รัฐบาลของ USA มีนโยบายที่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อโครงการความช่วยเหลือด้านอาหารของรัฐบาลกลาง (เช่น โครงการ Supplemental Nutrition Assistance Program - SNAP หรือที่รู้จักในชื่อ Food stamp ฟู้ดสแตมป์) คือ โครงการสวัสดิการของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่ให้ความช่วยเหลือด้านอาหารแก่ประชาชนที่มีรายได้น้อยหรือประสบปัญหาค่าใช้จ่ายด้านอาหาร เช่น ผู้ว่างงาน ผู้พิการ หรือผู้สูงอายุที่เกษียณอายุ
ซึ่งได้สร้างความกังวลว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อชุมชนคนผิวสีอย่างไม่สมสัดส่วน
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนโยบายด้านอาหารของ President :
ไม่ได้ยกเลิกโครงการทั้งหมด: ไม่มีการยกเลิกโครงการ SNAP โดยตรง แต่มีการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์และลดงบประมาณในภาพรวม
การตัดงบประมาณ: ร่างกฎหมาย "One Big Beautiful Bill Act" ที่ President ลงนามในเดือน July 2025 มีการปรับลดงบประมาณโครงการ SNAP ลงประมาณ $1.86 แสนล้าน ในช่วง 10 ปีข้างหน้า
การเพิ่มเงื่อนไขการทำงาน:
กฎหมายใหม่ได้ขยายข้อกำหนดให้ผู้รับสวัสดิการต้องทำงาน (หรือเข้าร่วมการฝึกอบรม/เป็นอาสาสมัคร) อย่างน้อย 80 ชั่วโมงต่อเดือน
โดยขยายกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมผู้ใหญ่อายุ 18-64 ปี (จากเดิม 18-54 ปี) และผู้ปกครองที่มีบุตรอายุ 14 ปีขึ้นไป (จากเดิม 18 ปี)
เงื่อนไขที่เข้มงวดขึ้นนี้คาดว่าจะทำให้ผู้คนประมาณ 2.4 ล้านคนสูญเสียสิทธิ์ในการรับความช่วยเหลือ
ผลกระทบต่อชุมชนคนผิวสี:
แม้ว่าโครงการ SNAP จะไม่ได้เจาะจงกลุ่มคนผิวสีโดยเฉพาะ แต่ข้อมูลสถิติระบุว่าครัวเรือนคนผิวสีมีแนวโน้มที่จะประสบปัญหาความไม่มั่นคงทางอาหารสูงกว่าครัวเรือนผิวขาวอย่างมีนัยสำคัญ
ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงหรือตัดลดสวัสดิการเหล่านี้จึงอาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อชุมชนคนผิวสีมากกว่ากลุ่มอื่นๆ
การระงับเงินช่วยเหลือชั่วคราว:
ในช่วงที่รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องปิดหน่วยงานชั่วคราว (government shutdown) ในเดือน Oct. - Nov. 2025
ฝ่ายบริหารของ president พยายามระงับเงินช่วยเหลือ SNAP ชั่วคราว
แต่ถูกศาลรัฐบาลกลางสั่งให้ดำเนินการจ่ายต่อไปโดยใช้เงินทุนสำรองฉุกเฉิน
โดยสรุปคือ
president ไม่ได้ยกเลิกโครงการอาหารทั้งหมดสำหรับคนผิวสี แต่มีการปรับเปลี่ยนนโยบายและลดงบประมาณโครงการความช่วยเหลือด้านอาหารของรัฐบาลกลาง ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ได้รับผลกระทบหลายล้านคน รวมถึงกลุ่มคนผิวสีที่พึ่งพาสวัสดิการเหล่านี้เป็นจำนวนมาก
ถ้าในบริษัทไทย คือ มีค่าอาหารเที่ยงฟรี อาหารโอทีฟรี คือ ทำงานแลกข้าวกิน ดีกว่างอมืองอเท้าให้รัฐบาลเลี้ยงในระยะยาว
ลุงเล่า Ep.316: อเมริกา ลดงบประมาณ Food stamp แต่จะหางานคนว่างงานไปทำงานหรือฝึกงาน
ซึ่งได้สร้างความกังวลว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อชุมชนคนผิวสีอย่างไม่สมสัดส่วน
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนโยบายด้านอาหารของ President :
ไม่ได้ยกเลิกโครงการทั้งหมด: ไม่มีการยกเลิกโครงการ SNAP โดยตรง แต่มีการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์และลดงบประมาณในภาพรวม
การตัดงบประมาณ: ร่างกฎหมาย "One Big Beautiful Bill Act" ที่ President ลงนามในเดือน July 2025 มีการปรับลดงบประมาณโครงการ SNAP ลงประมาณ $1.86 แสนล้าน ในช่วง 10 ปีข้างหน้า
การเพิ่มเงื่อนไขการทำงาน:
กฎหมายใหม่ได้ขยายข้อกำหนดให้ผู้รับสวัสดิการต้องทำงาน (หรือเข้าร่วมการฝึกอบรม/เป็นอาสาสมัคร) อย่างน้อย 80 ชั่วโมงต่อเดือน
โดยขยายกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมผู้ใหญ่อายุ 18-64 ปี (จากเดิม 18-54 ปี) และผู้ปกครองที่มีบุตรอายุ 14 ปีขึ้นไป (จากเดิม 18 ปี)
เงื่อนไขที่เข้มงวดขึ้นนี้คาดว่าจะทำให้ผู้คนประมาณ 2.4 ล้านคนสูญเสียสิทธิ์ในการรับความช่วยเหลือ
ผลกระทบต่อชุมชนคนผิวสี:
แม้ว่าโครงการ SNAP จะไม่ได้เจาะจงกลุ่มคนผิวสีโดยเฉพาะ แต่ข้อมูลสถิติระบุว่าครัวเรือนคนผิวสีมีแนวโน้มที่จะประสบปัญหาความไม่มั่นคงทางอาหารสูงกว่าครัวเรือนผิวขาวอย่างมีนัยสำคัญ
ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงหรือตัดลดสวัสดิการเหล่านี้จึงอาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อชุมชนคนผิวสีมากกว่ากลุ่มอื่นๆ
การระงับเงินช่วยเหลือชั่วคราว:
ในช่วงที่รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องปิดหน่วยงานชั่วคราว (government shutdown) ในเดือน Oct. - Nov. 2025
ฝ่ายบริหารของ president พยายามระงับเงินช่วยเหลือ SNAP ชั่วคราว
แต่ถูกศาลรัฐบาลกลางสั่งให้ดำเนินการจ่ายต่อไปโดยใช้เงินทุนสำรองฉุกเฉิน
โดยสรุปคือ
president ไม่ได้ยกเลิกโครงการอาหารทั้งหมดสำหรับคนผิวสี แต่มีการปรับเปลี่ยนนโยบายและลดงบประมาณโครงการความช่วยเหลือด้านอาหารของรัฐบาลกลาง ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ได้รับผลกระทบหลายล้านคน รวมถึงกลุ่มคนผิวสีที่พึ่งพาสวัสดิการเหล่านี้เป็นจำนวนมาก
ถ้าในบริษัทไทย คือ มีค่าอาหารเที่ยงฟรี อาหารโอทีฟรี คือ ทำงานแลกข้าวกิน ดีกว่างอมืองอเท้าให้รัฐบาลเลี้ยงในระยะยาว