อุบายหลวง​พ่อชาทิ้งพระ​อังกฤษ​ไม่ให้​กลับ​ประเทศ​ไทยยยย​

“#ที่อังกฤษจะไม่มีคนดี_คนใจบุญเลยเหรอ”

คำถาม “หลวงพ่อชา” คือแรงผลักดันในการดำรงเพศบรรพชิตที่อังกฤษของพระอาจารย์สุเมโธ

"เมื่อตอนหลวงพ่อชา ได้เดินทางมาประเทศอังกฤษ
คณะลูกศิษย์พระที่เดินทางติดตามมาด้วย
มีตั๋วเครื่องบินไป-กลับทุกองค์

เช้าวันหนึ่งหลวงพ่อชา เรียกเราเข้าไปหา
แล้วพูดว่า'สุเมโธ ให้อยู่นี่แหล่ะ ไม่ต้องกลับ
อยู่เพื่อสั่งสอนชาวอังกฤษต่อไป"

"เราฟังหลวงพ่อแล้วก็ช็อค ตกใจมาก
เพราะไม่คาดคิดมาก่อนว่าต้องมาอยู่ประเทศอังกฤษ

หลวงพ่อก็สั่งให้เราทิ้งตั๋วเครื่องบินขากลับ และอยู่ต่อที่นี้
จะปล่อยให้เราอยู่ที่นี้

เราก็ฝืนและข่มความรู้สึกอันนั้น
ให้ตั้งใจทำตามที่หลวงพ่อท่านสั่งให้ดีที่สุด
ตามธรรมวินัยที่ทำได้
เนื่องจากเราตั้งใจถวายชีวิตต่อหลวงพ่อชาแล้ว"

พระอาจารย์สุเมโธเกิดความกังวลใจ
เกี่ยวกับการดำรงเพศบรรพชิต ในประเทศอังกฤษ

โดยเฉพาะเรื่องการรักษาพระวินัยและข้อวัตรปฏิบัติ
จึงหาโอกาสเข้าไปกราบเรียนปรึกษาหลวงพ่อชา

"เวลาเราสงสัยว่า 'เราจะอยู่อย่างไร ถ้าเราไม่มีเงิน
คนอังกฤษก็คงจะไม่รู้เรื่อง บิณฑบาตร ใส่บาตร
ถวายทาน ทำบุญ วัฒนธรรมต่างกัน
ออกบิณฑบาตรคงจะไม่มีใครรู้เรื่อง
เราจะรับอาหารจากใคร จะฉันอาหารอย่างไร'

แต่หลวงพ่อชา ก็ถามกลับมาว่า

'ที่ประเทศอังกฤษจะไม่มีคนดีเลยเหรอ
คนอังกฤษจะไม่มีคนใจดี คนใจบุญเลยเหรอ "

คำถามที่หลวงพ่อชาย้อนถามพระอาจารย์สุเมโธดังกล่าว
"เราก็พิจารณาว่า 'สงสัยมีอยู่'

ท่านก็ว่า'ไปได้นะ' แล้วก็จับใจเรา"
นับเป็นคำตอบที่ยุติคำถาม
กลับกลายเป็นแรงผลักดัน.ให้เกิดพลังปัญญาอันชาญฉลาด
สามารถมองข้ามปัญหา อุปสรรคต่างๆ ที่เป็นปัจจัยภายนอกได้ ทำให้คลายความกังวล

และยึดถือข้อนี้เป็นธรรมนูญปฏิบัติสืบมาว่า

'ไม่ว่าประเทศอังกฤษ หรือประเทศอื่นใดก็ตาม
ย่อมมีคนที่มีจิตใจดีงามอาศัยอยู่

หากเพียงคนเหล่านั้น แค่ล่วงรู้
ถึงวัตถุประสงค์และธรรมเนียมปฏิบัติของเรา
เขาย่อมพร้อมให้การสนับสนุน ด้านปัจจัยสี่
และส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างไม่มีข้อกังขา

