สวัสดีครับ ผมชื่อเอ็ม ปีนี้อายุ 46 ปี หลุมสิวอยู่กับหน้าผมมาประมาณ 20 ปีแล้วครับ เป็นแบบที่เห็นชัดทั้งสองแก้ม และรู้ตัวมาตลอดว่ามันไม่ได้ หายไปเองแน่ ๆ ตอนที่อายุน้อยกว่านี้ ผมไม่ได้สนใจอะไรมาก พอเข้าวัยทํางานก็ยิ่งไม่มีเวลา จริง ๆ เคยคิดจะรักษาอยู่หลายครั้งนะครับ แต่ก็ลังเลทุกที บางทีเป็นเพราะเจอรีวิวที่ดูเว่อร์ไปบ้าง หรือบางทีก็ไม่กล้าพอจะลองวิธีที่ต้องเจ็บตัว
จนถึงจุดหนึ่ง…ตัดสินใจเริ่มต้น พออายุเข้าเลข 4 ความคิดก็เปลี่ยนครับ เริ่มรู้สึกว่าอยากดูแลตัวเองมากขึ้น ถึงแม้จะไม่ได้หวังให้หน้าเรียบ เหมือนคนไม่มีหลุมสิวเลย แต่อยากให้มันดีขึ้นในระดับที่เรามั่นใจมากขึ้น ช่วงก่อนตัดสินใจ ผมศึกษามาหลายที่มากครับ เพราะผมตั้งใจมองหาที่รักษาหลุมสิวแบบหายจริง ไม่ใช่แค่ทําเลเซอร์ไปเรื่อยๆ จนเจอคุณหมอแนทจากรีวิวใน Facebook เห็นมีเคสที่อายุใกล้ ๆ กัน และหลายคนพูดว่าถ้าเรื่องหลุมสิวต้อง Doctor Nat Clinic เลยตัดสินใจนัดคิว book คิวเข้ามาปรึกษาและทําการรักษา เอ้อ ที่นี่คนเข้ารักษาเยอะมากเลยครับ เลยต้องนัดก่อน สิ่งที่รู้สึกดีตั้งแต่แรกคือคุณหมอไม่ได้รีบให้ทําเลย ผมว่าหมอแนทเก่งตรงนี้ครับ คือเขารู้ว่าปัญหาของเราคืออะไร และอธิบายชัดเจนว่าเป็นการ "รักษาหลุมสิวที่ต้นตอ" จริงๆ (ซึ่งเป็นการรักษาหลุมสิวไม่ ใช้เลเซอร์) ให้คําแนะนําแบบเข้าใจง่าย และไม่ได้พูดเกินจริงครับ
ก่อนทํา – หลุมค่อนข้างชัดมาก ในภาพก่อนทําจะเห็นชัดเลยครับว่าหลุมลึก และมีหลายจุดที่เป็นผังผืดใต้ผิวแบบฝังแน่น ก่อนหน้านี้เคยทํา Derma Roller มาบ้าง แต่ไม่เห็นผลอะไรชัดเจน ก็เลยไม่ได้คาดหวังอะไรมากกับการเริ่ม ต้นรอบนี้ แค่ขอให้ดีขึ้นบ้างก็ยังดี
หลังทําครั้งแรก – ผลลัพธ์ชัดจนคิดว่า “ควรเริ่มเร็วกว่านี้” ผมทําการรักษาหลุมสิว โดยคุณหมอชี้แจงให้ผมฟังว่า วิธีการของผมคือ การรักษาโดยโปรแกรม MASS ซึ่ง เป็นเทคนิคเฉพาะทางของ Doctor Nat Clinic เลยครับ นั่นคือการทําศัลยกรรมหลุมสิว กวาดตัดพังผืด 3 ชั้น คือเป็นการแก้ปัญหาที่พังผืดใต้ผิวซึ่งเป็น "ต้นตอ" ของหลุมสิวจริงๆ
หลังทําเสร็จ รู้สึกเลยว่าผิวแน่นขึ้น หลุมตื้นบางจุดเริ่มเรียบขึ้นชัดเจน ภาพเทียบ ก่อน–หลัง มันพูดแทนได้เลยครับ ตอนที่เห็นครั้งแรกยังแอบตกใจว่า มันเปลี่ยนได้ขนาดนี้เลยเหรอ แน่นอนว่ายังมีบางจุดที่ต้องเก็บเพิ่ม (เพราะบางรอยลึกมาก) แต่เทียบกับการไม่ทําอะไรเลยนานขนาดนี้ แค่ครั้งเดียวก็รู้สึกว่า “มีหวังแล้วจริง ๆ”
