- เพิ่งทราบหลังจากดูจบว่าเป็นหนังปฐมบทของไตรภาค Oslo ที่เปิดตัวด้วยการพูดถึงเรื่อง Sex แบบเสรีชนโดยไม่ได้ชี้นำไปทางล่อแหลมอนาจารหรือเสียดสีในเชิงทะลึ่งโปกฮาแต่มันลึกไปไกลกว่าที่เราคิดตามเสียงสังคมส่วนใหญ่กำหนดให้เป็นตามครรลองนั้นจนวิ่งตามสารที่ตัว 2 หน่อกำลังแลกเปลี่ยนความในใจกันแทบไม่ทันว่าที่จริงมันคือส่วนหนึ่งในชีวิตของคนที่เกิดมาแล้วต้องทำตามสัญชาตญาณตามวัฏจักรของสิ่งมีชีวิตที่มีการ กิน ขรี้ ปี๊ นอน เฉกเช่นเดียวกับสัตว์ทั่วไป เพียงแต่มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความคิดซับซ้อน มีจิตใจที่สามารถแยกแยะได้ว่าอะไรควรทำอะไรอย่าหาทำเลยดูสูงส่งกว่า ทั้งที่คนก็มีความต้องการทางเพศอยู่ตลอดเวลา
- ตลอดระยะเวลา 2 ชั่วโมง ส่วนใหญ่จะโฟกัสไปที่ 2 ตัวเอกที่ทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาดปล่องไฟในกรุง Oslo เมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์นั่งระบายความในใจในลักษณะ Talk to Talk ใน Situation เดียวกัน ซึ่งระหว่างนั้นก็ได้ตัดสลับไปสำรวจ Life ในบ้านของแต่ละคนที่ค่อย ๆ ไปขยายความและสำทับกับปมที่ปูทางก่อนหน้านี้ให้มี Details ที่เชื่อมโยงและจับต้องได้อย่างสะดวก แม้จะลำบากต่อการเรียบเรียงอยู่ซักหน่อยว่ามันเกี่ยวข้องกันอีท่าไหน ? แต่โดยรวมก็ยังคลำตามทางได้อยู่แถมความพิเศษที่สังเกตุได้ คือ การแช่กล้องแบบ Long Take ปล่อย Joint ให้ตัวละครเม้ามอยตาม Situations ที่ปรากฎไม่ว่าจะในบ้านก็ดี หรือ ออกไป Outdoor ก็ดีอย่างเรื่อยเปื่อยทำให้รู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติที่สะท้อนผ่านชีวิตประจำวันอย่างสมจริงที่แม้จะเป็นวันปกติแต่ก็มีอะไรให้ค้นหาระหว่างทางอย่างคาดไม่ถึง
- ช่วงกลาง ๆ สังเกตุว่าจะเทหน้าตักไปที่การ Feat กับตัวละครในบ้านมากไปจนเกิดอาการกรึ่ม ๆ จะวูบหลับแต่ดีที่มี Sounds บรรเลงประกอบช่วยสร้างบรรยากาศให้อาณาบริเวณในเมือง Oslo มีชีวิตจิตใจเป็นระยะแล้วยังดึงสติให้นั่งฟังแต่ละคนกำลังถกเถียงหรือตั้งคำถามกันอย่างจริงจัง ประมาณว่า รู้สึกอย่างไรถ้ารู้ตัวว่าตนเองเป็นเกย์ทั้ง ๆ ที่แต่งงานมีเมียแล้ว หรือ เล่าถึงความฝันที่ว่าตนเองเป็นผู้หญิง อย่างนี้ เป็นอะไรที่คนวัยกลางคนอย่างผมพอเห็นภาพตามไม่ยากกับปัญหาหรือความทุกข์ที่เราก็สามารถประสบกับมันได้
- มาเข้าที่เอาตอนที่ 2 หน่อกลับมา Feat อีกครั้งหลักจากก่อนหน้านี้ทิ้งห่างช่วงตึกไปสำรวจ Private Life อยู่นานจนเสียงในหัวดังออกมาว่าจะกลับมาเจอกันอีกทีกี่โมง ? เพราะเวลาเข้า Scene กันเคมีมันให้ความอบอุ่นตาม Feel Daddy จนผมเผลอหวั่นไหวตามไปด้วยอย่างงง ๆ พอกลับมาเจอกันหน้าอีกทีนอกจากเริ่มมี Scene บ่อยขึ้นแล้วเวลาเหมือนร่นไปข้างหน้าด้วยความสุนทรีย์จนหมดอารมณ์ลุ้นหวยช่วงท้ายออกจากว่าจะออกเป็นเลขอะไร ? ในเมื่อความรู้สึกที่ส่งมาทั้งหมดมันเข้าไปอยู่ในใจผมอย่างท่วมท้นจนไม่รู้จะบรรยายอะไรก่อนดี ? แต่ที่แน่ ๆ คือเป็นหนังเปิดตัวไตรภาคแรกที่ทำให้ผมเปิดโลกของคำว่า Sex ในแบบฉบับท่านผู้เจริญผู้มากซึ่งไปด้วยปัญญาได้อย่างลึกซึ้งและงดงามทั้งที่ไม่มี Scene ไหนเรียกร้องหาความตื่นเต้นทางอารมณ์ ก่อนจะเตรียมตัวรับสารในภาคต่อไปที่ยังคง Concept คำเดียวแต่ได้ใจหลายความหมายว่า Dream และ Love ตามลำดับ
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ : EMistique
[CR] No.175 SeX (2024) : : เรื่อง “เพศ” ที่สามารถ “Said” กันได้ทุกเวลา
