สมัยก่อน คอหวยชอบ
สิ่งพิมพ์ขาลง แต่ตลาดสายมูมาแรง “กิตติธัช นำพิทักษ์ชัยกุล” ทายาทรุ่น 3 โหราศาสตร์จีนน่ำเอี๊ยง อัปเกรดปฏิทินแดง ขึ้นแอปฯ ฐานผู้ใช้ทะยาน โต 300% ทุกปี
ในยุคที่ธุรกิจสิ่งพิมพ์เผชิญกระแสถดถอย และผู้คนหันสู่โลกดิจิทัลมากขึ้น กิตติธัช นำพิทักษ์ชัยกุล ทายาทรุ่นที่ 3 ของ “ปฏิทินจีนโบราณน่ำเอี๊ยง” จึงต้องพาธุรกิจครอบครัวเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลเช่นกัน
ตลอด 7–8 ปีที่เขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในธุรกิจครอบครัว ได้พัฒนาแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันโหราศาสตร์จีน Num Eiang ให้ตอบโจทย์วิถีผู้ใช้ยุคใหม่ ควบคู่กับธุรกิจเดิมครอบครัว ปรากฏว่าผลลัพธ์ดีเกินคาด ตามเทรนด์คนรุ่นใหม่ ให้ความสนใจเรื่องโหราศาสตร์เพื่อไกด์ไลน์ชีวิต ดันยอดเติบโตของแอปฯ เฉลี่ย 300% ต่อปี
กิตติธัช กล่าวในงาน SME THAILAND FUTURE DAY 2026 จัดโดย SME Thailand ว่า เขาเข้ามาสานต่อธุรกิจครอบครัวมาประมาณ 7 ถึงเกือบ 8 ปีแล้ว นับตั้งแต่เรียนจบ โดยธุรกิจหลักดั้งเดิมของน่ำเอี๊ยง คือการทำปฏิทินจีนก้อนแดง เริ่มต้นขึ้นในรุ่นกงในฐานะสำนักโหราศาสตร์ และเป็นธุรกิจโรงพิมพ์ที่ก่อตั้งมาประมาณ 50 กว่าปีที่แล้ว
เขาบอกว่า วัยเด็ก รับรู้ว่าธุรกิจที่บ้านผลิตปฏิทินแต่ยังไม่ทราบว่า Core Value หลักจริงๆ คือเรื่องของโหราศาสตร์ จากนั้นจึงได้ศึกษาเกี่ยวกับโหราศาสตร์จีนมากขึ้น (โดยโชคดีที่เคยไปเรียนที่ประเทศจีนตอนช่วงมัธยม) แม้ว่าในตอนแรกเขาจะไม่เชื่อในเรื่องความเชื่อดังกล่าวเลย แต่ก็คิดว่าการกลับมาทำธุรกิจที่บ้านต้องเข้าใจ Core Value หลักนี้ก่อน
กิตติธัช เล่าต่อว่า เขาสังเกตเห็นแนวโน้มของธุรกิจสิ่งพิมพ์ โดยเฉพาะปฏิทินในอนาคตน่าจะไม่ใช่ขาขึ้น และคาดการณ์ว่าหากไม่มีการปรับเปลี่ยนใดๆ ธุรกิจอาจอยู่รอดได้ยากในอีก 10-20 ปีข้างหน้า ณ ขณะนั้นธุรกิจโรงพิมพ์ยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก โดยยังมีลูกค้ากลุ่ม B2B (บริษัทโฆษณาและมีเดีย) จ้างพิมพ์เป็นของขวัญปีใหม่อยู่ แต่เขาได้ตัดสินใจว่าต้อง "Disrupt ธุรกิจตัวเอง" การ Disruption จึงได้นำโหราศาสตร์เข้าสู่โลกของ Digitalization และ Technology
ปรับแบรนด์ นำโหราศาสตร์ไกด์ไลน์การตัดสินใจ
กิตติธัชเล่าต่อว่า กลยุทธ์การปรับเปลี่ยน คือการปรับภาพลักษณ์ (Branding) มีการปรับภาพลักษณ์ของสื่อสิ่งพิมพ์ให้มีความโมเดิร์นยิ่งขึ้น โดยทำแบรนด์ Collaboration กับที่อื่นๆ เช่น ทำร่วมกับ Artist จัด Event ทำ Photobooth หรือทำเป็น Personalized Calendar เป้าหมายคือการนำเสนอข้อมูลโหราศาสตร์ที่สามารถนำมาอธิบายและประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อเป็นไกด์ไลน์ในการตัดสินใจ
ต่อมาจึงสร้างแอปพลิเคชัน (Digital Platform) โดยเขาใช้เวลาประมาณ 3-4 ปีในการทำความเข้าใจหลักการโหราศาสตร์อย่างลึกซึ้ง และใช้เวลาประมาณ 2 ปีในการปล่อยแอปพลิเคชันออกมา
โดยการพัฒนาแอปพลิเคชันและกลุ่มเป้าหมายแอปพลิเคชันนี้เน้นการนำหลักการโหราศาสตร์จีนทั้งหมดมาสร้างเป็นชุด Data/Database ฟีเจอร์หลักของแอปพลิเคชัน NumEiang เช่น
สีมงคลแบบ Personalized คำนวณตามดวงจากวันเดือนปีเกิดและเวลาเกิด โดยอิงตามหลักการ 5 ธาตุของโหราศาสตร์จีน ซึ่งช่วยสร้างสมดุลในชีวิตประจำวัน
เวลามงคล นำข้อมูลจากปฏิทินที่เคยเป็นภาษาจีนมา Personalize ว่าช่วงเวลาไหนดีที่สุด เหมาะกับการทำกิจกรรมสำคัญ
แอปฯ เน้นการตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ การทำ Market Research พบว่าวัยรุ่นสมัยนี้ชอบเกี่ยวกับเรื่อง สีมงคล และ เวลามงคลมากกว่าเรื่องฤกษ์หรือวัดดวงชะตา
ทั้งนี้กิตติธัช บอกว่า กลุ่มลูกค้าเป้าหมายแอปพลิเคชันไม่ได้เจาะกลุ่มเดียวกับลูกค้าปฏิทิน ซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามสื่อสารกับครอบครัวมาแต่ต้น เพราะลูกค้าปฏิทินจะอายุประมาณ 40 กว่าปี ส่วนลูกค้าแอปพลิเคชันจะเป็นวัยรุ่นถึงวัยทำงาน ประมาณ 20-25 ปี ถึง 35 ปี โดยหลักคือคนในกรุงเทพฯ และอีกส่วนหนึ่งคือผู้ที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ เช่น อังกฤษ อเมริกา และออสเตรเลีย
เปิดมาปีแรก ผลตอบรับดี
หลังจากเปิดตัวแอปพลิเคชันและได้รับกระแสตอบรับที่ดีมากจากสื่อต่างๆ การเติบโตของธุรกิจดิจิทัลนี้มีอัตราสูง
กิตติธัช บอกว่า ช่วงแรกหลังจากเปิดตัวไปได้ประมาณ 1 ปี มีผู้ใช้งานประมาณ 100,000 กว่า user แอปพลิเคชันมีการเติบโตด้านฐานผู้ใช้งาน (User Base) ปีละประมาณ 300% ปัจจุบันมี 500,000 user และ ผู้ใช้งานประมาณ 10% เป็นสมาชิกแบบ Subscription
การทรานส์ฟอร์มธุรกิจครอบครัว ต้องพิสูจน์ตนเอง
กิตติธัช เล่าว่า เนื่องจากความแตกต่างทางความคิด ระหว่างรุ่นพ่อแม่กับรุ่นลูก เขาตัดสินใจทำธุรกิจแอปพลิเคชันในรูปแบบที่ แยกออกมาเป็นอีกส่วนหนึ่ง และไม่ได้อยู่ภายใต้ของบริษัทเดิม เพื่อความเป็นอิสระ เขาบอกว่าต้องการอิสระ ในการตัดสินใจ ดำเนินธุรกิจ และต้องการทำไปก่อนเพื่อเรียนรู้ โดยบอกกับคุณพ่อคุณแม่ชัดเจนว่าขอสร้างทีมใหม่และแยกออกมาเป็น branch เพราะรู้ว่าหากทำร่วมกันอาจเกิด Conflict ได้ แต่ระหว่างนั้นก็จะมีการเล่าแผนงานให้ฟังตลอดว่าสิ่งที่ทำจะเข้าถึงกลุ่มไหน ต้องอธิบายเป้าหมาย และไทม์ไลน์ให้ชัดเจน
“ในช่วงแรกของการพัฒนาแอปพลิเคชัน ผมแอบทำ ก่อน เนื่องจากความแตกต่างทางความคิดมีสูงมาก ใช้เวลาประมาณ 2 ปีในการเตรียมข้อมูลและเปิดตัวแอปพลิเคชัน เมื่อเปิดตัวแอปพลิเคชันไปแล้วและได้รับกระแสตอบรับที่ดีมากจากสื่อต่างๆ ทำให้คุณพ่อคุณแม่เห็นภาพมากขึ้น ตอนแรกคุณพ่อคุณแม่มีคำถามและข้อสงสัยมากมาย เช่น ทำแบบนี้ทำเพื่ออะไร? ทำไมต้องไปจัดอีเวนต์ที่นี่? ทำแล้วคุ้มหรอ? ดังนั้น สิ่งที่สำคัญคือการแสดงให้เขาเห็นด้วยว่าเราทำได้จริง ๆ นะ"
เขาบอกอีกว่า ต้องพิสูจน์ว่าสิ่งที่ทำไปนั้น เราไม่ได้ทำแบบสะเปะสะปะ ทำเอาแต่ใจ แต่ทำเพื่อตอบโจทย์ลูกค้า เมื่อธุรกิจใหม่เริ่มมีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น และเติบโตสูงถึงปีละ 300% ก็ทำให้ครอบครัวเริ่มเห็นภาพและยอมรับ
แม้จะเริ่มต้นธุรกิจใหม่ แต่ กิตติธัช ได้ให้คำมั่นสัญญากับครอบครัวเพื่อคลายความกังวลว่าธุรกิจดั้งเดิมจะไม่ถูกทอดทิ้ง แต่ให้สัญญาว่าจะช่วยบริหารธุรกิจเดิมอย่างแน่นอน โดยจะช่วยดูแลในส่วนของการ วางแผน และสายงานการผลิตทั้งหมด
"ยอมรับว่า การอธิบายให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจภาพรวมธุรกิจใหม่ทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องยาก เพราะพวกเขาไม่สามารถเห็นภาพการเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจได้อย่างที่เราเห็น แต่สิ่งสำคัญคือการบอกให้พวกเขารู้ว่า 'ผมลงเต็มร้อย' และต้องการให้ชื่อน่ำเอี๊ยงขยายไปสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือทั่วโลก" กิตติธัช กล่าว
สุดท้ายแล้วเมื่อ กิตติธัช ถูกถามว่า ปัจจุบันธุรกิจครอบครัวมีบริการดูดวงหรือไม่? เขาบอกว่า เมื่อก่อนมี บริการนี้มีมาตั้งแต่ รุ่นอากง โดยหลักการของโหราศาสตร์จีนคือการ ดูดวงเพื่อวางแผนชีวิตปัจจุบันบริการดูดวงโดยตรง ไม่มีให้บริการแล้ว เนื่องจากซินแสมีอายุมากประมาณ 70 กว่า ท่านจึงไม่ได้รับดูดวง แม้จะไม่ได้เปิดรับดูดวงทั่วไป แต่ปริมาณลูกค้าที่มาดูในเรื่องสำคัญ เช่น ดูเรื่องแต่งงาน ในแต่ละวันก็มีเยอะ มาก ๆ อยู่แล้ว
เครดิตภาพ : Num Eiang
“น่ำเอี๊ยง” จากปฏิทินแดง สู่แอปโหราศาสตร์จีน โตแรง 300% ต่อปี