อยากเล่าเรื่องจริง.. ผมเป็นลูกชายคนโตในบ้าน จะมีพี่สาวอีกคนที่เกิดก่อน ตั้งแต่เด็กจนโตผมพยายามเข้าหาแม่และพ่อมาตลอด เพราะคิดว่ามันคือครอบครัว ต่อมาเมื่อผมประถม 5 ก็โดนไล่ออกจากบ้าน แยกออกมาให้อยู่หอพัก และไม่ได้รับกลับบ้านอีกเลย จนถึง มัธยมต้น พอจบมัธยมต้น ก็โดนย้ายไปอยู่ไกลบ้าน ที่ ตจว. อยู่โรงเรียนประจำเหมือนเดิม ก็มารับบ้างไม่มารับบ้างวันหยุด เข้าเรื่องเลยนะกัน...
เรื่องมีอยู่ว่าพอเรียนจบ ม.6 ผมไม่ได้เรียนหนังสือต่อแบบน้องคนอื่น พี่คนอื่น เขาเรียนมหาลัยแพงๆ เอกชน อยู่หอ ไม่ต้องทำงาน ส่วนน้องๆก็เรียนโรงเรียนดังๆ แพงๆเอกชน แต่ผมกลับมาต้องทำงาน เปิดร้านคอมพิวเตอร์ (ช่วงนั้นร้านเกมส์ ฮิตมากๆ) ผมเปิดหลายสาขา เพราะแม่บอกว่าการเปิดร้านเกมส์หลายสาขาก็วิ่งเก็บเงินสบายๆ ผมเชื่อแบบนั้น เลยตัดสินใจเปิดร้านเกมส์ ต่อมาทำได้สักช่วงกลางปีนิดๆ พี่สาวผมเข้ามาร้านผม มากับแฟน ก็มาสั่งอาหารกิน มาสั่งนั่นสั่งนี่ หยิบเงิน ให้ผมจ่ายทุกอย่าง แต่ผมดันมีปากเสียงตรงที่ เอาของมากินแล้วไม่เก็บ ให้ผมต้องคอยทำ คอยเก็บให้ ทำให้เกิดไม่พอใจ พี่สาวก็เรื่องนี้ไปฟ้องแม่ "แม่ผมตัดสินใจยึดร้านเกมส์คืน และปล่อยผมค้างเติ่งแบบนั้น" ผมบอกผมไม่ได้ทำอะไร กินแล้วไม่เก็บแค่นั้น แม่บอกผมว่าขี้อิจฉา เห็นแก่ตัว กับพี่สาว ญาติฝ่ายแม่ก็บอกจะต่อยผม ถ้าเถียงแม่ไม่เลิก ผมเลยเงียบนิ่งไป เพราะตอนนั้นเด็กมาก
ต่อมาร้านเกมส์จะเจ๊ง ผมเลยเข้าไปทำต่อ เพราะพ่อบอกว่าไหนๆก็จะเจ๊งแล้ว เอาคืนเจ้าของเดิมไปสิ ให้เขาลองทำดู ผมก็ประคองต่อมาได้อีก 3-4ปีเต็มๆ โดยส่งเงินให้ที่บ้านมาตลอด ตอนเปิดร้านเกมส์แรกๆ ผมก็ให้เงินพี่น้องแบบมาเอาได้เลยทุกอาทิตย์ ไม่ต้องคิดมากเกรงใจ ผมก็จะให้เงินน้องชายประจำ จนผมทำร้านเกมส์ไม่ไหว แม่เลยเสนอให้ผมไปทำหอพักกับเขา บอกว่าถ้าทำจะจ้างเงินเดือน เดือนละ 15,000.- ผมก็เลยตัดสินใจช่วยแม่สร้างหอพักนั้น จนเสร็จ เปิดกิจการ จนในที่สุด.... วันนั้นก็มาอีกครั้ง ผมโดนไล่ออกจากหอพัก ในเงินเดือน 15,000.- เพียงเพราะผมไม่ยอมไปทำความสะอาดขี้นกที่อยู่ระเบียง ผมบอกว่าให้คนงานทำ แต่แม่ไม่ยอมบอกว่าผมขี้เกียจ ขัดคำสั่ง ก็เป็นเหตุให้ไล่ออก ทั้งๆที่ผมก็ตื่นเช้า ประกาศหาคนเช่า ดูแล ทำความสะอาดหอพัก ห้องต่างๆ แต่งระเบียงนกมันมาถ่ายเป็นกองใหญ่ๆ แผ่นๆ ผมเลยคิดว่าคนงานน่าจะดีกว่า จนโดนไล่ออก เงินผมก็เหลือจากการที่เคยทำร้านเกมส์ 150,000.- เพื่อใช้ชีวิตต่อไป โดยเคว้งคว้างอีกครั้ง
