เกร็ดความรู้ด้านศาสนาในพิธีบำเพ็ญกุศล อุทิศถวายเป็นพระราชกุศล
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
เรื่อง "เครื่องสังเค็ด"
โดย กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม
คำว่า “สังเค็ด” มีรากศัพท์มาจากคำในภาษาบาลีคือ “สังคีต” ซึ่งแปลว่า การสวด หรือ เพลงขับ หรือการร้องรับพร้อม ๆ กัน แรกเริ่ม “สังคีต” อาจหมายถึงเตียงสังคีต หรือร้านสวดซึ่งเป็นที่สำหรับพระสงฆ์ ๔ รูปขึ้นไปนั่งสวดในงานศพ ภายหลัง คำว่า “สังเค็ด” ได้ขยายความหมายมาเป็น “สิ่งของที่ใช้ในการทำบุญศพ”
เครื่องสังเค็ด เป็นคำโบราณ มีความหมายว่า “ของชำร่วย” แต่เรียกว่า “ของที่ระลึก”หมายถึง สิ่งของที่เจ้าภาพจัดถวายพระภิกษุสงฆ์ หรือถวายวัด ในงานทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว ธรรมเนียมนี้ถือปฏิบัติสืบต่อกันมาแต่โบราณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ หรือพระศพของเจ้านายชั้นสูง ในงานพระเมรุที่ทุกงานจำเป็นต้องมีเครื่องสังเค็ด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของที่หนักหรือครุภัณฑ์แข็งแรง ทนทาน คล้ายเป็นของที่ระลึกในงานเผาศพนั้นๆ เช่น ตู้หนังสือ โต๊ะเขียนหนังสือ ตั่ง เตียง โต๊ะหมู่ ธรรมาสน์เล็ก เป็นต้น
ประเพณีทำสิ่งของถวายพระนี้ถือเป็นประเพณีไทยแต่เดิม เมื่อผู้ใดตาย สิ่งของเครื่องใช้ประจำตัวผู้ตาย เช่น ที่นอน หมอน มุ้ง เสื้อผ้า เป็นต้น มักไม่เก็บให้คนอื่นในบ้านใช้ต่อไป หากสิ่งใดถวายพระได้ก็ถวายไป หากเห็นว่าถวายไม่ได้ อาจให้แก่คนยากจน แม้กระทั่งเรือนของผู้ตาย บางครอบครัวอาจรื้อถวายวัดไปด้วย นอกจากจะถวายสิ่งของเครื่องใช้ส่วนตัวของผู้ตายแล้ว อาจถวายสิ่งของเพิ่มเติมสมทบไปด้วย เพื่ออุทิศให้ผู้ตายได้มีเครื่องใช้บริบูรณ์ และถือว่าเป็นการทำบุญของผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ เพราะฉะนั้น สิ่งของต่างที่อุทิศถวายพระในงานศพจึงล้วนเป็นสังเค็ดหรือเครื่องสังเค็ดทั้งสิ้น
ประวัติและพัฒนาการในธรรมเนียมการจัดทำเครื่องสังเค็ดถวายพระและถวายวัดในงานออกพระเมรุของเจ้านายชั้นสูงปรากฏมาตั้งแต่สมัยโบราณ และมีการปฏิบัติอย่างเป็นกิจลักษณะมากขึ้นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ สมัยรัชกาลที่ ๕ ตัวอย่างสำคัญ คือ งานพระศพสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี (พระนางเรือล่ม) ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) มีการสร้างตู้สังเค็ดที่ระลึก และโปรดให้สร้างพัดรองถวายพระสงฆ์เป็นครั้งแรกในงานอวมงคล เรียกว่า "พัดสังเค็ด" นอกจากนี้ ยังโปรดให้พิมพ์หนังสือ (บทสวดมนต์, พระสูตร) แจกในงานศพ ซึ่งถือเป็นต้นแบบของการจัดพิมพ์หนังสืออนุสรณ์งานศพ ต่อมาสมัยรัชกาลที่ ๖ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเปลี่ยนธรรมเนียมการถวายเครื่องสังเค็ด โดยมุ่งประโยชน์แก่สาธารณะมากขึ้น โดยจำแนกเป็น ๓ ประเภท คือ ถวายพระ เช่นพัดรอง ย่าม ผ้ากราบ ถวายวัด เช่น ธรรมาสน์ ตู้พระธรรม และมอบให้โรงเรียน เช่น ตู้หนังสือ ชั้นวางหนังสือ เครื่องใช้ต่าง ๆ ในปัจจุบันยังคงยึดธรรมเนียมการถวายเครื่องสังเค็ดดังกล่าวอยู่ แต่ได้มีการถวายหนังสืออันเป็นแหล่งเกิดปัญญาเพิ่มเข้ามา ดังในงานถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ ๗ ได้สร้างตู้สังเค็ดบรรจุพระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐซึ่งเป็นพระไตรปิฎกที่จัดพิมพ์ขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
