ภาพที่ผู้คนจำนวนมากหลั่งไหลออกมา
ต้อนรับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในวันที่เขาลงพื้นที่หาดใหญ่
ไม่ใช่เพียงเหตุการณ์ทางการเมืองทั่วไป แต่สะท้อนปรากฏการณ์ที่มีนัยทางสังคมลึกซึ้ง
ความโหยหา “ฟ้าใหม่” ของประชาชนตามจังหวะการเปลี่ยนแปลงของประเทศ
คนหาดใหญ่ ต้อนรับกันล้นเมืองจนตลาดแทบแตก
เสียงตะโกนเรียกชื่อ
“มาร์ค” ดังก้องคล้ายคลื่นลมใต้ที่หอบพลังบางอย่างกลับคืนมาอีกครั้ง
ผู้คนชูป้ายที่เขียนด้วยถ้อยคำสะเทือนใจ
“สีเทาเต็มเมือง… รอมาร์คเป็นนายก!”
ข้อความนี้ไม่ใช่เพียงคำประกาศเชิงสัญลักษณ์ แต่...คือภาพสะท้อนสภาวะสังคม
ที่ประชาชนรู้สึกว่าประเทศกำลังเดินอยู่ท่ามกลางเมฆหมอก
และหวังให้ใครบางคนเข้ามา
“เปิดฟ้าใหม่ ไล่เมฆเทา” ให้ประเทศไทยกลับมาสว่างไสวอีกครั้ง
พลังของความคิดถึงทางการเมือง
บรรยากาศวันนั้น(
16 พ.ย.68) บ่งชี้ชัดว่า ความรู้สึกของประชาชนในภาคใต้
โดยเฉพาะหาดใหญ่ ยังไม่ลืมบทบาทของอภิสิทธิ์ในฐานะผู้นำที่เคยเป็นความหวังของคนจำนวนมาก
เสียงของประชาชนที่ตะโกนพร้อมกันว่า
“มาร์คกลับมาเป็นนายกอีกครั้ง!”
ไม่ใช่เพียงเสียงเชียร์ธรรมดา แต่คือเสียงเรียกร้องจากความคิดถึงและความไว้วางใจ
ปรากฏการณ์นี้สะท้อนภาพเด่น 3 ประการ :
1.ความโหยหาความมั่นคงและความเป็นระบบ
ในช่วงเวลาที่การเมืองผันผวน ประชาชนบางส่วนต้องการผู้นำที่เคยแสดงภาพลักษณ์ของความสุภาพ เป็นระบบ และมีการตัดสินใจบนเหตุผล
แรงสั่นสะเทือนของพื้นที่ฐานเสียงเดิม ภาคใต้เคยเป็นฐานเสียงเข้มแข็งของพรรคประชาธิปัตย์
การต้อนรับที่ล้นหลามอาจสะท้อนสัญญาณการก่อตัวของกระแสใหม่ ที่พร้อมจะดึงพลังเก่าให้หวนคืน
2.อารมณ์ทางสังคมที่กำลังก่อตัว
ความรู้สึก “เต็มไปด้วยสีเทา” คือคำอธิบายเชิงสัญลักษณ์ถึงความไม่แน่นอน ความอึดอัด และความโหยหาการเปลี่ยนแปลง
ลมใต้ที่พัดแรง: หาดใหญ่กลายเป็นศูนย์กลางความหวัง
ลมใต้ในวันนั้นไม่ใช่เพียงลมธรรมชาติ แต่มันคือ
“ลมแห่งความหวัง” ที่พัดแรงในใจของผู้คน
หาดใหญ่กลายเป็นจุดรวมพลังของประชาชนที่ต้องการเห็น
3.อนาคตสดใสกว่าที่เป็นอยู่
เสียงเรียกร้องจากหาดใหญ่จึงเป็นมากกว่าการต้อนรับนักการเมือง
มันคือ “สัญญาณ” ว่าประชาชนต้องการใครสักคนที่พวกเขาเชื่อว่าจะฟื้นความโปร่งใส ฟื้นความหวัง และฟื้นความมั่นคงให้ชาติบ้านเมือง
บทสรุป : เสียงจากใต้… ฝากถึง “อภิสิทธิ์” ผู้นำคนใหม่ของ ปชป.
