ห่างหายไปเกือบเดือน ไปเรียนรู้ Longevity ที่ญี่ปุ่นมาครับ
.
หลังจากผมทำวิจัยเรื่อง Longevity Home Design มานาน มักเจอบทความและงานศึกษาที่อ้างอิง “ญี่ปุ่น” ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเกิดข้อสงสัยว่า วิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นจะเป็นอย่างที่งานวิจัยเอ่ยถึงจริงไหม หรือแท้จริงแล้วเขาใช้ชีวิตกันอย่างไร
.
ทริปนี้ผมจึงเลือก “ปั่นจักรยาน” เข้าไปในซอยเล็ก–ตรอกน้อยหลากหลายชุมชนทั้งเมืองและชนบท เพื่อให้จังหวะการเดินทางช้าลง ละเอียดขึ้น สิ่งที่เห็นไม่ใช่เคล็ดลับชิ้นใหญ่ แต่เป็น รายละเอียดเล็ก ๆ ที่ทำทุกวัน และมันรวมกันจนกลายเป็นวิถีที่ยืดอายุชีวิตได้จริงครับ 🚲
.
1) เมืองที่ “เดินจริง” เป็นกิจวัตร
.
ทุกเช้าเย็นจะเห็นชาวญี่ปุ่นพาน้องหมาไปเดินเล่นเป็นภาพปกติ มืออีกข้างถือถุงและขวดน้ำไว้เก็บ–ล้างอย่างเรียบร้อย ฟุตพาธจึงสะอาด ไม่ต้องคอยหลบสิ่งสกปรกให้เสียอารมณ์ ความรู้สึกคือ “การเดิน” ไม่ใช่กิจกรรมพิเศษ แต่มันคือ ส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ที่ทุกคนเคารพร่วมกัน และถูกปลูกฝังตั้งแต่วัยเด็ก—เด็กเล็กวัยประถมสามารถเดินไปโรงเรียนเองได้อย่างปลอดภัย
.
2) จักรยานคือพาหนะประจำบ้าน 🚲
.
ไม่ใช่แค่ชนบท แต่เมืองใหญ่อย่างโตเกียวก็ปั่นครับ ภาพที่เจอบ่อยคือจักรยานคันเรียบ ๆ มีที่นั่งเด็กด้านหลัง แวะซื้อของใกล้บ้าน คนญี่ปุ่นเลือก “เดิน–ปั่น” มากกว่าใช้รถยนต์ ถนนหนทางออกแบบมาให้เอื้อจักรยานเป็นพิเศษ ทำให้ย่านพักอาศัย เงียบลง ปลอดภัยขึ้น และฝุ่นน้อยลง ความรู้สึกตอนปั่นคือ ผมหมดกังวลด้านความปลอดภัย ได้ยินเสียงลมกับเสียงยางสัมผัสพื้น ชัดยิ่งกว่าเสียงเครื่องยนต์บนท้องถนนอีกครับ
.
3) บ้านเล็ก–สวนเล็ก แต่ดูแลจริงจัง
.
ถนนซอกซอยญี่ปุ่นสะอาดตามาก บ้านแต่ละหลังใช้พื้นที่ไม่เยอะครับ และแม้ที่ดินจะเล็กแต่หลายบ้านยังตั้งใจจัดสวนหน้าบ้าน ต้นไม้ไม่ต้องใหญ่ แต่ ดูแลสม่ำเสมอ ภาพที่เห็นเป็นปกติ ทุก ๆ เช้าเจ้าของบ้านจะออกมากวาดใบไม้ เย็นตัดพุ่มเล็ก ๆ เมื่อทุกบ้าน “เก็บงาน” ของตัวเอง ซอยทั้งซอยก็ สะอาดตาและน่าเดิน
.
4) คนญี่ปุ่นไม่ได้เก็บตัว…แค่เคารพพื้นที่ส่วนตัว
.
คนญี่ปุ่นอาจไม่คุยเสียงดังหรือจับกลุ่มยาว ๆ แต่เขา ออกนอกบ้านทุกวัน โดยเฉพาะช่วงเช้าเย็นจะเห็นผู้คนออกมาเดิน ทุก ๆ ชุมชนจะมีสวนสาธารณะเล็ก ๆ มีคนมานั่งพัก ยืดเส้น คุยสั้น ๆ แล้วแยกย้าย จังหวะสังคมแบบนี้ทำให้ได้เจอโดยไม่ “รบกวน” เป็นความสัมพันธ์ที่เบาแต่ต่อเนื่อง
.
