อายุเยอะแล้ว มองไกลเริ่มไม่ชัด เดินผ่านคนก็ไม่รู้ว่าใครจนกว่าจะเดินมาใกล้ ๆ
พอดีที่ทำงานมีร้านแว่นมาเปิดบูท เลยไปลองตัดอันถูก ๆ 380 มา ปรากฎว่าใส่ดีมาก ชีวิตดีขึ้นเยอะ
เลยหาร้านที่จะไปตัดแว่นจริงจังขึ้นมา มีอยู่ร้านนึง ใกล้ ๆ บ้าน ราคากลาง ๆ
ในโซเชียล โชว์การวัดค่าสายตาแบบละเอียดมาก ยาวเป็นหน้า ๆ ก็เลยสนใจ
ไปถึงก็เลือกกรอบแล้วก็ไปวัดสายตา ก็ธรรมดานะ ใช้เครื่องที่เอาคางมาวาง
แล้วก็มาใส่แว่นแบบที่เปลี่ยนเลนส์ได้แล้วอ่านตัวเลข ไม่ได้วัดอะไรละเอียดขนาดนั้น
พอโทรมาบอกว่าแว่นเสร็จแล้วก็มาลองใส่ แต่ก็ไม่ชัดเท่าแว่นเก่า มันเบลอ ๆ มัว ๆ
ยายคนนึงในร้านพยายามบอกตัวเก่าเป็นเลนส์ธรรมดา ไม่เหมือนตัวใหม่
แต่พอช่างเอาแว่นเดิมไปเช็คก็พบว่าค่าสายตาของแว่น 2 อัน ไม่เท่ากันก็เลยตัดให้ใหม่
ใช้ค่าของแว่นเดิม
ซักพักก็เสร็จ แต่มันแข็ง ๆ ไม่สบายตา คิดว่าคงต้องปรับสายตาพักนึงมั้ง เลยใส่แล้วไปกินข้าว
มันไม่ได้แรงขนาดนั้น แต่ก็ทำให้เวียนหัวและเริ่มปวดหัวนิด ๆ เลยกลับไปเป็นรอบที่ 3
คุณพี่ที่เป็นช่างตัดแว่นแปลกใจและถามอาการ แต่ยายคนเดิมเหมือนจะไม่พอใจ เสียงดังว่า
ไม่ได้แล้ว ตอนแรกบอกไม่ชัด แก้แล้วบอกเวียนหัว เลยถามว่าแว่นเก่ากับใหม่ค่าเท่ากัน ทำไมอันเก่าไม่เวียน
พี่ช่างกับน้องช่างก็เอาแว่นไปดูและวิเคราะห์ ไม่แน่ใจแค่ดัดแว่นมั้ง ลองอีกทีดีเลย
ถึงจะไม่สบายเท่าอันเก่า แต่ก็นับว่าดีเลย
จริงจริงแล้วร้านขายแว่นไม่ได้ขายแว่นตา เรื่องบุคลิกภาพมาจากลูกค้าเองเพราะลูกค้าเป็นคนเลือกกรอบ ร้านไม่ได้แนะนำอะไร
แต่ร้านแว่นขายการมองเห็น การมองเห็นที่ชัดเจน สบายตา ลูกค้าเดินเข้ามาตัดแว่นแต่ใส่แล้วไม่ชัด
หรือแก้ไขแล้ว ใส่แล้วเวียนหัว เป็นความผิดของลูกค้าหรือ ร้านค้าหลาย ๆ ร้านต้องอาศัยองค์ความรู้ในการทำงาน
ถ้าไม่เคารพวิชาชีพ ของตัวเอง ก็ไม่ต้องหวังว่าจะไปเคารพลูกค้า ก็ได้แว่นนะ แต่เสียความรู้สึก
กับร้านแบบนี้ไปแล้ว
คราวหน้าจะตัดแว่นใหม่ คงต้องหาร้านแว่นที่ขายการมองเห็นที่ชัดเจน สบายตา และเคารพใน
วิชาชีพของตัวเอง วิชาชีพที่ใช้เลี้ยงตัวเอง ไม่ใช่ขายแต่กรอบกับเลนส์ จะดีกว่า
ร้านแว่นดังในโซเชียล ยูเนี่ยนมอล
พอดีที่ทำงานมีร้านแว่นมาเปิดบูท เลยไปลองตัดอันถูก ๆ 380 มา ปรากฎว่าใส่ดีมาก ชีวิตดีขึ้นเยอะ
เลยหาร้านที่จะไปตัดแว่นจริงจังขึ้นมา มีอยู่ร้านนึง ใกล้ ๆ บ้าน ราคากลาง ๆ
ในโซเชียล โชว์การวัดค่าสายตาแบบละเอียดมาก ยาวเป็นหน้า ๆ ก็เลยสนใจ
ไปถึงก็เลือกกรอบแล้วก็ไปวัดสายตา ก็ธรรมดานะ ใช้เครื่องที่เอาคางมาวาง
แล้วก็มาใส่แว่นแบบที่เปลี่ยนเลนส์ได้แล้วอ่านตัวเลข ไม่ได้วัดอะไรละเอียดขนาดนั้น
พอโทรมาบอกว่าแว่นเสร็จแล้วก็มาลองใส่ แต่ก็ไม่ชัดเท่าแว่นเก่า มันเบลอ ๆ มัว ๆ
ยายคนนึงในร้านพยายามบอกตัวเก่าเป็นเลนส์ธรรมดา ไม่เหมือนตัวใหม่
แต่พอช่างเอาแว่นเดิมไปเช็คก็พบว่าค่าสายตาของแว่น 2 อัน ไม่เท่ากันก็เลยตัดให้ใหม่
ใช้ค่าของแว่นเดิม
ซักพักก็เสร็จ แต่มันแข็ง ๆ ไม่สบายตา คิดว่าคงต้องปรับสายตาพักนึงมั้ง เลยใส่แล้วไปกินข้าว
มันไม่ได้แรงขนาดนั้น แต่ก็ทำให้เวียนหัวและเริ่มปวดหัวนิด ๆ เลยกลับไปเป็นรอบที่ 3
คุณพี่ที่เป็นช่างตัดแว่นแปลกใจและถามอาการ แต่ยายคนเดิมเหมือนจะไม่พอใจ เสียงดังว่า
ไม่ได้แล้ว ตอนแรกบอกไม่ชัด แก้แล้วบอกเวียนหัว เลยถามว่าแว่นเก่ากับใหม่ค่าเท่ากัน ทำไมอันเก่าไม่เวียน
พี่ช่างกับน้องช่างก็เอาแว่นไปดูและวิเคราะห์ ไม่แน่ใจแค่ดัดแว่นมั้ง ลองอีกทีดีเลย
ถึงจะไม่สบายเท่าอันเก่า แต่ก็นับว่าดีเลย
จริงจริงแล้วร้านขายแว่นไม่ได้ขายแว่นตา เรื่องบุคลิกภาพมาจากลูกค้าเองเพราะลูกค้าเป็นคนเลือกกรอบ ร้านไม่ได้แนะนำอะไร
แต่ร้านแว่นขายการมองเห็น การมองเห็นที่ชัดเจน สบายตา ลูกค้าเดินเข้ามาตัดแว่นแต่ใส่แล้วไม่ชัด
หรือแก้ไขแล้ว ใส่แล้วเวียนหัว เป็นความผิดของลูกค้าหรือ ร้านค้าหลาย ๆ ร้านต้องอาศัยองค์ความรู้ในการทำงาน
ถ้าไม่เคารพวิชาชีพ ของตัวเอง ก็ไม่ต้องหวังว่าจะไปเคารพลูกค้า ก็ได้แว่นนะ แต่เสียความรู้สึก
กับร้านแบบนี้ไปแล้ว
คราวหน้าจะตัดแว่นใหม่ คงต้องหาร้านแว่นที่ขายการมองเห็นที่ชัดเจน สบายตา และเคารพใน
วิชาชีพของตัวเอง วิชาชีพที่ใช้เลี้ยงตัวเอง ไม่ใช่ขายแต่กรอบกับเลนส์ จะดีกว่า