ท้ายที่สุด สิ่งที่ดังที่สุดในวันนั้นไม่ใช่เสียงตะโกน ไม่ใช่แผ่นป้าย ไม่ใช่จำนวนคน
แต่คือ
“ความหวัง” ที่คนใต้ฝากไปถึงผู้นำคนหนึ่ง
หวังเพียง… อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
มาช่วยเปิดฟ้าใหม่ ไล่เมฆเทาร่วมพาประเทศไทยให้สว่างไสวกว่าเดิม
ปรากฏการณ์
“หาดใหญ่แตก” จึงไม่ใช่เหตุการณ์เฉพาะหน้า
แต่..เป็นการประกาศเจตจำนงของผู้คน ว่าพวกเขาต้องการอนาคตที่ดีกว่า สว่างไสวกว่าและกำลังมองหาคนที่จะพาไปถึงจุดนั้น
นี่คือ...ความหวังที่คนหาดใหญ่ฝากไว้กับ
‘ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ’
๛...ปรากฏการณ์ “หาดใหญ่แตก” เมื่อ อภิสิทธิ์ ลงใต้ จุดประกายความหวังใหม่ -'๏'-
ต้อนรับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในวันที่เขาลงพื้นที่หาดใหญ่
ไม่ใช่เพียงเหตุการณ์ทางการเมืองทั่วไป แต่สะท้อนปรากฏการณ์ที่มีนัยทางสังคมลึกซึ้ง
ความโหยหา “ฟ้าใหม่” ของประชาชนตามจังหวะการเปลี่ยนแปลงของประเทศ
คนหาดใหญ่ ต้อนรับกันล้นเมืองจนตลาดแทบแตก
เสียงตะโกนเรียกชื่อ “มาร์ค” ดังก้องคล้ายคลื่นลมใต้ที่หอบพลังบางอย่างกลับคืนมาอีกครั้ง
ผู้คนชูป้ายที่เขียนด้วยถ้อยคำสะเทือนใจ “สีเทาเต็มเมือง… รอมาร์คเป็นนายก!”
ข้อความนี้ไม่ใช่เพียงคำประกาศเชิงสัญลักษณ์ แต่...คือภาพสะท้อนสภาวะสังคม
ที่ประชาชนรู้สึกว่าประเทศกำลังเดินอยู่ท่ามกลางเมฆหมอก
และหวังให้ใครบางคนเข้ามา “เปิดฟ้าใหม่ ไล่เมฆเทา” ให้ประเทศไทยกลับมาสว่างไสวอีกครั้ง
พลังของความคิดถึงทางการเมือง
บรรยากาศวันนั้น(16 พ.ย.68) บ่งชี้ชัดว่า ความรู้สึกของประชาชนในภาคใต้
โดยเฉพาะหาดใหญ่ ยังไม่ลืมบทบาทของอภิสิทธิ์ในฐานะผู้นำที่เคยเป็นความหวังของคนจำนวนมาก
เสียงของประชาชนที่ตะโกนพร้อมกันว่า “มาร์คกลับมาเป็นนายกอีกครั้ง!”
ไม่ใช่เพียงเสียงเชียร์ธรรมดา แต่คือเสียงเรียกร้องจากความคิดถึงและความไว้วางใจ
ปรากฏการณ์นี้สะท้อนภาพเด่น 3 ประการ :
1.ความโหยหาความมั่นคงและความเป็นระบบ
ในช่วงเวลาที่การเมืองผันผวน ประชาชนบางส่วนต้องการผู้นำที่เคยแสดงภาพลักษณ์ของความสุภาพ เป็นระบบ และมีการตัดสินใจบนเหตุผล
แรงสั่นสะเทือนของพื้นที่ฐานเสียงเดิม ภาคใต้เคยเป็นฐานเสียงเข้มแข็งของพรรคประชาธิปัตย์
การต้อนรับที่ล้นหลามอาจสะท้อนสัญญาณการก่อตัวของกระแสใหม่ ที่พร้อมจะดึงพลังเก่าให้หวนคืน
2.อารมณ์ทางสังคมที่กำลังก่อตัว
ความรู้สึก “เต็มไปด้วยสีเทา” คือคำอธิบายเชิงสัญลักษณ์ถึงความไม่แน่นอน ความอึดอัด และความโหยหาการเปลี่ยนแปลง
ลมใต้ที่พัดแรง: หาดใหญ่กลายเป็นศูนย์กลางความหวัง
ลมใต้ในวันนั้นไม่ใช่เพียงลมธรรมชาติ แต่มันคือ “ลมแห่งความหวัง” ที่พัดแรงในใจของผู้คน
หาดใหญ่กลายเป็นจุดรวมพลังของประชาชนที่ต้องการเห็น
3.อนาคตสดใสกว่าที่เป็นอยู่
เสียงเรียกร้องจากหาดใหญ่จึงเป็นมากกว่าการต้อนรับนักการเมือง
มันคือ “สัญญาณ” ว่าประชาชนต้องการใครสักคนที่พวกเขาเชื่อว่าจะฟื้นความโปร่งใส ฟื้นความหวัง และฟื้นความมั่นคงให้ชาติบ้านเมือง
บทสรุป : เสียงจากใต้… ฝากถึง “อภิสิทธิ์” ผู้นำคนใหม่ของ ปชป.
ท้ายที่สุด สิ่งที่ดังที่สุดในวันนั้นไม่ใช่เสียงตะโกน ไม่ใช่แผ่นป้าย ไม่ใช่จำนวนคน
แต่คือ “ความหวัง” ที่คนใต้ฝากไปถึงผู้นำคนหนึ่ง
หวังเพียง… อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาช่วยเปิดฟ้าใหม่ ไล่เมฆเทาร่วมพาประเทศไทยให้สว่างไสวกว่าเดิม
ปรากฏการณ์ “หาดใหญ่แตก” จึงไม่ใช่เหตุการณ์เฉพาะหน้า
แต่..เป็นการประกาศเจตจำนงของผู้คน ว่าพวกเขาต้องการอนาคตที่ดีกว่า สว่างไสวกว่าและกำลังมองหาคนที่จะพาไปถึงจุดนั้น
นี่คือ...ความหวังที่คนหาดใหญ่ฝากไว้กับ ‘ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ’