รู้ไหม? ปลาดิบสีส้ม ในร้านบุฟเฟต์ ส่วนใหญ่ไม่ใช่ "แซลมอน" แท้จริงมันคือปลาอะไร?


https://www.sanook.com/news/9856502/

ปลาดิบเนื้อสีส้มที่คุ้นเคย แท้จริงไม่ใช่ "แซลมอน" ? รู้จัก "ปลาเทราต์" ที่หลายร้านเลือกใช้
หลายคนชื่นชอบการรับประทานปลาดิบเนื้อสีส้มมันวาว โดยเข้าใจว่าเป็น "ปลาแซลมอน" ทั้งหมด แต่ความจริงแล้ว ในร้านอาหารหลายแห่ง โดยเฉพาะร้านบุฟเฟต์หรือร้านที่ราคาไม่สูงมากนัก ปลาดิบเนื้อสีส้มที่เราทานอาจไม่ใช่ปลาแซลมอน แต่เป็น "ปลาเทราต์" (Trout) ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกันมาก

แม้จะเป็นปลาคนละชนิด แต่ก็มีความอร่อยและคุณค่าทางอาหารสูงไม่แพ้กัน บทความนี้จะพาไปรู้จักว่าทำไมร้านอาหารถึงเลือกใช้ปลาเทราต์ และเราจะแยกปลาสองชนิดนี้ออกจากกันได้อย่างไร


ทำไมร้านอาหารจึงเลือกใช้ "ปลาเทราต์" แทน "ปลาแซลมอน"
เหตุผลหลักที่ร้านอาหารหลายแห่ง โดยเฉพาะในประเทศไทย เลือกใช้ปลาเทราต์ (โดยเฉพาะ ปลาเทราต์สายรุ้ง หรือ Rainbow Trout) แทนปลาแซลมอน (เช่น แซลมอนแอตแลนติก) คือเรื่องของ ต้นทุนและแหล่งที่มา ครับ

ราคาเข้าถึงง่ายกว่า: โดยทั่วไปปลาเทราต์มีราคาที่ต่ำกว่าปลาแซลมอน ซึ่งส่วนใหญ่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ (เช่น นอร์เวย์ ชิลี) ทำให้ร้านค้าสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดีกว่า โดยเฉพาะในเมนูบุฟเฟต์
แหล่งเพาะเลี้ยงในประเทศ: ปลาเทราต์สายรุ้งเป็นปลาที่สามารถเพาะเลี้ยงได้ในพื้นที่อากาศหนาวเย็นในประเทศไทย เช่น โครงการหลวงในพื้นที่ภาคเหนือ ทำให้มีแหล่งวัตถุดิบในประเทศรองรับ และช่วยลดภาระการนำเข้า
ความเหมือนและความต่าง "แซลมอน" vs "เทราต์"
แม้จะถูกจัดอยู่ในวงศ์ปลาแซลมอน (Salmonidae) เหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างที่พอสังเกตได้ ทั้งในด้านลักษณะเนื้อและรสชาติ

1. ลักษณะเนื้อและสี
ปลาแซลมอน (Salmon): เนื้อปลาจะมีสีส้มอ่อน หรือสีส้มอมชมพู จุดเด่นคือ ลายไขมันสีขาว (Fat lines) ที่ชัดเจนและหนากว่า เมื่อรับประทานจะให้สัมผัสที่นุ่ม ชุ่มฉ่ำ และละลายในปากมากกว่า เนื่องจากมีปริมาณไขมันแทรกสูง

ปลาเทราต์ (Trout): เนื้อปลาจะมีสีส้มที่เข้มกว่า หรืออาจอมไปทางสีแดง ลายไขมันสีขาวจะมีขนาดเล็กกว่า บางกว่า หรือเห็นไม่ชัดเจนเท่าปลาแซลมอน เนื้อสัมผัสจะ มีความแน่นและยืดหยุ่นกว่า ไขมันน้อยกว่า ทำให้รสชาติอาจไม่มันเท่าแซลมอน

2. รสชาติ
เนื่องจากปลาแซลมอนมีไขมันแทรกเยอะกว่า รสชาติจึงมีความมันและรสชาติที่เข้มข้นของไขมันปลาชัดเจน ส่วนปลาเทราต์จะมีรสชาติที่เบากว่า (Milder) หรือบางครั้งอาจมีกลิ่นที่ต่างออกไปเล็กน้อย (บางคนเรียกว่ากลิ่นคล้ายปลาน้ำจืด แต่ปลาเทราต์ที่เลี้ยงในทะเลหรือระบบน้ำคุณภาพสูงก็จะมีรสชาติดี)

คุณค่าทางโภชนาการ ดีต่อสุขภาพทั้งคู่
ข่าวดีคือ ทั้งปลาแซลมอนและปลาเทราต์ต่างก็เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูง และอุดมไปด้วยกรดไขมัน โอเมก้า-3 (Omega-3) ที่มีประโยชน์ต่อหัวใจและสมองอย่างมาก

หากเปรียบเทียบกันเล็กน้อย ปลาแซลมอนมักจะมีปริมาณไขมันและโอเมก้า-3 สูงกว่าเล็กน้อย ซึ่งให้พลังงานมากกว่า ในขณะที่ปลาเทราต์จะมีปริมาณโปรตีนสูงกว่าเล็กน้อยและมีแคลอรีต่ำกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบในปริมาณเท่ากัน แต่โดยรวมถือว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพทั้งคู่

วิธีสังเกตง่ายๆ เพื่อแยกความแตกต่าง
สำหรับผู้บริโภคทั่วไป วิธีที่ง่ายที่สุดในการสังเกตความแตกต่างระหว่างปลาดิบสองชนิดนี้ คือการดูลายไขมัน:

ดูที่ลายไขมัน: ถ้าลายเส้นสีขาวหนา ชัดเจน และเนื้อปลาสีส้มอ่อน มักจะเป็น แซลมอน
ดูลายไขมัน (อีกครั้ง): ถ้าลายเส้นสีขาวบาง แทบมองไม่เห็น และเนื้อปลาสีส้มเข้มหรืออมแดง มักจะเป็น ปลาเทราต์
สอบถามพนักงาน: วิธีที่ดีที่สุดคือการสอบถามกับทางร้านโดยตรงว่าปลาที่เสิร์ฟคือปลาชนิดใด
สรุปแล้ว การที่ร้านอาหารใช้ปลาเทราต์แทนปลาแซลมอนไม่ใช่เรื่องผิด หากปลาชนิดนั้นมีคุณภาพดี สะอาด ปลอดภัย และร้านค้าไม่ได้โฆษณาว่าเป็นปลาแซลมอนเพื่อหลอกลวงผู้บริโภค เพราะปลาเทราต์ก็เป็นปลาที่มีรสชาติอร่อยและมีคุณค่าทางอาหารสูงเช่นกันครับ

แหล่งอ้างอิง
1. Healthline
2. Allrecipes
3. Krua.co
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่