ศีล​แท้​เกิด​จาก​งดเว้น​เอาเองไม่ฝช่ไปขอถือศีล​จาก​พระ​สงฆ์​

" พากันตั้งใจฝึกหัดปฏิบัติ ตามความสามารถ
ของตน ถ้าหากคนเราไม่ปฏิบัติธรรมะ
ก็จะไม่รู้จักธรรมะคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า...ความสุขอันใด จะเสมอเหมือนความสงบไม่มี...

คำนั้นเป็นคำจริง ถ้าหากปฏิบัติไม่ถึง
พอจะเดาๆ คิดนึกเอาเฉยๆ ก็เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง อันความที่จะเชื่อคำสอนของพระพุทธเจ้าจริงๆจังๆ นี่! เป็นของยากมาก ถึงหากเราเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง ถ้าหากปฏิบัติลงไปถึงตรงนั้นแล้ว จะเชื่อขึ้นมา อ๋อ! ตรงนี้หรอกคำที่พระพุทธเจ้าทรงเทศนาไว้นั้นว่า...มีความสุข ความสงบ อย่างนี้เป็นต้น

ความสงบนั้นมันมีจากไหน?
คนเราโดยส่วนมากมันยุ่งมันวุ่นวายสารพัด
ทุกสิ่งทุกอย่าง แส่ส่ายไปในที่ต่างๆ มันหา
ความสงบไม่ได้ เหตุนั้นคนที่เชื่อว่า...
ความสงบเป็นความสุข จึงค่อยมีน้อยนัก
เพียงแต่เดาๆ คิดๆ นึกๆไปเฉยๆ ที่จะให้ถึงความสงบจริงๆจังๆ มันต้องละ...ทุกสิ่งทุกประการ

อารมณ์ทั้งปวงวุ่นวี่วุ่นวายอยู่ในใจของตน  หายหมด ไม่มีเกี่ยวข้อง ถึงซึ่งความสงบจริงๆจังๆ ถ้ายังไปเกี่ยวข้องเรื่องต่างๆอยู่ มันยังไม่ถึงความสงบขึ้นมาได้ ความตรงนี้ล่ะที่ไม่เชื่อพระพุทธเจ้า ไม่เชื่ออย่างจริงๆจังๆ เราฝึกหัดนี้ฝึกหัดหาความสงบ ทุกอย่างทุกประการที่อบรมมา ก็เข้าหาความสงบอย่างเดียว

ความไม่สงบมันมีมาก
อย่างเราตั้งแต่เกิดขึ้นมาก็หาความสงบไม่ได้
จนกระทั่งวันหนึ่งๆ ๒๔ ชั่วโมงจะเอาความสงบจริงๆจังๆ สัก ๕ นาทีก็ยังดี ๑๐ นาที ก็ยังดี
นั่นล่ะเห็นแจ้งความจริงของพระพุทธเจ้าที่ทรงเทศนาไว้จริงในใจของเราเลย

การฝึกหัดในทางพุทธศาสนาจะหัดวิธีใด ก็ตาม ถึงกัมมัฏฐานจะหัดต่างครูต่างอาจารย์ ก็ตาม
ก็ลงสู่ความสงบอันเดียวกัน อย่างเขาหัดยุบหนอพองหนอ ก็ดี  สัมมาอรหัง ก็ดี  อานาปานสติ มรณสติอะไร ก็ดี  คือให้เข้าถึงความสงบนั่นเอง แต่แท้ที่จริงเมื่อถึงความสงบแล้ว ไม่รู้จักความสงบซ้ำอีก ยังหาว่าความสงบเป็นความโง่ไปโน่นซ้ำอีก ความโง่อย่างนี้เคยไหม  หัดให้ถึงความโง่อันนี้ ไม่ถึงความโง่ ไม่ได้ความฉลาดหรอก

ทุกสิ่งทุกอย่างให้มันเสียก่อนนั่นแหละ
มันไม่ฉลาดก่อนหรอก  ความสงบจึงว่าเป็นพื้นฐานของการปฏิบัติ  ที่เราปฏิบัตินั่นจะใช้อุบายแยบคายใด ก็เอาเถอะ  ที่ฟังเทศน์ฟังธรรมฟังอุบายจากครูบาอาจารย์ ทุกสิ่งทุกประการนั้นเรียกว่าอุบาย ครั้นเมื่อเข้าถึงความสงบแล้วนั้นเป็นแยบคาย

แยบคาย กับอุบาย นั้น...มันต่างกัน
แยบคายนั้นใครสอนไม่ถูกรู้เฉพาะตนเอง เป็นแยบคาย เข้าถึงความสงบแล้วนั่นแหละ เป็นแยบคายของเรา
แยบคายนั้น...เมื่อถึงความสงบแล้วเราจะเอามาสอนคนอื่นว่า...ต้องทำอย่างนั้นๆ มันจึงเข้าถึงความสงบ  อันนั้น...เป็นอุบายอีก แยบคายแล้วมาเกิดเป็นอุบายของคนนั้น สอนคนอื่นต่อไป คนอื่นได้ฟังอีกก็เป็นอุบาย ครั้นเมื่อฝึกฝนอบรมเข้าถึงความสงบจริงๆจังๆ เป็นแยบคายของแต่ละคน