เมื่อครั้งงานพระเมรุสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ สำนักพระราชวังได้จัดเครื่องสังเค็ด ประกอบด้วย “ตู้สังเค็ด” บรรจุหนังสือสารานุกรมสำหรับเยาวชนและหนังสืออื่นๆ จำนวน ๓๐ ชุด ถวายพระอารามหลวง ๓๐ พระอาราม ได้แก่ วัดบวรนิเวศวิหาร วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม วัดเทพศิรินทราวาส วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วัดสุทัศนเทพวราราม วัดอรุณราชวราราม วัดราชาธิวาส วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ วัดมกุฏกษัตริยาราม วัดราชโอรสาราม วัดนิเวศธรรมประวัติ วัดสุวรรณดาราราม วัดพระศรีมหาธาตุ วัดพระปฐมเจดีย์ วัดสระเกศ วัดอนงคาราม วัดพิชยญาติการาม วัดปทุมวนาราม วัดชนะสงคราม วัดปากน้ำ วัดสัมพันธวงศ์ วัดสุวรรณาราม วัดโพธิ์แมน (วัดจีน) วัดกุศลสมาคร (วัดญวน) วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ วัดตำหนักใต้ วัดบางไส้ไก่ และวัดแคนอก นอกเหนือจากเครื่องสังเค็ดที่สำนักพระราชวังได้ดำเนินการแล้ว มหาเถรสมาคมได้ถวายพระไตรปิฎกภาษาบาลีและภาษาไทย รวม ๙๐ เล่ม พร้อมตู้ เป็นเครื่องสังเค็ด โดยเสด็จพระราชกุศล จำนวน ๓๐ ชุด
ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตรสำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ได้รับภารกิจในการออกแบบเครื่องสังเค็ด ส่วนการจัดสร้างสำนักพระราชวังเป็นผู้ดำเนินการ โดยให้ทางกรมศิลปากรช่วยควบคุมดูแลให้เป็นไปตามรูปแบบ รายการเครื่องสังเค็ดที่จัดทำขึ้น ได้แก่
1.พัดรองสำหรับพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลการออกพระเมรุ
2.พัดรองสำหรับพระราชพิธีทรงบำเพ็ญกุศลพระบรมอัฐิ
3.พัดรองสำหรับถวายพระจีนนิกายและอนัมนิกาย
4.ตู้สังเค็ดหรือตู้ใส่หนังสือประดับด้วยภาพพระราชนิพนธ์ พระมหาชนก
5.ธรรมาสน์ปาติโมกข์
6.หีบพระปาติโมกข์พร้อมต่าง
โดยพระราชทานจัดเครื่องสังเค็ด ลำดับที่ 4- 6 ให้แก่วัดต่างๆ ได้แก่
กรุงเทพมหานครได้แก่ วัดกัลยาณมิตร วัดชนะสงคราม วัดเทพศิรินทราวาส วัดบวรนิเวศวิหาร วัดเบญจมบพิตร วัดปทุมวนาราม วัดพระเขตุพนวิมลมังคลาราม วัดมกุฎกษัตริยาราม วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏ์ วัดราชาธิวาส วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม วัดราชโอรสาราม วัดสุศนเทพวราราม วัดสระเกศ วัดอรุณราชวราราม วัดไตรมิตรวิทยาราม และวัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก
ภาคกลาง ได้แก่ วัดนิเวศน์ธรรมประวัติ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วัดปาเลไลยก์ จังหวัดสุพรรณบุรี วัดพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม วัดพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก วัดเพชรสมุทร จังหวัดสมุทรสงคราม วัดไร่ชิง จังหวัดนครปฐม วัดสุวรรณดาราราม จังหวัดพระนครศรศรีธยา วัดโสธรวราราม จังหวัดฉะเชิงเทรา วัดพระบรมธาตุ จังหวัดชัยนาท และวัดสุทธิวาตวราราม จังหวัดสมุทรสาคร