ระหว่างนั้นผมก็อยู่หอที่ผมสร้างให้พ่อแม่ พี่น้อง ครอบครัว แต่ผมโดนเก็บค่าเช่าห้อง น้ำไฟ เหมือนคนปกติ ไม่มีส่วนลดใดๆ อยู่จนเงินผมเหลือ 5พัน-9พัน สุดท้าย เลยตัดสินใจไปหางานทำตามพาร์ทไทม์ด้วยความไม่จบ ม.6 (ลืมบอกไป เงิน150,000.- ผมอยู่เคว้งๆแบบนั้นมาได้3ปี กินข้าววันละมื้อ เพื่อเอาเงินมาจ่ายค่าเช่าทุกเดือน พยายามลงเรียนแต่ไม่มีปัญญาไปสอบ นั่งรถตู่ รถเมลล์ เคยขอยืมรถที่บ้านเพื่อไปสอบ น้องชายบอกไม่ว่างทั้งๆที่จอดหน้าตึกทั้งวัน) น้องชายมีรถใช้จากแม่ ระหว่างนั้นครอบครัวเรามีความสุขกันดี เพราะหอพักมีรายได้เหลือเป็นแสนๆ กินข้าวอร่อย กินหรู้ พี่สาวได้เรียนเมืองนอกต่อ ป.โทไม่ต้องทำอะไรเลย น้องชายมาทำหอพักต่อจากเรา แม่ให้เงินทุกเดือน เราก็โดนปล่อยแบบเดิม
จนพอเราทำงานสักพัก แม่ก็มาบอกว่าขอโทษเรา ให้เรากลับเข้าไปที่บ้าน จะให้เงินเดือนละ 5พัน ไว้กินใช้ ไม่ไล่ออกจากบ้านอีกแล้ว!! เราเลยตัดสินใจเชื่ออีกครั้ง เหมือนมีความหวังใหม่ แต่แล้วไม่นาน เรากลับเข้าไปบ้าน พ่อก็เริ่มหาเรื่องเรา เพราะเราไม่ทำงานในสิ่งที่พ่อต้องการ เวลามีปัญหาอะไร ก็จะมักโยนความผิดมาให้เรา เช่นเลี้ยงวัวแล้ววัวหลุด ก็เอาไม้หน้าสามมาทุบหน้าห้องเรา ทั้งๆที่เราไม่ได้ทำ จากนั้นเราก็โดนไล่ออกจากบ้านอีกครั้ง ด้วยเหตุผลที่ว่าแม่เอาเงินมาฝากเรา 6แสนบาท และขอคืน เราบอกว่าเราขอไว้ก่อนได้ไหม ฝากไว้แบบนี้ เพราะเราอยากเอาไว้เป็นหลักประกันว่าจะได้เรียนจบ และไม่โดนไล่ออกจากบ้านเผื่อไว้ แม่กลับพูดว่า "คนแบบ..ไม่เคยจับเงินสินะ จะไปตายที่ไหนก็ไป พร้อมชี้หน้าเรา และบอกไปตายซะ ไปตาย ไปตายที่ไหนก็ไป" เราไม่ได้บอกจะไม่คืน สุดท้ายเรารู้สึกว่าเอาไปเถอะ เลยคืนเขาไป และตัดสินใจออกจากบ้านเอง น้องเราเรียนมหาลัยเอกชนตอนนั้น และสุดท้ายเรียนไม่จบ
รอบนี้เราเหลือเรียนแค่2วิชาที่ซ่อม ก็จบแล้ว เราเรียนจบใน3ปี กับมหาลัยเปิด ค่าเทอม3-4พัน เราจึงตัดสินใจออกมาใช้ชีวิต พอจบเราก็หางานทำ ตั้งใจสอบราชการ เราทำงานโรงงานระหว่างนั้น เจอหัวหน้าดูถูก ทำงาน6วัน เว้นไปมา จนเราสอบติดราชการ จากนั้นพ่อแม่ก็เข้าหาเราอีกครั้ง ในการเวลาไปไหน เขาก็จะเอาเราไปพูดไปอวด เราก็เฉยๆ ไม่ได้คิดไรมาก จนมีเรื่องคือเหมือนพอเราออกจากราชการ เพราะมาทำงานตัวเอง เป็นนายตัวเอง