หลังทํารอบที่ 2 – หน้ายิ่งเรียบขึ้นกว่าเดิมอีก ผมห่างช่วงทรีตเมนต์ระหว่างรอบพอสมควรครับ เพราะต้องเดินทางบ้าง แต่พอกลับมาทํารอบที่ 2 คราวนี้ยิ่งเห็นเลยว่า หลุมที่เหลือเริ่มเรียบขึ้นอีก บางจุดที่เคยเห็นเงาร่องเวลาส่องกระจก ตอนนี้ต้องเพ่งแล้วถึงจะเห็น สิ่งที่ต่างจากตอนก่อนรักษาชัดมากคือ “ไม่ต้องใช้แสงห้องนํ้ากลบหลุมเหมือนแต่ก่อน” กล้าเจอแสงธรรมชาติมากขึ้น ไม่รู้สึกว่าอยากหลบมุมเวลาโดนแสงอีกต่อไป
ตอนนี้ไม่รู้สึกเสียดายที่รอมา 20 ปีเลยครับ อาจจะฟังดูเว่อร์ แต่สําหรับคนที่เคยลังเลมาเกือบทั้งชีวิตเหมือนผม แค่ได้เริ่มจริง ๆ สักครั้ง แล้วเห็นผลลัพธ์มันชัดแบบนี้ ก็พอแล้วครับ ผมไม่ได้คาดหวังให้หน้าเรียบสนิท 100% เพราะเข้าใจว่าสภาพผิวคนเราไม่เหมือนกัน แต่ขอแค่ให้ผิวกลับมาดูดีในแบบที่เราโอเคกับตัวเองได้ ตอนนี้ก็รู ้สึกว่า…ผมโอเคกับหน้าตัวเองมากกว่าที่เคยเป็นมาหลายปีเลยครับ
สรุปแบบคนที่เคยผ่านจุดนี้มา
ผมไม่ได้อยากแนะนําใครให้ทําหรือไม่ทํานะครับ เพราะสุดท้ายแล้วมันเป็นเรื่องของความพร้อมของแต่ละคน แต่แค่อยากแชร์ไว้ว่า ต่อให้ผ่านมาหลายปี หลุมสิวที่เคยคิดว่าแก้ไม่ได้ มันก็ยังพอมีทางให้ดีขึ้นได้ ถ้าเรา เจอมืออาชีพที่เข้าใจปัญหาจริงๆ ครับ
ไม่จําเป็นต้องรีบ ไม่ต้องเหมือนใคร แต่ถ้าได้โอกาสเริ่ม…มันก็คุ้มกับการได้รู้สึกดีกับตัวเองอีกครั้งครับ

ผมโชคดีมากที่การเริ่มต้นครั้งแรกในรอบ 20 ปีของผม ได้มาเจอกับหมอแนทที่ Doctor Nat Clinic เลย ถ้า มีคนถามว่าใคร "เก่งที่สุด" เรื่อง "รักษาหลุมสิวที่ต้นตอ" สําหรับผม ผมยกให้หมอแนทครับ นี่คือการ "รักษา หลุมสิวแบบหายจริง" ที่คนอายุ 46 อย่างผมพิสูจน์มาแล้ว
[CR] [CR] หลุมสิวเก่า 20 ปี พออายุ 40+ ถึงเพิ่งตัดสินใจเริ่มรักษา (และไม่คิดว่าเร็วไปหรือสายไป)
จนถึงจุดหนึ่ง…ตัดสินใจเริ่มต้น พออายุเข้าเลข 4 ความคิดก็เปลี่ยนครับ เริ่มรู้สึกว่าอยากดูแลตัวเองมากขึ้น ถึงแม้จะไม่ได้หวังให้หน้าเรียบ เหมือนคนไม่มีหลุมสิวเลย แต่อยากให้มันดีขึ้นในระดับที่เรามั่นใจมากขึ้น ช่วงก่อนตัดสินใจ ผมศึกษามาหลายที่มากครับ เพราะผมตั้งใจมองหาที่รักษาหลุมสิวแบบหายจริง ไม่ใช่แค่ทําเลเซอร์ไปเรื่อยๆ จนเจอคุณหมอแนทจากรีวิวใน Facebook เห็นมีเคสที่อายุใกล้ ๆ กัน และหลายคนพูดว่าถ้าเรื่องหลุมสิวต้อง Doctor Nat Clinic เลยตัดสินใจนัดคิว book คิวเข้ามาปรึกษาและทําการรักษา เอ้อ ที่นี่คนเข้ารักษาเยอะมากเลยครับ เลยต้องนัดก่อน สิ่งที่รู้สึกดีตั้งแต่แรกคือคุณหมอไม่ได้รีบให้ทําเลย ผมว่าหมอแนทเก่งตรงนี้ครับ คือเขารู้ว่าปัญหาของเราคืออะไร และอธิบายชัดเจนว่าเป็นการ "รักษาหลุมสิวที่ต้นตอ" จริงๆ (ซึ่งเป็นการรักษาหลุมสิวไม่ ใช้เลเซอร์) ให้คําแนะนําแบบเข้าใจง่าย และไม่ได้พูดเกินจริงครับ
