการความจริง หรือความสงบ?”
ถ้าความจริงทำให้ทุกอย่างแตกแยก
มันยังควรถูกพูดออกมาไหม?
9/.
ถ้าเรื่องโกหกหนึ่งเรื่องทำให้เมืองปลอดภัย
มันผิดศีลธรรมแค่ไหน?
และสุดท้าย…
ผู้นำที่ดีควรยึด “ความจริง”
หรือยึด “สิ่งที่ช่วยคนได้มากที่สุด”?
10/.
ในโลกของ Wicked
คำตอบอาจไม่สวยงามแบบเทพนิยาย
เพราะบางครั้ง
สังคมต้องใช้ “เรื่องเล่า”
เพื่อประคองผู้คนให้ผ่านวิกฤต
แม้มันจะทำให้ใครบ้างคนถูกลบ ถูกเข้าใจผิด
หรือถูกทำให้เป็นตัวร้ายโดยไม่จำเป็น
11/.
แล้วคุณล่ะ…
เคยตีตราใครเป็น “ตัวร้าย”
เพื่อให้ตัวเองรู้สึกเป็นคนดีขึ้นไหม?
หรือเคยถูกใครทำแบบนั้นใส่บ้างหรือเปล่า?
เราเคยตีตราใครเป็น “ตัวร้าย” เพื่อให้ตัวเองรู้สึกเป็นคนดีขึ้นหรือเปล่า? #WickedForGoodTH
เพื่อให้ตัวเองรู้สึกเป็นคนดีขึ้นหรือเปล่า?
#WickedForGoodTH
1/.
ภายใต้ความบันเทิงและเพลงที่ยิ่งใหญ่
ของ Wicked: For Good
มันมีประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ
และน่าตั้งคำถามมากกว่าฉากเวทมนตร์
หรือฉากสู้ทั้งหมดในเรื่อง
คือคำถามง่าย ๆ แต่สะเทือนใจว่า—
“ใครกันแน่…ที่เราต้องการให้เป็นตัวร้าย?”
2/.
ออซเป็นเมืองที่ต้องการ “ความสงบ”
มากกว่า “ความจริง”
และเมื่อเมืองตกอยู่ในความวุ่นวาย
สิ่งแรกที่สังคมหยิบขึ้นมาใช้คือ การหาคนผิด
3/.
ใครสักคนที่เราชี้นิ้วใส่ได้
ใครสักคนที่รับบทตัวร้าย
แทนเหตุการณ์ที่ซับซ้อนเกินจะทำความเข้าใจ
ใครสักคนที่ทำให้เรารู้สึกว่า
ตัวเองเป็น “คนดี” โดยไม่ต้องทำอะไรมากนัก
และคนนั้น…คือ เอลฟาบา
4/.
ทั้งที่จริง ๆ แล้ว
เธออาจเป็นคนเดียวในออซ
ที่ซื่อสัตย์กับใจตัวเองที่สุดด้วยซ้ำ
แต่ในวันที่ผู้คนหวาดกลัว
ในวันที่สังคมต้องการคำอธิบายแบบง่าย ๆ
เรื่องเล่าที่ถูกสร้างขึ้น
ก็ไม่จำเป็นต้องตรงกับความจริงอีกต่อไป
ขอแค่เล่าแล้ว “สบายใจ” กว่าความจริง…
ก็ถือว่าเพียงพอ
5/.
สิ่งที่เจ็บคือ เอลฟาบารู้ทุกอย่าง
เธอรู้ว่าโลกจะไม่ฟัง
รู้ว่าเธอจะกลายเป็นตัวร้ายตลอดไป
และรู้ว่าเพื่อนเพียงคนเดียวของเธอ 'กลินด้า'
ต้องเลือกระหว่าง “ความจริง” กับ
“ความสงบของเมือง”
6/.
และกลินด้าเลือกอย่างหลัง
มันคือการเสียสละที่เงียบที่สุด
และเป็นจุดที่หนังทำให้คนดู
ต้องย้อนกลับไปถามตัวเองว่า…
7/.
บางครั้ง เราตัดสินคนเร็วเกินไปไหม?
บางครั้ง เราเอาความกลัวของตัวเอง
ไปป้ายสีใส่คนอื่นหรือเปล่า?
และบางครั้ง คนที่ถูกมองว่าเป็นตัวร้าย…
แทบไม่มีโอกาสได้เล่าเรื่องของตัวเองเลยด้วยซ้ำ
8/.
หนังพาเราไปไกลกว่านั้น
ด้วยคำถามที่ใหญ่กว่าว่า
“สังคมต้องการความจริง หรือความสงบ?”
ถ้าความจริงทำให้ทุกอย่างแตกแยก
มันยังควรถูกพูดออกมาไหม?
9/.
ถ้าเรื่องโกหกหนึ่งเรื่องทำให้เมืองปลอดภัย
มันผิดศีลธรรมแค่ไหน?
และสุดท้าย…
ผู้นำที่ดีควรยึด “ความจริง”
หรือยึด “สิ่งที่ช่วยคนได้มากที่สุด”?
10/.
ในโลกของ Wicked
คำตอบอาจไม่สวยงามแบบเทพนิยาย
เพราะบางครั้ง
สังคมต้องใช้ “เรื่องเล่า”
เพื่อประคองผู้คนให้ผ่านวิกฤต
แม้มันจะทำให้ใครบ้างคนถูกลบ ถูกเข้าใจผิด
หรือถูกทำให้เป็นตัวร้ายโดยไม่จำเป็น
11/.
แล้วคุณล่ะ…
เคยตีตราใครเป็น “ตัวร้าย”
เพื่อให้ตัวเองรู้สึกเป็นคนดีขึ้นไหม?
หรือเคยถูกใครทำแบบนั้นใส่บ้างหรือเปล่า?