5) ความปลอดภัยสูงมาก = เด็ก “เดินเองได้”
.
สิ่งที่เห็นจนชินตา คือเด็กเล็กวัยประถมเดินไปเรียนเอง ข้ามถนน–ข้ามรางอย่างมีวินัย ที่นี่สิทธิการเดินและการปั่นจักรยานอยู่เหนือรถยนต์ครับ มีสัญญาณไฟคนข้ามเกือบทุกแยก หากจุดไหนไม่มีสัญญาณไฟ ผู้ขับรถยนต์จะคอยมองข้างถนน หากมีคนกำลังจะข้าม รถยนต์จะจอดให้คนข้ามก่อนเสมอ เป็นความเรียบง่ายที่วิเศษ
.
สำหรับคนไทยอย่างเรา นี่คือความเรียบง่ายที่ “วิเศษ” เพราะช่วยลดรถติด ลดภาระผู้ปกครอง และทำให้เด็ก พึ่งพาตนเองได้เร็ว เมื่อเมืองปลอดภัย ปัญหาหลายอย่างในชีวิตเมืองก็เบาลงไปพร้อมกัน
.
6) วัฒนธรรม “อาบป่า” มีอยู่จริง
.
ผมมีโอกาสเดินป่า 4 แห่ง แต่ละแห่งวิวต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ ความเงียบ แม้ผู้คนเดินป่าจะเยอะ แต่แทบจะไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์หรือการคุยดัง ๆ มีแค่เสียงลำธาร สายลม และเสียงเท้าเหยียบใบไม้ ทุก ๆ ครั้งที่ผมได้เดินป่าในญี่ปุ่น จะรู้สึกได้รับพลังงานจากธรรมชาติ เติมเต็มพลังงานชีวิตได้ดีมากครับ
.
7) กินบ้านเป็นหลัก—เรียบง่าย พอดีคำ
.
ตามร้านอาหารต่าง ๆ จะเห็นคนญี่ปุ่นได้น้อย แต่หากแวะซูเปอร์มาร์เก็ตคนจะแน่นอย่างเห็นได้ชัด คนญี่ปุ่นนิยมซื้อของสดกลับบ้านไปทำเอง เมนูอาหารปรุงน้อย ๆ และพอดีคำ แม้ไปเที่ยวธรรมชาติก็พกข้าวปั้นกับอุปกรณ์ชงกาแฟไปเอง นั่งมองวิว เงียบ ๆ ดื่มด่ำกับธรรมชาติรอบข้างแบบไม่รบกวนกัน
.
Super Food หลาย ๆ อย่างในญี่ปุ่นถูกมากครับ ทั้งเหล่าเต้าหู้ นัตโตะ ไข่ไก่ แซลมอน และสารพัดปลาที่สามารถกินดิบได้ แม้ภาพรวมค่าครองชีพในญี่ปุ่นจะสูงกว่าไทยมาก แต่ก็แปลกใจที่หลาย ๆ วัตถุดิบถูกกว่าไทย
.
8 ) หน้าบ้านเปิดน้อย แต่ในบ้านสว่าง
.
บ้านญี่ปุ่นยุคใหม่จะเน้นช่องกระจกแคบ ๆ ไม่ได้กันร้อนแต่เพื่อกันหนาวและรักษาความเป็นส่วนตัวครับ หลายบ้าน ลดช่องเปิดด้านถนน (บานสูงกว่าระดับสายตา) แต่เปิดกว้างกับส่วนที่เป็น พื้นที่ส่วนตัว—สวนหลังบ้าน คอร์ตยาร์ด หรือสกายไลต์ ผลคือ “นอกนิ่ง–ในโปร่ง” เดินผ่านหน้าบ้านอาจดูเรียบ แต่ข้างในสว่างอากาศไหลเวียนดี
.
9) บ้านเคารพบริบท ไม่แย่งซีนใคร
.