ภาคเหนือ ได้แก่ วัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่ วัดพระธาตุหริภุญชัย จังหวัดลำพูน วัดสวนดอก จังหวัดเชียงใหม่ และวัดพระธาตุดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ ภาคตะวันออก ได้แก่ วัดญาณสังวราราม จังหวัดชลบุรี ภาคตะวันตก ได้แก่ วัดพระแท่นดงรัง จังหวัดกาญจนบุรี ภาคใต้ ได้แก่ วัดพระมหาธาตุ จังหวัดนครศรีธรรมราช และวัดพระบรมธาตุไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ วัดโพธิ์ชัย จังหวัดหนองคาย และวัดพระธาตุพนม จังหวัดนครพนม ต่างประเทศ ได้แก่ วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ สาธารณรัฐอินเดีย
ตามพระราชประเพณีโบราณ ภายหลังเสร็จสิ้นการถวายพระเพลิงพระบรมศพ หรือพระศพ พระเมรุมาศหรือพระเมรุส่วนที่ถวายเพลิงจะถูกรื้อแล้วนำไปสร้างเป็นพระอาราม เพื่ออุทิศเป็นพระราชกุศล ดังเช่นงานพระเมรุสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้นำพระเมรุไปสร้างเป็นโรงพยาบาลศิริราช เพื่อเป็นสิ่งระลึกถึงพระกรุณาธิคุณ
เครื่องสังเค็ดในงานพระเมรุที่ต้องมีทุกครั้ง คือ พัดรองที่ระลึกสำหรับถวายพระสงฆ์ ลักษณะใกล้เคียงกับตาลปัตร แต่ใช้เฉพาะงาน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ โปรดให้เรียกว่า “พัดรอง” และเป็นที่น่าสังเกตว่า เครื่องสังเค็ดที่พระราชทานนั้น ไม่เฉพาะถวายวัดในพระพุทธศาสนาเท่านั้น ศาสนาอื่นที่มีศาสนสถานสำคัญก็ได้รับพระราชทานเครื่องสังเค็ดเช่นกัน ดังเช่นในงานพระเมรุมาศพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้พระราชทานเชิงเทียนให้แก่โบสถ์คริสต์ และพระราชทานกระถางธูปให้วัดจีนที่สำคัญ พระราชทานโคมไฟทองเหลืองทรงเหลี่ยมประดับกระจกเขียว นำมาประดับภายในมัสยิดต้นสน ซึ่งเป็นมัสยิดสำคัญในฝั่งธนบุรีในขณะนั้น และธรรมเนียมการสร้างเครื่องสังเค็ดถวายนี้ เริ่มขึ้นหลังจากงานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เป็นต้นมา โดยเครื่องสังเค็ดจะถวายไปยังพระอารามต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด มีหลายประเภทด้วยกัน เช่น ธรรมาสน์เทศน์ ธรรมาสน์สวดปาติโมกข์ หนังสือปาติโมกข์พร้อมตู้ เทียนสลักพร้อมตู้ลายทอง หีบใส่หนังสือสวด หนังสือเทศน์ พัดรอง ย่าม ผ้ากราบ และภาชนะเครื่องใช้ต่างๆ ของพระสงฆ์ การจัดทำของที่ระลึกในงานพระเมรุมาศหรืองานพระเมรุ นอกจากจะมีขึ้นสำหรับพระเจ้าแผ่นดินแล้ว ยังแพร่หลายลงมาในระดับประชาชน จนเป็นประเพณีปฏิบัติมาจนถึงทุกวันนี้
อ้างอิงข้อมูลจาก
๑. หนังสือจดหมายเหตุงานพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เล่ม ๓
๒. หนังสือคู่มือสื่อมวลชนงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร วันที่ ๒๕-๒๙ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐
๓. ฐานข้อมูลพระเมรุมาศ และเครื่องประกอบพระเมรุมาศ กรมศิลปากร ค้นจาก
https://phramerumas.finearts.go.th/group-items.php?grpID=7
