ดิสรัปชันไม่ใช่จุดจบ โอกาสใหม่ของบันเทิงไทยเพิ่งเริ่มต้น

จริงอยู่ที่สื่อออนไลน์เข้ามาแทนทีวี และธุรกิจคอนเทนขนาดเล็ก ตั้งตัวได้อย่างรวดเร็ว
แต่ในบริบทใหม่นี้ เป็นโอกาสของบริษัทใหญ่ ที่รายย่อยทำไม่ได้เช่นกัน
การล่มสลาย หรือ อ่อนแอ ของบริษัทใหญ่ มาจากไม่ลงทุนกับนวัตกรรมงานสร้างสรรค์

1. ลงทุนพลาตฟอร์ม หรือ คอนเทน ?  หลายบริษัท สร้างแอพพลิเคชั่น ของตนเอง
จนลืมไปว่า คอนเทนที่ดีพอเท่านั้น จะหล่อเลี้ยงให้คนจ่ายและใช้ชีวิตในแอพพลิเคชั่น
คงเป็นไปไม่ได้ที่โทรศัพท์มือถือ หรือ คอมพิวเตอร์ เครื่องหนึ่ง จะประกอบด้วย
แอพดูหนังฟังเพลงมากมาย มีแนวโน้มที่จะมีกันเพียง 1-3 แอพ ที่ดูได้
ทั้งคอนเทนไทย และต่างชาติ เมื่อไลฟ์สไตล์ เป็นเช่นนี้ ผู้ประกอบการได้ปรับตัว
ให้เข้าไปผู้บริโภคหรือไม่ อีกทั้งผลงานคุณภาพในอดีต นำมาให้ชมออนไลน์ ยังหารายได้ระยะยาวได้ต่อเนื่อง
เพราะของดี ย่อมอมตะเหนือกาลเวลา ละครรุ่นเก่าหลายเรื่อง ละครรุ่นใหม่ยังสู้ไม่ได้เลย

2. ลงทุนกับดารา/นักร้อง แต่ไม่ลงทุนกับผู้เขียนบท/เขียนเพลง กลับไปดูรายได้ของคนทำงานเบื้องหลัง
ซึ่งมีบทบาทไม่ต่างจากดีไซเนอร์ในธุรกิจแฟชั่น  บริษัทแฟชั่นให้ค่าตอบแทนอย่างดี
เพราะดีไซเน่อร์ ซึ่งเป็นผู้กำหนดทิศทางแฟชั่น สามารถสร้างมูลค่าให้กับผลงาน
ดารา คุณค่า คือ infinity ถ้าได้บทที่ดี นักร้องโด่งดัง ถ้าได้ถ่ายทอดบทเพลงที่ไพเราะ
เงินเดือน ค่าลิขสิทธิ ควรมากพอที่จะ จูงใจให้คนรุ่นใหม่ อยากเป็นนักเขียนบท นักเขียนเพลงที่เก่ง
และได้รับโอกาสจากบริษัทให้ได้บ่มเพาะความสามารถ
โดยปราศจากความขาดแคลนด้านการเงิน ซึ่งมีผลต่อศักยภาพในทำงานสร้างสรรค์
บทที่ดี อาจไม่ต้องการงานโปรดั๊กชั่นเลิศหรู แต่ต้องการนักแสดงและผู้กำกับที่มีฝีมือ
หลายเรื่องมูลค่าการลงทุนไม่สูง แต่น่าติดตาม ถ้าบทท้าทายความสนใจของผู้ชม

3. มีฝ่ายคัดเลือกดาราที่น่าเชื่อถือ มีสายตาที่เฉียบคม รู้วิธีปั้นนักแสดง/นักร้อง
เลิกใช้นักแสดงเกรดบี ขึ้นเป็นนักแสดงนำ ถ้าใครสักคนเป็นที่พูดถึงในบทนักแสดงสมทบ
ไม่ได้หมายความว่า เขาพร้อมจะเป็นนักแสดงนำเสมอไป
บางคนเป็นพระเอกหลายเรื่อง คนจำไม่ได้ แต่พอเป็นนักแสดงสมทบ คนจำได้ทันที
ละครไทยแนวขนบ พระเอกและนางเอก คือ คนที่อยู่หน้าจอกับคนดูเป็นเวลานาน
ถ้านักแสดงนำ ไม่สามารถเป็นแม่เหล็กดึงดูดคนดูได้  พูดง่ายๆ คือ ศักยภาพยังแบกไม่ไหว
ด้านอื่นที่ลงทุนไป ไม่ว่าบท นักแสดงสมทบ นักแสดงคู่ เสื้อผ้าหน้าผม ที่คัดมาอย่างดี
เป็นอันหมดโอกาสโชว์ไปด้วย เพราะคนดูไม่ไปต่อ ดูได้แค่ตอนสองตอน

4. ออกแบบละครที่เข้ากับสื่อออนไลน์มากขึ้น ไม่ต้องยาวมาก แต่เข้มข้น หรือมีเสน่ห์ น่าติดตาม
ทำความเข้าใจกลุ่มคนดูของตนเอง
เช่น โรแมนติกคอมเมดี้ มีกลุ่มคนดูที่ชื่นชอบบันเทิงแนวนี้
พวกเขาแค่ต้องการละคร/ซี่รีย์ ที่ดูฟินๆ สบายๆ ไม่ใช่ horror ไม่ใช่พีเรียด ที่ต้องลงทุนสูง
และมีคนอีกมากมายที่ไม่ชอบแนวนี้ จึงไม่ต้องหมดกำลังใจกับคำวิจารณ์
ของกลุ่มคนที่เคมีไม่ตรงกับจริตของคอนเทน

5. ทำคอนเทนเป็นภาคภาษาอังกฤษ/จีน เพื่อกวาดกลุ่มคนดูนานาชาติในสื่อออนไลน์
คอนเทนไทยเป็นที่นิยม ระดับแนวหน้าในเอเชีย นักแสดงไทยก็พูดภาษาอังกฤษเก่งๆมากมาย
นิยายไทยดีๆ ก็มีอยู่มาก ทำไมไม่ลองทำเป็นภาษาอังกฤษ
โปรแกรมเอไอก็ช่วยแปลให้ได้ในเบื้องต้น ลดระยะเวลา แต่ต้องหาคนขัดเกลา

มีโอกาสชมสัมภาษณ์น้อง ณัฐชา นีน่า เจสสิก้า พาโดวัน  เป็นภาษาอังกฤษในรายการ  The Standard
(นักแสดงเด็กในเรื่องธี่หยด และละครจิตสะกดแค้น)
ทำให้นึกถึงหนังฮอลลิวูดยุคก่อน ที่ใช้นักแสดงเด็กเป็นตัวเดินเรื่อง
และน้องก็ฝีมือมาตรฐานโลก ไม่ต่างจากญาญ่า มาริโอ ไมกี้ วิลลี่
เอานักแสดงที่พูดภาษาอังกฤษได้ มาเจอกันดู
แล้วแปลนวนิยาย/ละครไทยมาสเตอร์พีส ที่เคยโด่งดังมาก่อน มานำเสนอ
หรือ อาจใช้ภาษาจีนเข้ามาด้วย เช่น "สงครามส่งด่วน" เป็นการตัดสินใจที่กล้าหาญของผู้สร้าง
จนได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากชาวต่างชาติ

ดีเอ็นเอไทย ถ้าเป็นละครโรแมนติกที่มีคุณภาพ สิ่งนั้นไม่เรียกว่าน้ำเน่า
ภาพยนตร์รักของจูเลีย โรเบิร์ต เดมี่ มัวร์ ยุคก่อน ไม่ใช่หนังออสก้า แต่ก็ทำรายได้ถล่มทลาย  
เพียงแต่ต้องปรับให้คนรุ่นใหม่ เข้าใจการตัดสินใจของตัวละคร ว่าตัวละครมีเหตุผล หรือ มีความกดดัน ให้ทำเช่นนั้น

เหตุใดเราต้องคร่ำครวญให้เมื่อวาน เหมือน วันนี้  
ในเมื่อเราอยู่ในช่วงแห่งการเปลี่ยนแปลง
ควรเปิดใจ และเปิดทาง ถ้ามองขาด ลงทุนตรงจุด
ไม่ถลุงเงินผิดทาง  จะสร้างพลังใหม่ขับเคลื่อนธุรกิจได้
ศิลปะ ไม่เพียงแค่สวยด้วยตา แต่สวยด้วยความรู้สึก คุณค่าเชิงปรัชญา และจินตนาการ
ศิลปะทำงานกับมันสมองของมนุษย์ ที่สร้างความเชื่อมโยง จนเข้าถึงความซาบซึ้ง
คำพูดหนึ่งประโยค จากภาพยนตร์หรือบทเพลง อาจอยู่กับคุณไปทั้งชีวิต
คำถามที่สำคัญ คือ ทุกวันนี้ บันเทิงไทย ขาดอะไรกันแน่ ?
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่