นักปฏิบัติต้องเห็นความจริงอย่างนี้ (หลวงปู่เหรียญ)


หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย

เหมือนอย่างคนใกล้จะตายอย่างนี้นะ เมื่อร่างกายส่วนใดมันไม่ปรองดองสามัคคีกันแล้ว เช่น ธาตุไฟมันก็ดับลง ธาตุลมก็ดับลงอย่างนี้นะ วิญญาณอาศัยอยู่ไม่ได้ มันก็ไม่มีความรู้สึกอะไรเลย เวลาคนใกล้จะตาย มันเป็นอย่างนั้นแหละ เหตุนั้นจึงว่า วิญญาณก็อาศัยรูปอันนี้ ถ้ารูปอันนี้วิบัติแปรปรวนไปแล้ววิญญาณก็ดับ มันเป็นอย่างนั้น

มันก็ดับเข้ามาโดยลำดับลำดับความรู้สึกอันนั้น จนมาถึงท่ามกลางอก อันเป็นที่อาศัยของดวงจิตนี้ เมื่อหทัยวัตถุอันเป็นที่อาศัยของจิตนี้ มันวิบัติแปรปรวนไปเต็มที่แล้ว จิตนี้ก็อาศัยอยู่หทัยวัตถุอันนี้ไม่ได้ ก็จึงได้ถอนตัวออกไปเราเรียกว่า ตาย ความรู้สึกในกายนี้ก็หมดสิ้นลงแล้ว เหมือนกับท่อนกล้วยที่เขาตัดทิ้งไว้บนดิน พระศาสดาทรงตรัสไว้อย่างนี้ ก็นับว่าเป็นความจริงทีเดียว

นั่นแหละนักปฏิบัติ นักภาวนา ต้องพิจารณาความตายให้ลงถึงความจริงให้ได้อย่างนี้แล้วมันก็จึงไม่สะดุ้งหวาดกลัวต่อความตาย เพราะไม่มีอะไรตาย มีแต่ธาตุสี่ขันธ์ห้ามันวิบัติแปรปรวนไป ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคลตาย มันก็เห็นลงไปอย่างนั้นล่ะบาดนี้

เมื่อเห็นลงไปว่า ไม่มีเราไม่มีเขาตาย จิตนี้มันก็ไม่เดือดร้อนแล้วบาดนี้ ไม่อาลัยหมายความว่างั้นเพราะมันไม่มีของเราอยู่ในนี้นี่ ในนาม ในรูป หรือในขันธ์ห้านี้ ของเราน้อยหนึ่งก็ไม่มี มันรู้แจ้งตามเป็นจริงอย่างนี้ นั่นล่ะถึงไม่เป็นทุกข์ล่ะบาดนี้นะ บุคคลผู้นั้นจึงมีสติเต็มที่เลย


ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ
“ถ้าหากไม่ละย่อมไม่สิ้นสุด”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่