
นักลงทุนเบรกซื้อ ‘ไอพีโอ’ โบรกชี้หุ้นติดหล่มราคาจอง ‘ตั้งแพง-สภาพคล่องวิกฤติ’
.
ในช่วงครึ่งหลังปี 2568 กระแส “หุ้นไอพีโอ” กลับเผชิญแรงกดดันมากขึ้น หลังนักลงทุนเริ่มตั้งคำถามถึง “การตั้งราคาขาย” ที่ค่อนข้างสูง (Valuation) เทียบกับศักยภาพการเติบโตของธุรกิจที่เข้าจดทะเบียนใหม่ แม้หลายบริษัทจะมีพื้นฐานที่ดี แต่รูปแบบธุรกิจส่วนใหญ่ยังเป็นลักษณะเดิม ไม่ได้มีปัจจัยใหม่ที่ “ดึงดูด” หรือ “สร้างความตื่นตัว” ต่อตลาด ขณะที่สภาพคล่องในระบบลงทุนลดลงต่อเนื่อง ส่งผลให้หุ้นเปิดเทรดวันแรกราคาของ IPO หลายตัวร่วงต่ำกว่าราคาจองตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นซื้อขาย
.
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์กับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า จากสถิติและผลการดำเนินงานในวันแรกช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 มีหุ้น IPO เข้าจดทะเบียนในตลาดรวม 12 ตัว โดยแบ่งเป็นตลาด SET 6 ตัว และตลาด mai 6 ตัว ในขณะที่ครึ่งปีแรกไม่มีหุ้นเข้าจดทะเบียนเลย มีเพียงในดัชนี mai 5 ตัว โดยผลการดำเนินงานในวันแรกของการซื้อขายมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ครึ่งปีแรกหุ้น 4 ใน 5 ตัวสามารถปิดบวกจากราคาจองได้ ขณะที่ครึ่งปีหลังในดัชนี MAI หุ้น 4 ใน 6 ตัวสามารถปิดบวกได้ในวันแรก แต่มี 2 ตัวที่ติดลบ ส่วนดัชนี SET มีหุ้นเพียงตัวเดียวจาก 6 ตัวเท่านั้นที่สามารถปิดบวกได้ในวันแรก คือ TURBO ส่วนอีก 4 ตัวติดลบ และมี 1 ตัว MRDIYT ที่เสมอตัว
.
โดยภาพรวมแล้วหุ้น IPO หลายตัวไม่สามารถรักษาระดับราคาบวกไว้ได้ โดยมีปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนมีความระมัดระวังมากขึ้น บวกกับธุรกิจอาจเป็นแบบดั้งเดิม ทำให้ตลาดไม่รู้สึกว่าน่าสนใจหรือตื่นเต้นเป็นพิเศษ เมื่อเทียบกับโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ ในระดับโลก
.
ขณะที่ Valuation ที่อาจจะสูงเกินไป แม้ธุรกิจจะดี แต่การตั้งราคาเสนอขายอาจจะสูงเกินไปเล็กน้อย ซึ่งทำให้ตลาดไม่มั่นใจว่า Valuation ที่สูงนั้นเหมาะสมกับการเติบโตในระยะต่อไปหรือไม่ โดยเฉพาะในช่วงที่ตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวมดูไม่ดีนัก
.
.
อ่านต่อ:
https://www.bangkokbiznews.com/finance/ipo/1207191
นักลงทุนเบรกซื้อ ‘ไอพีโอ’ โบรกชี้หุ้นติดหล่ม
นักลงทุนเบรกซื้อ ‘ไอพีโอ’ โบรกชี้หุ้นติดหล่มราคาจอง ‘ตั้งแพง-สภาพคล่องวิกฤติ’
.
ในช่วงครึ่งหลังปี 2568 กระแส “หุ้นไอพีโอ” กลับเผชิญแรงกดดันมากขึ้น หลังนักลงทุนเริ่มตั้งคำถามถึง “การตั้งราคาขาย” ที่ค่อนข้างสูง (Valuation) เทียบกับศักยภาพการเติบโตของธุรกิจที่เข้าจดทะเบียนใหม่ แม้หลายบริษัทจะมีพื้นฐานที่ดี แต่รูปแบบธุรกิจส่วนใหญ่ยังเป็นลักษณะเดิม ไม่ได้มีปัจจัยใหม่ที่ “ดึงดูด” หรือ “สร้างความตื่นตัว” ต่อตลาด ขณะที่สภาพคล่องในระบบลงทุนลดลงต่อเนื่อง ส่งผลให้หุ้นเปิดเทรดวันแรกราคาของ IPO หลายตัวร่วงต่ำกว่าราคาจองตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นซื้อขาย
.
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์กับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า จากสถิติและผลการดำเนินงานในวันแรกช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 มีหุ้น IPO เข้าจดทะเบียนในตลาดรวม 12 ตัว โดยแบ่งเป็นตลาด SET 6 ตัว และตลาด mai 6 ตัว ในขณะที่ครึ่งปีแรกไม่มีหุ้นเข้าจดทะเบียนเลย มีเพียงในดัชนี mai 5 ตัว โดยผลการดำเนินงานในวันแรกของการซื้อขายมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ครึ่งปีแรกหุ้น 4 ใน 5 ตัวสามารถปิดบวกจากราคาจองได้ ขณะที่ครึ่งปีหลังในดัชนี MAI หุ้น 4 ใน 6 ตัวสามารถปิดบวกได้ในวันแรก แต่มี 2 ตัวที่ติดลบ ส่วนดัชนี SET มีหุ้นเพียงตัวเดียวจาก 6 ตัวเท่านั้นที่สามารถปิดบวกได้ในวันแรก คือ TURBO ส่วนอีก 4 ตัวติดลบ และมี 1 ตัว MRDIYT ที่เสมอตัว
.
โดยภาพรวมแล้วหุ้น IPO หลายตัวไม่สามารถรักษาระดับราคาบวกไว้ได้ โดยมีปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนมีความระมัดระวังมากขึ้น บวกกับธุรกิจอาจเป็นแบบดั้งเดิม ทำให้ตลาดไม่รู้สึกว่าน่าสนใจหรือตื่นเต้นเป็นพิเศษ เมื่อเทียบกับโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ ในระดับโลก
.
ขณะที่ Valuation ที่อาจจะสูงเกินไป แม้ธุรกิจจะดี แต่การตั้งราคาเสนอขายอาจจะสูงเกินไปเล็กน้อย ซึ่งทำให้ตลาดไม่มั่นใจว่า Valuation ที่สูงนั้นเหมาะสมกับการเติบโตในระยะต่อไปหรือไม่ โดยเฉพาะในช่วงที่ตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวมดูไม่ดีนัก
.
.
อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/finance/ipo/1207191