พ่อแม่ก็ไม่เคยสนใจเราอีกเลย ไม่เคยโทรมา ตลอดเวลาที่เราอยู่นอกบ้านมักจะเป็นแบบนั้น ไม่โทรไม่สนใจ หากไม่ได้มีเงิน หรือมีงานที่ดี จนเราเริ่มกลับมาดีอีกครั้ง พ่อแม่ก็กลับมาอีก ให้เราช่วยงาน และยกหอพักให้เรา (ย้อนกลับไปหอเดิมที่เราสร้าง ขายไปแล้ว ตอนขายตกลงกันว่าจะให้เรา3% ก็ไม่ให้โกงเรา) จนมาทำหอใหม่ ก็อยากให้เราช่วยหาลูกค้า เราก็ช่วยฟรีๆ จนเมื่อเขาทะเลาะกับน้องที่บ้าน ก็เลยตัดสินใจให้เงินเรา จ้างเราหมื่นนึง/เดือน เพื่อที่จะได้ทำงานแทนน้องที่ทะเลาะ เราก็ทำมาตลอด 7ปี โดยแม่บอกว่าถ้าครบ5ปี จะยกกิจการนี้ให้เรากับน้อง พี่สาว เอาไปบริหาร เราเลยตัดสินใจทวงสัญญา แม่ก็บอกว่าไม่เคยพูด ไม่เคยบอกว่าจะให้
ตลอดเวลาเราก็ไม่ค่อยยุ่ง เราอยู่ข้างนอกตั้งแต่ตอนโดนไล่ไปตาย จน ปัจจุบัน เราก็ไม่ค่อยไปไหนมาไหน เพราะส่วนใหญ่เขาจะเรียกเราไป คือพาเขาไปกินข้าว ขับรถให้เท่านั้น ซึ่งเราทำประจำ ทำมาตลอด จนเรารู้ตัวว่าเหมือนเราทำอยู่คนเดียว ทั้งๆที่คนอื่นๆ เขาเติบโตไปมีลูก มีครอบครัว ธุรกิจ เรากลับมาทำเพื่อคนที่เรารัก โดยลืมรักตัวเอง เพราะหวังว่าสักวันจะดีแบบที่แม่กับพ่อดีกับคนอื่นๆ แต่สุดท้ายเราได้คำตอบแล้วว่า ยิ่งเราทำ เขาก็ยิ่งดึงเราไว้แบบนี้ ไม่ให้เราเติบโต เพราะเอาไว้ใช้พาไปกินข้าว ไปทำงาน ทำนั่นนี่ และตลอดที่เราทำ เขามักบอกว่าทำไมเราไม่กู้ทำหอพักกับพวกเขา ทำไมทำงานเอง แบบรายได้น้อยๆ เราก็ไม่ได้อะไรก้มหน้าก้มตา คิดว่าแค่กินข้าวทำอะไรตามหน้าที่ จนเรารู้สึกว่าถึงเวลาที่ควรพอแล้ว เพราะเหมือนทำมาตลอดเวลา 7 ปี
หลังจากนั้น... เราเลยตัดสินใจ ออกจากชีวิตของเขา ที่เขาไม่เคยอยากมีเราในชีวิตเลย แม้เราจะทำดีแค่ไหน เคยช่วยอะไร หรือทำอะไรเพื่อเขา เราไม่เคยได้อะไรจากเขา นอกจากหอพักที่เขายกให้ แต่เราไม่เคยได้เงินจากในนั้นเลย มีแต่พี่น้องคนอื่นๆได้เป็นล้านๆ จากรายได้ ทั้งๆที่มีชื่อเรากับพี่น้องแค่นั้น แต่เหมือนแม่เอาไป และไปให้กับพี่คนเดียว ทั้งๆกิจการนี้มาจากการขายหอพักที่เราเคยสร้าง เพียงเพราะเขาจะไปกู้เงิน เพื่อหลบเลียงการโดนยึด เราจึงตัดสินใจออกจากชีวิตเขา และไม่ยุ่งอีก ต่างคนต่างแยกย้าย ไปทำในสิ่งที่ต้องการ อยากทำอะไรก็ทำ อยากเป็นอะไรก็เป็น ตลอดเวลาเหมือนเราทำมาหมด จนรู้สึก เราโดยทำร้ายซ้ำๆ จนไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว.... สุดท้ายแม่เราก็รับสิ่งที่เขาทำ ไปกู้เงินธนาคารเป็นร้อยล้าน ร่วมกับพี่สาวทำหอพัก และครอบครัวเขา เราเฟรดออกมาไม่กู้เงิน ไม่ทำอะไร และทำได้เท่าที่เราทำ
แล้วพวกคุณเคยตัดสินใจ ออกจากชีวิตใคร เพียงเพราะเรารู้สึกเจ็บมามากพอแล้ว ไม่อยากโดนทำร้าย หรือรักคนใจร้ายไหม?