"เราก็เห็นว่าหลวงพ่อชี้ทางที่ดี
เราเคยคิดว่า ความดีอยู่ที่เมืองไทย
เราเห็นความดีเป็นเรื่องเมืองไทย
เป็นชาวพุทธอยู่เมืองไทย
เป็นเรื่องคนชาวบ้านอยู่ใกล้วัดหนองป่าพง
แต่เราไม่เคยคิดเปิดกว้าง เหมือนที่หลวงพ่อแนะนำ"

คำถามของหลวงพ่อชา
ได้ทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนทัศนคติ
มีมุมมองกว้างไกลมากขึ้น
เห็นว่าการสืบทอดพระพุทธศาสนา
มิได้จำกัดเพียงอาศัยศรัทธาของชาวพุทธไทยเท่านั้น

หลักธรรมที่แท้จริง คือการมีน้ำใจ และตั้งอยู่ในความดี
นี่คือหลักความจริงอันเป็นสากลของมนุษย์ทั่วโลก

"เมื่อเราได้ไปอยู่ในประเทศอังกฤษแล้ว
ก็ได้เห็นนานาจิตตัง มีอยู่หลายประเภท
เห็นของแปลก แล้วไม่ชอบก็มี

ถ้าเห็นพระภิกษุบิณฑบาตร อาจมีคนสงสัยบ้าง เยาะเย้ยบ้าง รังเกียจบ้าง หรือไม่สนใจ รู้สึกเฉยบ้าง

บางคนเห็นมีความเอ็นดูสงสาร เข้ามาให้ถาม ให้ความช่วยเหลือแล้วเกิดศรัทธา

บ้างก็สงสัยว่า พระองค์นี้ทำอย่างนี้ทำไม
จะช่วยท่านได้อย่างไร

บ้างก็สงสัย ว่าเป็นขอทาน หรืออยากได้เงิน
เราก็บอกว่า 'เรารับเงินไม่ได้'
บางคนก็ซื้ออาหารมาถวายเหมือนกัน

ที่จริงนั้น จิตของมนุษย์แท้ๆนั้น
เป็นสิ่งบริสุทธิ์และเป็นธรรมอยู่แล้ว"

ก่อนที่หลวงพ่อชาจะกลับเมืองไทย
ท่านก็ได้เน้นย้ำให้ศิษย์ของท่านอยู่อย่างสมถะ
ภายใต้พระธรรมวินัย เพื่อรักษาแบบอย่างของวัดป่า
อย่างที่เคยถือปฏิบัติในประเทศไทย
เพื่อร่วมกันรักษาและเผยแผ่พระพุทธศาสนาสืบไป

"หลวงพ่อชา ต้องการให้เรารักษาแบบอย่างที่เราเคยถือปฏิบัติที่วัดป่าเมืองไทย ท่านต้องการให้เราอยู่กันอย่างธรรมดา
ภายใต้พระธรรมวินัย"

"หลวงพ่อชาปล่อยให้เราต้องอยู่ที่ประเทศอังกฤษต่อไป
เมื่อเราไปถึงสนามบิน เพื่อจะส่งหลวงพ่อกลับเมืองไทย
ก็แยกกับหลวงพ่อ ที่ช่องทางเดินของผู้โดยสารขาออก
พอหลวงพ่อท่านเดินหายเข้าไปข้างใน เพื่อขึ้นเครื่องบินแล้ว เราก็รู้สึกเหมือนเด็กกำพร้าพ่อแม่ไม่มีแล้ว"

ช่วงเวลา ๑๐ ปี ที่เราได้อยู่กับหลวงพ่อชา ที่วัดหนองป่าพง
ถือเป็นช่วงเวลาของความเปลี่ยนแปลง
จากคนที่ไร้ความสุข วุ่นวาย สับสน
ไปเป็นคนที่เชื่อมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้า"

หลวงพ่อชาปรารภไว้เสมอว่า

"การมา ก็เป็นของธรรมดา
การไป ก็เป็นของธรรมดา
ถ้าเราตั้งอยู่ในพระธรรมวินัยแล้ว เหมือนเราไม่ได้จากกัน"

ที่มา FB :
พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่