การปกป้องคนอื่นที่ถูกเหยียดหยาม = ถูกรังเกียจเพราะว่าไปยุ่งเรื่องของชาวบ้าน?

เราอ่ะไม่ชอบเรื่องการเหยียดมาก เพราะว่ามันทำให้คนที่โดนเหยียดดูแย่ แต่ถ้าเราปกป้องคนที่ถูกเหยียด มันก็เป็นเรื่องดีแต่มีคนบอกว่าเวลาเห็นใครเหยียดคนอื่น ต้องignore ถ้าไปปกป้องหรือต่อต้านเท่ากับว่าจะถูกรังเกียจเพราะยุ่งเรื่องชาวบ้าน ทั้งๆที่มันเป็นการช่วยเหลือคนแท้ๆ เพราะเรื่องมันมีอยู่ว่าเรากำลังไถติ๊กต๊อกอยู่แล้วเจอ content ที่เหยียดคนอีสาน เราก็นั่งบ่นไปแต่ย่าก็ชอบบอกว่าใครจะเหยียดอะไรก็ช่างเขาเราไม่ต้องไปยุ่งไม่ต้องไปเดือดร้อนแทนเขา เราก็เถียงย่าไปว่าเฮ้ยนี่คนโดนเหยียดนะแต่ทำไมเราต้องเงียบไม่ควรออกไปช่วยเขา ย่าก็ตอบด้วยตรรกะแปลกๆว่า ก็ไปยุ่งเรื่องชาวบ้านนี่ระวังจะโดนเกลียดเขาให้ เฮ้ยทำไมย่าของเราใช้ตรรกะแบบนี้ ว่าไปปกป้องคนอื่นที่ถูกเหยียดหยามเท่ากับถูกคนอื่นรังเกียจเพราะว่าไปยุ่งเรื่องของชาวบ้าน มันก็เลยทำให้การเหยียดเป็นเรื่องปกติโดยไม่นึกถึงจิตใจคนโดนไปซะอย่างนั้น แบบว่าเราเจอคนโดนเหยียดเราจะเข้าไปช่วยก็โดนห้ามบอกว่าโนสนโนแคร์ มาอ้างว่าเราเดือดร้อนแทนเขาบ้าง คนบางคนใช้ตรรกะเรื่องการช่วยเหลือคนโดนเหยียดคนที่เจอเหตุการณ์แย่ๆมาโยงเข้ากับการยุ่งเรื่องชาวบ้าน เพื่อให้การเหยียดเป็นเรื่องปกติ เราก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าคนบางคนให้เราเงียบไม่ยอมออกมาต่อต้านการเหยียดโดยอ้างความเกลียดชังจากคนหมู่มากเพื่อให้เรากลัว แล้วทุกคนคิดยังไงกับคนที่เอาแต่ตัวเองโดยไม่แคร์ความรู้สึกคนอื่นโดยการไม่ยอมออกมาช่วยคนที่โดนเหยียดแล้วอ้างว่ากลัวโดนเกลียดชังเพราะยุ่งเรื่องชาวบ้าน มาเล่าสู่กันฟังค่ะ

ป.ล. : ดักไว้ก่อนเผื่อมีคนมาดราม่า ก็คือหากช่วยเหลือด้วยเจตนาบริสุทธิ์ไม่ได้มีเจตนาที่จะเข้าไปสอดรู้สอดเห็นอันนี้ไม่เรียกว่าเป็นการยุ่งเรื่องชาวบ้าน เพราะมีบางคนที่ช่วยเหลือคนอื่นด้วยเจตนาบริสุทธิ์แต่กลับถูกรังเกียจจากคนอื่น ซึ่งมันไม่ยุติธรรมเลย เพราะคำว่าไฟในอย่านำออกไฟนอกอย่านำเข้ามันก็เป็นดาบสองคม ถ้าหากเป็นผลเชิงบวกก็คือ การไม่เอาเรื่องของผู้อื่นหรือครอบครัวไปพูดให้กับคนในครอบครัวหรือบุคคลอื่นฟังโดยที่ผู้อื่นหรือครอบครัวไม่ยินยอม หรือถ้าเป็นผลเชิงลบก็คือ การปิดปากคนอื่นไม่ให้ช่วยเหลือโดยอ้างว่าเป็นการประจานตัวเอง มันก็เลยกลายเป็นการปกป้องคนผิดแบบกลายๆนั่นแหละ