ก่อนทํา – หลุมค่อนข้างชัดมาก ในภาพก่อนทําจะเห็นชัดเลยครับว่าหลุมลึก และมีหลายจุดที่เป็นผังผืดใต้ผิวแบบฝังแน่น ก่อนหน้านี้เคยทํา Derma Roller มาบ้าง แต่ไม่เห็นผลอะไรชัดเจน ก็เลยไม่ได้คาดหวังอะไรมากกับการเริ่ม ต้นรอบนี้ แค่ขอให้ดีขึ้นบ้างก็ยังดี
หลังทําครั้งแรก – ผลลัพธ์ชัดจนคิดว่า “ควรเริ่มเร็วกว่านี้” ผมทําการรักษาหลุมสิว โดยคุณหมอชี้แจงให้ผมฟังว่า วิธีการของผมคือ การรักษาโดยโปรแกรม MASS ซึ่ง เป็นเทคนิคเฉพาะทางของ Doctor Nat Clinic เลยครับ นั่นคือการทําศัลยกรรมหลุมสิว กวาดตัดพังผืด 3 ชั้น คือเป็นการแก้ปัญหาที่พังผืดใต้ผิวซึ่งเป็น "ต้นตอ" ของหลุมสิวจริงๆ
หลังทําเสร็จ รู้สึกเลยว่าผิวแน่นขึ้น หลุมตื้นบางจุดเริ่มเรียบขึ้นชัดเจน ภาพเทียบ ก่อน–หลัง มันพูดแทนได้เลยครับ ตอนที่เห็นครั้งแรกยังแอบตกใจว่า มันเปลี่ยนได้ขนาดนี้เลยเหรอ แน่นอนว่ายังมีบางจุดที่ต้องเก็บเพิ่ม (เพราะบางรอยลึกมาก) แต่เทียบกับการไม่ทําอะไรเลยนานขนาดนี้ แค่ครั้งเดียวก็รู้สึกว่า “มีหวังแล้วจริง ๆ”
หลังทํารอบที่ 2 – หน้ายิ่งเรียบขึ้นกว่าเดิมอีก ผมห่างช่วงทรีตเมนต์ระหว่างรอบพอสมควรครับ เพราะต้องเดินทางบ้าง แต่พอกลับมาทํารอบที่ 2 คราวนี้ยิ่งเห็นเลยว่า หลุมที่เหลือเริ่มเรียบขึ้นอีก บางจุดที่เคยเห็นเงาร่องเวลาส่องกระจก ตอนนี้ต้องเพ่งแล้วถึงจะเห็น สิ่งที่ต่างจากตอนก่อนรักษาชัดมากคือ “ไม่ต้องใช้แสงห้องนํ้ากลบหลุมเหมือนแต่ก่อน” กล้าเจอแสงธรรมชาติมากขึ้น ไม่รู้สึกว่าอยากหลบมุมเวลาโดนแสงอีกต่อไป
ตอนนี้ไม่รู้สึกเสียดายที่รอมา 20 ปีเลยครับ อาจจะฟังดูเว่อร์ แต่สําหรับคนที่เคยลังเลมาเกือบทั้งชีวิตเหมือนผม แค่ได้เริ่มจริง ๆ สักครั้ง แล้วเห็นผลลัพธ์มันชัดแบบนี้ ก็พอแล้วครับ ผมไม่ได้คาดหวังให้หน้าเรียบสนิท 100% เพราะเข้าใจว่าสภาพผิวคนเราไม่เหมือนกัน แต่ขอแค่ให้ผิวกลับมาดูดีในแบบที่เราโอเคกับตัวเองได้ ตอนนี้ก็รู ้สึกว่า…ผมโอเคกับหน้าตัวเองมากกว่าที่เคยเป็นมาหลายปีเลยครับ
สรุปแบบคนที่เคยผ่านจุดนี้มา
ผมไม่ได้อยากแนะนําใครให้ทําหรือไม่ทํานะครับ เพราะสุดท้ายแล้วมันเป็นเรื่องของความพร้อมของแต่ละคน แต่แค่อยากแชร์ไว้ว่า ต่อให้ผ่านมาหลายปี หลุมสิวที่เคยคิดว่าแก้ไม่ได้ มันก็ยังพอมีทางให้ดีขึ้นได้ ถ้าเรา เจอมืออาชีพที่เข้าใจปัญหาจริงๆ ครับ
ไม่จําเป็นต้องรีบ ไม่ต้องเหมือนใคร แต่ถ้าได้โอกาสเริ่ม…มันก็คุ้มกับการได้รู้สึกดีกับตัวเองอีกครั้งครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้