๔. เว็บไซต์ ทำ – ธรรม ค้นจาก
https://thamdhamma.blogspot.com/


เกร็ดความรู้ด้านศาสนาในพิธีบำเพ็ญกุศล อุทิศถวายเป็นพระราชกุศลฯ เรื่อง "เครื่องสังเค็ด"
คำว่า “สังเค็ด” มีรากศัพท์มาจากคำในภาษาบาลีคือ “สังคีต” ซึ่งแปลว่า การสวด หรือ เพลงขับ หรือการร้องรับพร้อม ๆ กัน แรกเริ่ม “สังคีต” อาจหมายถึงเตียงสังคีต หรือร้านสวดซึ่งเป็นที่สำหรับพระสงฆ์ ๔ รูปขึ้นไปนั่งสวดในงานศพ ภายหลัง คำว่า “สังเค็ด” ได้ขยายความหมายมาเป็น “สิ่งของที่ใช้ในการทำบุญศพ”
เครื่องสังเค็ด เป็นคำโบราณ มีความหมายว่า “ของชำร่วย” แต่เรียกว่า “ของที่ระลึก”หมายถึง สิ่งของที่เจ้าภาพจัดถวายพระภิกษุสงฆ์ หรือถวายวัด ในงานทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว ธรรมเนียมนี้ถือปฏิบัติสืบต่อกันมาแต่โบราณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ หรือพระศพของเจ้านายชั้นสูง ในงานพระเมรุที่ทุกงานจำเป็นต้องมีเครื่องสังเค็ด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของที่หนักหรือครุภัณฑ์แข็งแรง ทนทาน คล้ายเป็นของที่ระลึกในงานเผาศพนั้นๆ เช่น ตู้หนังสือ โต๊ะเขียนหนังสือ ตั่ง เตียง โต๊ะหมู่ ธรรมาสน์เล็ก เป็นต้น
ประเพณีทำสิ่งของถวายพระนี้ถือเป็นประเพณีไทยแต่เดิม เมื่อผู้ใดตาย สิ่งของเครื่องใช้ประจำตัวผู้ตาย เช่น ที่นอน หมอน มุ้ง เสื้อผ้า เป็นต้น มักไม่เก็บให้คนอื่นในบ้านใช้ต่อไป หากสิ่งใดถวายพระได้ก็ถวายไป หากเห็นว่าถวายไม่ได้ อาจให้แก่คนยากจน แม้กระทั่งเรือนของผู้ตาย บางครอบครัวอาจรื้อถวายวัดไปด้วย นอกจากจะถวายสิ่งของเครื่องใช้ส่วนตัวของผู้ตายแล้ว อาจถวายสิ่งของเพิ่มเติมสมทบไปด้วย เพื่ออุทิศให้ผู้ตายได้มีเครื่องใช้บริบูรณ์ และถือว่าเป็นการทำบุญของผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ เพราะฉะนั้น สิ่งของต่างที่อุทิศถวายพระในงานศพจึงล้วนเป็นสังเค็ดหรือเครื่องสังเค็ดทั้งสิ้น
ประวัติและพัฒนาการในธรรมเนียมการจัดทำเครื่องสังเค็ดถวายพระและถวายวัดในงานออกพระเมรุของเจ้านายชั้นสูงปรากฏมาตั้งแต่สมัยโบราณ และมีการปฏิบัติอย่างเป็นกิจลักษณะมากขึ้นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ สมัยรัชกาลที่ ๕ ตัวอย่างสำคัญ คือ งานพระศพสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี (พระนางเรือล่ม) ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) มีการสร้างตู้สังเค็ดที่ระลึก และโปรดให้สร้างพัดรองถวายพระสงฆ์เป็นครั้งแรกในงานอวมงคล เรียกว่า "พัดสังเค็ด" นอกจากนี้ ยังโปรดให้พิมพ์หนังสือ (บทสวดมนต์, พระสูตร) แจกในงานศพ ซึ่งถือเป็นต้นแบบของการจัดพิมพ์หนังสืออนุสรณ์งานศพ ต่อมาสมัยรัชกาลที่ ๖ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเปลี่ยนธรรมเนียมการถวายเครื่องสังเค็ด โดยมุ่งประโยชน์แก่สาธารณะมากขึ้น โดยจำแนกเป็น ๓ ประเภท คือ ถวายพระ เช่นพัดรอง ย่าม ผ้ากราบ ถวายวัด เช่น ธรรมาสน์ ตู้พระธรรม และมอบให้โรงเรียน เช่น ตู้หนังสือ ชั้นวางหนังสือ เครื่องใช้ต่าง ๆ ในปัจจุบันยังคงยึดธรรมเนียมการถวายเครื่องสังเค็ดดังกล่าวอยู่ แต่ได้มีการถวายหนังสืออันเป็นแหล่งเกิดปัญญาเพิ่มเข้ามา ดังในงานถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ ๗ ได้สร้างตู้สังเค็ดบรรจุพระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐซึ่งเป็นพระไตรปิฎกที่จัดพิมพ์ขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