บ้านเรือนในญี่ปุ่นเน้นโทนสีเอิร์ธโทน หากบ้านไหนอยากมีสีสันขึ้นมาหน่อยก็จะเลือกสีแบบตุ่น ๆ ไม่ฉูดฉาดเกินไป จึงทำให้ภาพรวมของเมืองดูเป็นระเบียบ ไม่มีใครสร้างบ้านขึ้นมาบดบังหรือท้าทายสายตาของทั้งซอย ทุกหลัง กลมกลืนกันอย่างสุภาพ พลังของความพอดีนี้ ทำให้บริบทภาพรวมดูสวยงาม น่ามอง
.
10) คนญี่ปุ่นจริงจังกับงาน
.
ผมมักแวะดูไซต์งานก่อสร้างบ่อย ๆ นอกจากจะได้ความรู้ด้านเทคโนโลยีก่อสร้างและความปลอดภัยแล้ว สิ่งที่เห็นชัดคือ ความตั้งใจต่อหน้าที่ ถึงเวลางานก็มุ่งมั่นทำงาน ไม่ยืดเยื้อ ไม่ปล่อยงานลอย ทุกอาชีพ “มีศักดิ์ศรี” เท่ากันในสายตาของกันและกัน จุดเล็ก ๆ แบบนี้ สะท้อนวัฒนธรรมความรับผิดชอบ ที่พาเมืองทั้งเมืองเดินหน้าอย่างเงียบ ๆ
.
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงบางส่วนของบริบทสังคม วิถีการใช้ชีวิตของชาวญี่ปุ่นที่ผมสังเกตเห็นร่วมครึ่งเดือน หากมีจุดไหนเข้าใจผิดไปสามารถแย้งได้นะครับ เอาไว้บทความถัดไปจะมาถอด “บ้านญี่ปุ่นยุคใหม่” อย่างละเอียด ซึ่งหลาย ๆ จุด น่าสนใจต่อแนวคิด Longevity Home Design มากครับ
……………………………………….............
บทความโดย | อภิสิทธิ์ สุธาประดิษฐ์
Design Manager Punplan
……………………………………….............
CR
https://www.facebook.com/share/1BdgefMNfi/?mibextid=wwXIfr
Longevity ที่ญี่ปุ่น เป็นอย่างไร?
.
หลังจากผมทำวิจัยเรื่อง Longevity Home Design มานาน มักเจอบทความและงานศึกษาที่อ้างอิง “ญี่ปุ่น” ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเกิดข้อสงสัยว่า วิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นจะเป็นอย่างที่งานวิจัยเอ่ยถึงจริงไหม หรือแท้จริงแล้วเขาใช้ชีวิตกันอย่างไร
.
ทริปนี้ผมจึงเลือก “ปั่นจักรยาน” เข้าไปในซอยเล็ก–ตรอกน้อยหลากหลายชุมชนทั้งเมืองและชนบท เพื่อให้จังหวะการเดินทางช้าลง ละเอียดขึ้น สิ่งที่เห็นไม่ใช่เคล็ดลับชิ้นใหญ่ แต่เป็น รายละเอียดเล็ก ๆ ที่ทำทุกวัน และมันรวมกันจนกลายเป็นวิถีที่ยืดอายุชีวิตได้จริงครับ 🚲
.
1) เมืองที่ “เดินจริง” เป็นกิจวัตร
.
ทุกเช้าเย็นจะเห็นชาวญี่ปุ่นพาน้องหมาไปเดินเล่นเป็นภาพปกติ มืออีกข้างถือถุงและขวดน้ำไว้เก็บ–ล้างอย่างเรียบร้อย ฟุตพาธจึงสะอาด ไม่ต้องคอยหลบสิ่งสกปรกให้เสียอารมณ์ ความรู้สึกคือ “การเดิน” ไม่ใช่กิจกรรมพิเศษ แต่มันคือ ส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ที่ทุกคนเคารพร่วมกัน และถูกปลูกฝังตั้งแต่วัยเด็ก—เด็กเล็กวัยประถมสามารถเดินไปโรงเรียนเองได้อย่างปลอดภัย
.
2) จักรยานคือพาหนะประจำบ้าน 🚲
.