แยบคาย ก็คือตัวปัญญานั่นเอง
จึงว่าพระพุทธศาสนานี้สอนให้เข้าถึงความสงบเสียก่อน จึงเรียกว่า...สมถะ
ถ้าไม่เกิดสมถะ ก็ไม่มีปัญญา สมถะคือความสงบ ความสงบเกิดขึ้นมาในใจของตน มองเห็นหมดทุกสิ่งที่มันไม่สงบนั่น โทษของความไม่สงบเห็นที่นี่ เห็นแจ้งประจักษ์ในใจของตนเลย ชัดขึ้นมา นั่นล่ะ คือตัวปัญญา

ถ้าไม่เข้าถึงความสงบ
จิตใจ ยังฟั่นเฝืออยู่  จิตใจ ยังกระวนกระวายเกี่ยวข้องอยู่...ถึงชัดถึงจริงก็ไม่เป็นของชัดด้วยตนเอง มันยังปะปนด้วยอารมณ์ต่างๆ ด้วยกิเลสทั้งปวง จึงต้องกระสับกระส่ายอยู่ร่ำไป
เมื่อเข้าถึงความสงบนั่นเป็นต้น ชัดด้วยตนเองเลยที่เดียว อ๋อ!…อย่างนี้หรอกความความสงบ
ที่ท่านว่า ความสงบหาความสุขอันใดเสมอไม่ได้มันอย่างนี้เอง
ถ้าพูดโดยอนุมาน เมื่อไม่มีสิ่งใดๆ ทั้งปวงหมด
มาเกี่ยวข้องกับจิตแล้ว มันจะมีอะไรเหลือในที่นั้น  มันก็ไม่มีอะไรน่ะสิ  อันที่มีสิ่งต่างๆ เกี่ยวข้องนั้น จิตมีสิ่งต่างๆ นั้นเรียกว่า..มันไม่สงบ ไม่เห็นความสงบ

สงบจริงๆ นั้น...ไม่มีอะไรเลย
แต่รู้สึกตนว่า ไม่มี...สิ่งใดเกี่ยวข้องในที่นั้น
นั่นล่ะความสงบแท้ แต่ว่า...อันนี้พูดให้ฟัง
เพื่อเป็นอุบาย

ถ้าคนใดเข้าถึงความสงบแล้ว...
เห็นด้วยตนเองเลย คราวนี้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน
ไม่ว่าจะพูดจะคุยอะไรต่างๆ มองเห็นความสงบอยู่...ตลอดเวลา ถึงแม้ในขณะนั้นจะไม่ได้ความสงบอย่างเต็มที่ มันก็คิดถึงความสงบ ระลึกถึงความสงบ เห็นความสงบอยู่...ตลอดเวลา
หากได้โอกาสเวลาว่างๆ เราทำความเพียร เดินจงกรม นั่งภาวนาก็ดี มันสงบ ยังเหลือแต่จิตอันเดียว ไม่มี...สิ่งเกี่ยวข้อง

มันก็สุขน่ะซีตรงนั้น
มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้อง มันก็สุขนะซี คนที่ไม่เคยละสิ่งที่เกี่ยวข้อง เลยไม่เห็นความสุข
เห็นว่าสิ่งที่เกี่ยวข้องน่ะเป็นความสุขความสบาย โน่นละไปโน่นอีก  มันยากที่รู้จักธรรม เห็นธรรม คำสอนของพระพุทธเจ้า

เหตุนั้น จึงว่าตั้งใจปฏิบัติไปเถิดไม่เป็นไรหรอก เราปฏิบัตินี่ถูกต้องแล้ว ปฏิบัติมุ่งหาความสงบนั้นถูกแล้ว ความไม่สงบมันมากมายมันเป็นเองหรอก
ความไม่สงบน่ะ มันเป็นตามเรื่องตามราว ของมัน ของไม่สงบนั่นมันหากมีในนั้น...
ฉะนั้นสิ่งที่มันสงบน่ะมันหายาก  สิ่งที่ไม่สงบน่ะมันหาง่าย ไปที่ไหนๆ ก็พบหรอกความไม่สงบ

เหตุนั้น ในชีวิตอันนี้
ขอให้ได้ความสงบสักพักหนึ่งเถิด ในวันหนึ่งๆ ขอให้ได้ความสงบสักพักหนึ่ง ก็นับว่าดีอักโข
แล้ว เอาละ."

#พระธรรมคำสอน    
พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิสิทธิ์
(เทสก์ เทสรํสี)วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย (๒๔๔๕-๒๕๓๗)
       🙇🏻‍♂️สุดทางไป📖🖋️
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่