ตัดสินใจออกมาจากชีวิตใครคนนึง ที่เขาไม่เคยมีเราในชีวิตเขาเลย (พยายามเข้าหามาตลอดชีวิต กับคนที่ชื่อว่า "แม่")
เรื่องมีอยู่ว่าพอเรียนจบ ม.6 ผมไม่ได้เรียนหนังสือต่อแบบน้องคนอื่น พี่คนอื่น เขาเรียนมหาลัยแพงๆ เอกชน อยู่หอ ไม่ต้องทำงาน ส่วนน้องๆก็เรียนโรงเรียนดังๆ แพงๆเอกชน แต่ผมกลับมาต้องทำงาน เปิดร้านคอมพิวเตอร์ (ช่วงนั้นร้านเกมส์ ฮิตมากๆ) ผมเปิดหลายสาขา เพราะแม่บอกว่าการเปิดร้านเกมส์หลายสาขาก็วิ่งเก็บเงินสบายๆ ผมเชื่อแบบนั้น เลยตัดสินใจเปิดร้านเกมส์ ต่อมาทำได้สักช่วงกลางปีนิดๆ พี่สาวผมเข้ามาร้านผม มากับแฟน ก็มาสั่งอาหารกิน มาสั่งนั่นสั่งนี่ หยิบเงิน ให้ผมจ่ายทุกอย่าง แต่ผมดันมีปากเสียงตรงที่ เอาของมากินแล้วไม่เก็บ ให้ผมต้องคอยทำ คอยเก็บให้ ทำให้เกิดไม่พอใจ พี่สาวก็เรื่องนี้ไปฟ้องแม่ "แม่ผมตัดสินใจยึดร้านเกมส์คืน และปล่อยผมค้างเติ่งแบบนั้น" ผมบอกผมไม่ได้ทำอะไร กินแล้วไม่เก็บแค่นั้น แม่บอกผมว่าขี้อิจฉา เห็นแก่ตัว กับพี่สาว ญาติฝ่ายแม่ก็บอกจะต่อยผม ถ้าเถียงแม่ไม่เลิก ผมเลยเงียบนิ่งไป เพราะตอนนั้นเด็กมาก
ต่อมาร้านเกมส์จะเจ๊ง ผมเลยเข้าไปทำต่อ เพราะพ่อบอกว่าไหนๆก็จะเจ๊งแล้ว เอาคืนเจ้าของเดิมไปสิ ให้เขาลองทำดู ผมก็ประคองต่อมาได้อีก 3-4ปีเต็มๆ โดยส่งเงินให้ที่บ้านมาตลอด ตอนเปิดร้านเกมส์แรกๆ ผมก็ให้เงินพี่น้องแบบมาเอาได้เลยทุกอาทิตย์ ไม่ต้องคิดมากเกรงใจ ผมก็จะให้เงินน้องชายประจำ จนผมทำร้านเกมส์ไม่ไหว แม่เลยเสนอให้ผมไปทำหอพักกับเขา บอกว่าถ้าทำจะจ้างเงินเดือน เดือนละ 15,000.- ผมก็เลยตัดสินใจช่วยแม่สร้างหอพักนั้น จนเสร็จ เปิดกิจการ จนในที่สุด.... วันนั้นก็มาอีกครั้ง ผมโดนไล่ออกจากหอพัก ในเงินเดือน 15,000.- เพียงเพราะผมไม่ยอมไปทำความสะอาดขี้นกที่อยู่ระเบียง ผมบอกว่าให้คนงานทำ แต่แม่ไม่ยอมบอกว่าผมขี้เกียจ ขัดคำสั่ง ก็เป็นเหตุให้ไล่ออก ทั้งๆที่ผมก็ตื่นเช้า ประกาศหาคนเช่า ดูแล ทำความสะอาดหอพัก ห้องต่างๆ แต่งระเบียงนกมันมาถ่ายเป็นกองใหญ่ๆ แผ่นๆ ผมเลยคิดว่าคนงานน่าจะดีกว่า จนโดนไล่ออก เงินผมก็เหลือจากการที่เคยทำร้านเกมส์ 150,000.- เพื่อใช้ชีวิตต่อไป โดยเคว้งคว้างอีกครั้ง