เมื่อครั้งงานพระเมรุสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ สำนักพระราชวังได้จัดเครื่องสังเค็ด ประกอบด้วย “ตู้สังเค็ด” บรรจุหนังสือสารานุกรมสำหรับเยาวชนและหนังสืออื่นๆ จำนวน ๓๐ ชุด ถวายพระอารามหลวง ๓๐ พระอาราม ได้แก่ วัดบวรนิเวศวิหาร วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม วัดเทพศิรินทราวาส วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วัดสุทัศนเทพวราราม วัดอรุณราชวราราม วัดราชาธิวาส วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ วัดมกุฏกษัตริยาราม วัดราชโอรสาราม วัดนิเวศธรรมประวัติ วัดสุวรรณดาราราม วัดพระศรีมหาธาตุ วัดพระปฐมเจดีย์ วัดสระเกศ วัดอนงคาราม วัดพิชยญาติการาม วัดปทุมวนาราม วัดชนะสงคราม วัดปากน้ำ วัดสัมพันธวงศ์ วัดสุวรรณาราม วัดโพธิ์แมน (วัดจีน) วัดกุศลสมาคร (วัดญวน) วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ วัดตำหนักใต้ วัดบางไส้ไก่ และวัดแคนอก นอกเหนือจากเครื่องสังเค็ดที่สำนักพระราชวังได้ดำเนินการแล้ว มหาเถรสมาคมได้ถวายพระไตรปิฎกภาษาบาลีและภาษาไทย รวม ๙๐ เล่ม พร้อมตู้ เป็นเครื่องสังเค็ด โดยเสด็จพระราชกุศล จำนวน ๓๐ ชุด
ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตรสำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ได้รับภารกิจในการออกแบบเครื่องสังเค็ด ส่วนการจัดสร้างสำนักพระราชวังเป็นผู้ดำเนินการ โดยให้ทางกรมศิลปากรช่วยควบคุมดูแลให้เป็นไปตามรูปแบบ รายการเครื่องสังเค็ดที่จัดทำขึ้น ได้แก่
1.พัดรองสำหรับพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลการออกพระเมรุ
2.พัดรองสำหรับพระราชพิธีทรงบำเพ็ญกุศลพระบรมอัฐิ
3.พัดรองสำหรับถวายพระจีนนิกายและอนัมนิกาย
4.ตู้สังเค็ดหรือตู้ใส่หนังสือประดับด้วยภาพพระราชนิพนธ์ พระมหาชนก
5.ธรรมาสน์ปาติโมกข์
6.หีบพระปาติโมกข์พร้อมต่าง
โดยพระราชทานจัดเครื่องสังเค็ด ลำดับที่ 4- 6 ให้แก่วัดต่างๆ ได้แก่
กรุงเทพมหานครได้แก่ วัดกัลยาณมิตร วัดชนะสงคราม วัดเทพศิรินทราวาส วัดบวรนิเวศวิหาร วัดเบญจมบพิตร วัดปทุมวนาราม วัดพระเขตุพนวิมลมังคลาราม วัดมกุฎกษัตริยาราม วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏ์ วัดราชาธิวาส วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม วัดราชโอรสาราม วัดสุศนเทพวราราม วัดสระเกศ วัดอรุณราชวราราม วัดไตรมิตรวิทยาราม และวัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก
ภาคกลาง ได้แก่ วัดนิเวศน์ธรรมประวัติ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วัดปาเลไลยก์ จังหวัดสุพรรณบุรี วัดพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม วัดพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก วัดเพชรสมุทร จังหวัดสมุทรสงคราม วัดไร่ชิง จังหวัดนครปฐม วัดสุวรรณดาราราม จังหวัดพระนครศรศรีธยา วัดโสธรวราราม จังหวัดฉะเชิงเทรา วัดพระบรมธาตุ จังหวัดชัยนาท และวัดสุทธิวาตวราราม จังหวัดสมุทรสาคร