ไม่ใช่แค่ชนบท แต่เมืองใหญ่อย่างโตเกียวก็ปั่นครับ ภาพที่เจอบ่อยคือจักรยานคันเรียบ ๆ มีที่นั่งเด็กด้านหลัง แวะซื้อของใกล้บ้าน คนญี่ปุ่นเลือก “เดิน–ปั่น” มากกว่าใช้รถยนต์ ถนนหนทางออกแบบมาให้เอื้อจักรยานเป็นพิเศษ ทำให้ย่านพักอาศัย เงียบลง ปลอดภัยขึ้น และฝุ่นน้อยลง ความรู้สึกตอนปั่นคือ ผมหมดกังวลด้านความปลอดภัย ได้ยินเสียงลมกับเสียงยางสัมผัสพื้น ชัดยิ่งกว่าเสียงเครื่องยนต์บนท้องถนนอีกครับ
.
3) บ้านเล็ก–สวนเล็ก แต่ดูแลจริงจัง
.
ถนนซอกซอยญี่ปุ่นสะอาดตามาก บ้านแต่ละหลังใช้พื้นที่ไม่เยอะครับ และแม้ที่ดินจะเล็กแต่หลายบ้านยังตั้งใจจัดสวนหน้าบ้าน ต้นไม้ไม่ต้องใหญ่ แต่ ดูแลสม่ำเสมอ ภาพที่เห็นเป็นปกติ ทุก ๆ เช้าเจ้าของบ้านจะออกมากวาดใบไม้ เย็นตัดพุ่มเล็ก ๆ เมื่อทุกบ้าน “เก็บงาน” ของตัวเอง ซอยทั้งซอยก็ สะอาดตาและน่าเดิน
.
4) คนญี่ปุ่นไม่ได้เก็บตัว…แค่เคารพพื้นที่ส่วนตัว
.
คนญี่ปุ่นอาจไม่คุยเสียงดังหรือจับกลุ่มยาว ๆ แต่เขา ออกนอกบ้านทุกวัน โดยเฉพาะช่วงเช้าเย็นจะเห็นผู้คนออกมาเดิน ทุก ๆ ชุมชนจะมีสวนสาธารณะเล็ก ๆ มีคนมานั่งพัก ยืดเส้น คุยสั้น ๆ แล้วแยกย้าย จังหวะสังคมแบบนี้ทำให้ได้เจอโดยไม่ “รบกวน” เป็นความสัมพันธ์ที่เบาแต่ต่อเนื่อง
.
5) ความปลอดภัยสูงมาก = เด็ก “เดินเองได้”
.
สิ่งที่เห็นจนชินตา คือเด็กเล็กวัยประถมเดินไปเรียนเอง ข้ามถนน–ข้ามรางอย่างมีวินัย ที่นี่สิทธิการเดินและการปั่นจักรยานอยู่เหนือรถยนต์ครับ มีสัญญาณไฟคนข้ามเกือบทุกแยก หากจุดไหนไม่มีสัญญาณไฟ ผู้ขับรถยนต์จะคอยมองข้างถนน หากมีคนกำลังจะข้าม รถยนต์จะจอดให้คนข้ามก่อนเสมอ เป็นความเรียบง่ายที่วิเศษ
.
สำหรับคนไทยอย่างเรา นี่คือความเรียบง่ายที่ “วิเศษ” เพราะช่วยลดรถติด ลดภาระผู้ปกครอง และทำให้เด็ก พึ่งพาตนเองได้เร็ว เมื่อเมืองปลอดภัย ปัญหาหลายอย่างในชีวิตเมืองก็เบาลงไปพร้อมกัน
.
6) วัฒนธรรม “อาบป่า” มีอยู่จริง
.
ผมมีโอกาสเดินป่า 4 แห่ง แต่ละแห่งวิวต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ ความเงียบ แม้ผู้คนเดินป่าจะเยอะ แต่แทบจะไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์หรือการคุยดัง ๆ มีแค่เสียงลำธาร สายลม และเสียงเท้าเหยียบใบไม้ ทุก ๆ ครั้งที่ผมได้เดินป่าในญี่ปุ่น จะรู้สึกได้รับพลังงานจากธรรมชาติ เติมเต็มพลังงานชีวิตได้ดีมากครับ
.
7) กินบ้านเป็นหลัก—เรียบง่าย พอดีคำ
.