- เพิ่งทราบหลังจากดูจบว่าเป็นหนังปฐมบทของไตรภาค Oslo ที่เปิดตัวด้วยการพูดถึงเรื่อง Sex แบบเสรีชนโดยไม่ได้ชี้นำไปทางล่อแหลมอนาจารหรือเสียดสีในเชิงทะลึ่งโปกฮาแต่มันลึกไปไกลกว่าที่เราคิดตามเสียงสังคมส่วนใหญ่กำหนดให้เป็นตามครรลองนั้นจนวิ่งตามสารที่ตัว 2 หน่อกำลังแลกเปลี่ยนความในใจกันแทบไม่ทันว่าที่จริงมันคือส่วนหนึ่งในชีวิตของคนที่เกิดมาแล้วต้องทำตามสัญชาตญาณตามวัฏจักรของสิ่งมีชีวิตที่มีการ กิน ขรี้ ปี๊ นอน เฉกเช่นเดียวกับสัตว์ทั่วไป เพียงแต่มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความคิดซับซ้อน มีจิตใจที่สามารถแยกแยะได้ว่าอะไรควรทำอะไรอย่าหาทำเลยดูสูงส่งกว่า ทั้งที่คนก็มีความต้องการทางเพศอยู่ตลอดเวลา
- ตลอดระยะเวลา 2 ชั่วโมง ส่วนใหญ่จะโฟกัสไปที่ 2 ตัวเอกที่ทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาดปล่องไฟในกรุง Oslo เมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์นั่งระบายความในใจในลักษณะ Talk to Talk ใน Situation เดียวกัน ซึ่งระหว่างนั้นก็ได้ตัดสลับไปสำรวจ Life ในบ้านของแต่ละคนที่ค่อย ๆ ไปขยายความและสำทับกับปมที่ปูทางก่อนหน้านี้ให้มี Details ที่เชื่อมโยงและจับต้องได้อย่างสะดวก แม้จะลำบากต่อการเรียบเรียงอยู่ซักหน่อยว่ามันเกี่ยวข้องกันอีท่าไหน ? แต่โดยรวมก็ยังคลำตามทางได้อยู่แถมความพิเศษที่สังเกตุได้ คือ การแช่กล้องแบบ Long Take ปล่อย Joint ให้ตัวละครเม้ามอยตาม Situations ที่ปรากฎไม่ว่าจะในบ้านก็ดี หรือ ออกไป Outdoor ก็ดีอย่างเรื่อยเปื่อยทำให้รู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติที่สะท้อนผ่านชีวิตประจำวันอย่างสมจริงที่แม้จะเป็นวันปกติแต่ก็มีอะไรให้ค้นหาระหว่างทางอย่างคาดไม่ถึง
- ช่วงกลาง ๆ สังเกตุว่าจะเทหน้าตักไปที่การ Feat กับตัวละครในบ้านมากไปจนเกิดอาการกรึ่ม ๆ จะวูบหลับแต่ดีที่มี Sounds บรรเลงประกอบช่วยสร้างบรรยากาศให้อาณาบริเวณในเมือง Oslo มีชีวิตจิตใจเป็นระยะแล้วยังดึงสติให้นั่งฟังแต่ละคนกำลังถกเถียงหรือตั้งคำถามกันอย่างจริงจัง ประมาณว่า รู้สึกอย่างไรถ้ารู้ตัวว่าตนเองเป็นเกย์ทั้ง ๆ ที่แต่งงานมีเมียแล้ว หรือ เล่าถึงความฝันที่ว่าตนเองเป็นผู้หญิง อย่างนี้ เป็นอะไรที่คนวัยกลางคนอย่างผมพอเห็นภาพตามไม่ยากกับปัญหาหรือความทุกข์ที่เราก็สามารถประสบกับมันได้
- มาเข้าที่เอาตอนที่ 2 หน่อกลับมา Feat อีกครั้งหลักจากก่อนหน้านี้ทิ้งห่างช่วงตึกไปสำรวจ Private Life อยู่นานจนเสียงในหัวดังออกมาว่าจะกลับมาเจอกันอีกทีกี่โมง ? เพราะเวลาเข้า Scene กันเคมีมันให้ความอบอุ่นตาม Feel Daddy จนผมเผลอหวั่นไหวตามไปด้วยอย่างงง ๆ พอกลับมาเจอกันหน้าอีกทีนอกจากเริ่มมี Scene บ่อยขึ้นแล้วเวลาเหมือนร่นไปข้างหน้าด้วยความสุนทรีย์จนหมดอารมณ์ลุ้นหวยช่วงท้ายออกจากว่าจะออกเป็นเลขอะไร ? ในเมื่อความรู้สึกที่ส่งมาทั้งหมดมันเข้าไปอยู่ในใจผมอย่างท่วมท้นจนไม่รู้จะบรรยายอะไรก่อนดี ? แต่ที่แน่ ๆ คือเป็นหนังเปิดตัวไตรภาคแรกที่ทำให้ผมเปิดโลกของคำว่า Sex ในแบบฉบับท่านผู้เจริญผู้มากซึ่งไปด้วยปัญญาได้อย่างลึกซึ้งและงดงามทั้งที่ไม่มี Scene ไหนเรียกร้องหาความตื่นเต้นทางอารมณ์ ก่อนจะเตรียมตัวรับสารในภาคต่อไปที่ยังคง Concept คำเดียวแต่ได้ใจหลายความหมายว่า Dream และ Love ตามลำดับ
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ : EMistique
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้