การบิณฑบาตเป็นกิจวัตรที่สำคัญ และมีความหมายสำหรับชาวพุทธ

การบิณฑบาตเป็นกิจวัตรที่สำคัญ และมีความหมายสำหรับชาวพุทธ
ทั้งฝ่ายสงฆ์และฝ่ายฆราวาส เพราะเป็นการสร้างความสัมพันธ์
ระหว่างพระกับชาวบ้าน ซึ่งต้องเอื้ออาศัยกันและกัน
ในการจรรโลงพระศาสนาให้ยั่งยืน

สำหรับชาวบ้าน ผู้ไม่มีเวลาไปวัดก็ยังได้เห็นพระ
ได้มีโอกาสทำบุญ
ชาวบ้านตื่นแต่เช้า หุงข้าวประกอบอาหารแล้ว
สิ่งแรกที่เขาจะทำในวันนั้นคือ การใส่บาตร
เป็นการสืบประเพณีอันงดงามของชาวพุทธ
และเป็นการเริ่มต้นวันใหม่ด้วยใจที่สดชื่นเบิกบาน
นอกจากนั้นการใส่บาตรก็ยังเป็นโอกาสที่ผู้ใหญ่ในครอบครัว
จะปลูกฝังศรัทธาและอุปนิสัยที่นอบน้อมเคารพคารวะต่อสมณะ
ในจิตใจของลูกหลาน อีกโอกาสหนึ่งด้วย

ส่วนของพระสงฆ์ การบิณฑบาตเตือนสติให้พระภิกษุสามเณร
ได้รำลึกถึงบทพิจารณาเตือนตนเองข้อที่ ว่า
“บรรพชิตพึงพิจารณาโดยแจ่มชัดอยู่เนืองนิจว่า
การเลี้ยงชีวิตของเรา เนื่องเฉพาะแล้วด้วยผู้อื่น”

ทั้งนี้เพื่อช่วยป้องกันความประมาทในการฉันอาหาร
เพราะสำนักว่าข้าวทุกเม็ดได้มาด้วยหยาดเหงื่อของชาวบ้าน
อีกประการหนึ่ง การไปบิณฑบาตก็เป็นโอกาสให้พระภิกษุสามเณร
ได้ฝึกทดสอบตนเองในการสังวรสำรวมอินทรีย์
เมื่อสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมและผู้คนตลอดเส้นทางการบิณฑบาต
นอกจากนี้ยังเป็นการฝึกความอดทน
เพราะต้องเดินไกล อย่างน้อย ๓-๔ กิโลเมตรทุกวัน
ขากลับบาตรก็หนักด้วย ไม่ว่าดินฟ้าอากาศจะเป็นอย่างไรก็ต้องไป

และการที่หลวงพ่อปฏิบัติตามพระวินัยบัญญัติในเรื่องการนุ่งห่ม
คือถ้าฝนไม่ตกหรือไม่มีทีท่าว่าจะตก
เมื่อออกบิณฑบาต"ต้องห่มผ้า ๒ ชั้น" คือผ้าจีวรซ้อนด้วยสังฆาฏิ
ก็ยิ่งเป็นเหตุให้พระต้องอดทนมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในฤดูร้อน
กว่าจะกลับถึงวัดผ้าจะเปียกเหงื่อชุ่มโชกทีเดียว
ฉะนั้นท่านจึงเรียกการออกบิณฑบาตว่า
เป็นสัมมาอาชีพของสมณะ มิใช่การขอ หากเป็นการโปรดสัตว์

พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)
วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี
จากหนังสืออุปลมณี น.๑๙๗



https://th-th.facebook.com/pages/สาขาวัดหนองป่าพง/182989118504002
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่