ภาคเหนือ ได้แก่ วัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่ วัดพระธาตุหริภุญชัย จังหวัดลำพูน วัดสวนดอก จังหวัดเชียงใหม่ และวัดพระธาตุดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ ภาคตะวันออก ได้แก่ วัดญาณสังวราราม จังหวัดชลบุรี ภาคตะวันตก ได้แก่ วัดพระแท่นดงรัง จังหวัดกาญจนบุรี ภาคใต้ ได้แก่ วัดพระมหาธาตุ จังหวัดนครศรีธรรมราช และวัดพระบรมธาตุไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ วัดโพธิ์ชัย จังหวัดหนองคาย และวัดพระธาตุพนม จังหวัดนครพนม ต่างประเทศ ได้แก่ วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ สาธารณรัฐอินเดีย
ตามพระราชประเพณีโบราณ ภายหลังเสร็จสิ้นการถวายพระเพลิงพระบรมศพ หรือพระศพ พระเมรุมาศหรือพระเมรุส่วนที่ถวายเพลิงจะถูกรื้อแล้วนำไปสร้างเป็นพระอาราม เพื่ออุทิศเป็นพระราชกุศล ดังเช่นงานพระเมรุสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้นำพระเมรุไปสร้างเป็นโรงพยาบาลศิริราช เพื่อเป็นสิ่งระลึกถึงพระกรุณาธิคุณ
เครื่องสังเค็ดในงานพระเมรุที่ต้องมีทุกครั้ง คือ พัดรองที่ระลึกสำหรับถวายพระสงฆ์ ลักษณะใกล้เคียงกับตาลปัตร แต่ใช้เฉพาะงาน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ โปรดให้เรียกว่า “พัดรอง” และเป็นที่น่าสังเกตว่า เครื่องสังเค็ดที่พระราชทานนั้น ไม่เฉพาะถวายวัดในพระพุทธศาสนาเท่านั้น ศาสนาอื่นที่มีศาสนสถานสำคัญก็ได้รับพระราชทานเครื่องสังเค็ดเช่นกัน ดังเช่นในงานพระเมรุมาศพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้พระราชทานเชิงเทียนให้แก่โบสถ์คริสต์ และพระราชทานกระถางธูปให้วัดจีนที่สำคัญ พระราชทานโคมไฟทองเหลืองทรงเหลี่ยมประดับกระจกเขียว นำมาประดับภายในมัสยิดต้นสน ซึ่งเป็นมัสยิดสำคัญในฝั่งธนบุรีในขณะนั้น และธรรมเนียมการสร้างเครื่องสังเค็ดถวายนี้ เริ่มขึ้นหลังจากงานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เป็นต้นมา โดยเครื่องสังเค็ดจะถวายไปยังพระอารามต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด มีหลายประเภทด้วยกัน เช่น ธรรมาสน์เทศน์ ธรรมาสน์สวดปาติโมกข์ หนังสือปาติโมกข์พร้อมตู้ เทียนสลักพร้อมตู้ลายทอง หีบใส่หนังสือสวด หนังสือเทศน์ พัดรอง ย่าม ผ้ากราบ และภาชนะเครื่องใช้ต่างๆ ของพระสงฆ์ การจัดทำของที่ระลึกในงานพระเมรุมาศหรืองานพระเมรุ นอกจากจะมีขึ้นสำหรับพระเจ้าแผ่นดินแล้ว ยังแพร่หลายลงมาในระดับประชาชน จนเป็นประเพณีปฏิบัติมาจนถึงทุกวันนี้
อ้างอิงข้อมูลจาก
๑. หนังสือจดหมายเหตุงานพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เล่ม ๓
๒. หนังสือคู่มือสื่อมวลชนงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร วันที่ ๒๕-๒๙ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐
๓. ฐานข้อมูลพระเมรุมาศ และเครื่องประกอบพระเมรุมาศ กรมศิลปากร ค้นจาก https://phramerumas.finearts.go.th/group-items.php?grpID=7
๔. เว็บไซต์ ทำ – ธรรม ค้นจาก https://thamdhamma.blogspot.com/