ตามร้านอาหารต่าง ๆ จะเห็นคนญี่ปุ่นได้น้อย แต่หากแวะซูเปอร์มาร์เก็ตคนจะแน่นอย่างเห็นได้ชัด คนญี่ปุ่นนิยมซื้อของสดกลับบ้านไปทำเอง เมนูอาหารปรุงน้อย ๆ และพอดีคำ แม้ไปเที่ยวธรรมชาติก็พกข้าวปั้นกับอุปกรณ์ชงกาแฟไปเอง นั่งมองวิว เงียบ ๆ ดื่มด่ำกับธรรมชาติรอบข้างแบบไม่รบกวนกัน
.
Super Food หลาย ๆ อย่างในญี่ปุ่นถูกมากครับ ทั้งเหล่าเต้าหู้ นัตโตะ ไข่ไก่ แซลมอน และสารพัดปลาที่สามารถกินดิบได้ แม้ภาพรวมค่าครองชีพในญี่ปุ่นจะสูงกว่าไทยมาก แต่ก็แปลกใจที่หลาย ๆ วัตถุดิบถูกกว่าไทย
.
8 ) หน้าบ้านเปิดน้อย แต่ในบ้านสว่าง
.
บ้านญี่ปุ่นยุคใหม่จะเน้นช่องกระจกแคบ ๆ ไม่ได้กันร้อนแต่เพื่อกันหนาวและรักษาความเป็นส่วนตัวครับ หลายบ้าน ลดช่องเปิดด้านถนน (บานสูงกว่าระดับสายตา) แต่เปิดกว้างกับส่วนที่เป็น พื้นที่ส่วนตัว—สวนหลังบ้าน คอร์ตยาร์ด หรือสกายไลต์ ผลคือ “นอกนิ่ง–ในโปร่ง” เดินผ่านหน้าบ้านอาจดูเรียบ แต่ข้างในสว่างอากาศไหลเวียนดี
.
9) บ้านเคารพบริบท ไม่แย่งซีนใคร
.
บ้านเรือนในญี่ปุ่นเน้นโทนสีเอิร์ธโทน หากบ้านไหนอยากมีสีสันขึ้นมาหน่อยก็จะเลือกสีแบบตุ่น ๆ ไม่ฉูดฉาดเกินไป จึงทำให้ภาพรวมของเมืองดูเป็นระเบียบ ไม่มีใครสร้างบ้านขึ้นมาบดบังหรือท้าทายสายตาของทั้งซอย ทุกหลัง กลมกลืนกันอย่างสุภาพ พลังของความพอดีนี้ ทำให้บริบทภาพรวมดูสวยงาม น่ามอง
.
10) คนญี่ปุ่นจริงจังกับงาน
.
ผมมักแวะดูไซต์งานก่อสร้างบ่อย ๆ นอกจากจะได้ความรู้ด้านเทคโนโลยีก่อสร้างและความปลอดภัยแล้ว สิ่งที่เห็นชัดคือ ความตั้งใจต่อหน้าที่ ถึงเวลางานก็มุ่งมั่นทำงาน ไม่ยืดเยื้อ ไม่ปล่อยงานลอย ทุกอาชีพ “มีศักดิ์ศรี” เท่ากันในสายตาของกันและกัน จุดเล็ก ๆ แบบนี้ สะท้อนวัฒนธรรมความรับผิดชอบ ที่พาเมืองทั้งเมืองเดินหน้าอย่างเงียบ ๆ
.
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงบางส่วนของบริบทสังคม วิถีการใช้ชีวิตของชาวญี่ปุ่นที่ผมสังเกตเห็นร่วมครึ่งเดือน หากมีจุดไหนเข้าใจผิดไปสามารถแย้งได้นะครับ เอาไว้บทความถัดไปจะมาถอด “บ้านญี่ปุ่นยุคใหม่” อย่างละเอียด ซึ่งหลาย ๆ จุด น่าสนใจต่อแนวคิด Longevity Home Design มากครับ
……………………………………….............
บทความโดย | อภิสิทธิ์ สุธาประดิษฐ์
Design Manager Punplan
……………………………………….............
CR https://www.facebook.com/share/1BdgefMNfi/?mibextid=wwXIfr