ระหว่างนั้นผมก็อยู่หอที่ผมสร้างให้พ่อแม่ พี่น้อง ครอบครัว แต่ผมโดนเก็บค่าเช่าห้อง น้ำไฟ เหมือนคนปกติ ไม่มีส่วนลดใดๆ อยู่จนเงินผมเหลือ 5พัน-9พัน สุดท้าย เลยตัดสินใจไปหางานทำตามพาร์ทไทม์ด้วยความไม่จบ ม.6 (ลืมบอกไป เงิน150,000.- ผมอยู่เคว้งๆแบบนั้นมาได้3ปี กินข้าววันละมื้อ เพื่อเอาเงินมาจ่ายค่าเช่าทุกเดือน พยายามลงเรียนแต่ไม่มีปัญญาไปสอบ นั่งรถตู่ รถเมลล์ เคยขอยืมรถที่บ้านเพื่อไปสอบ น้องชายบอกไม่ว่างทั้งๆที่จอดหน้าตึกทั้งวัน) น้องชายมีรถใช้จากแม่ ระหว่างนั้นครอบครัวเรามีความสุขกันดี เพราะหอพักมีรายได้เหลือเป็นแสนๆ กินข้าวอร่อย กินหรู้ พี่สาวได้เรียนเมืองนอกต่อ ป.โทไม่ต้องทำอะไรเลย น้องชายมาทำหอพักต่อจากเรา แม่ให้เงินทุกเดือน เราก็โดนปล่อยแบบเดิม
จนพอเราทำงานสักพัก แม่ก็มาบอกว่าขอโทษเรา ให้เรากลับเข้าไปที่บ้าน จะให้เงินเดือนละ 5พัน ไว้กินใช้ ไม่ไล่ออกจากบ้านอีกแล้ว!! เราเลยตัดสินใจเชื่ออีกครั้ง เหมือนมีความหวังใหม่ แต่แล้วไม่นาน เรากลับเข้าไปบ้าน พ่อก็เริ่มหาเรื่องเรา เพราะเราไม่ทำงานในสิ่งที่พ่อต้องการ เวลามีปัญหาอะไร ก็จะมักโยนความผิดมาให้เรา เช่นเลี้ยงวัวแล้ววัวหลุด ก็เอาไม้หน้าสามมาทุบหน้าห้องเรา ทั้งๆที่เราไม่ได้ทำ จากนั้นเราก็โดนไล่ออกจากบ้านอีกครั้ง ด้วยเหตุผลที่ว่าแม่เอาเงินมาฝากเรา 6แสนบาท และขอคืน เราบอกว่าเราขอไว้ก่อนได้ไหม ฝากไว้แบบนี้ เพราะเราอยากเอาไว้เป็นหลักประกันว่าจะได้เรียนจบ และไม่โดนไล่ออกจากบ้านเผื่อไว้ แม่กลับพูดว่า "คนแบบ..ไม่เคยจับเงินสินะ จะไปตายที่ไหนก็ไป พร้อมชี้หน้าเรา และบอกไปตายซะ ไปตาย ไปตายที่ไหนก็ไป" เราไม่ได้บอกจะไม่คืน สุดท้ายเรารู้สึกว่าเอาไปเถอะ เลยคืนเขาไป และตัดสินใจออกจากบ้านเอง น้องเราเรียนมหาลัยเอกชนตอนนั้น และสุดท้ายเรียนไม่จบ
รอบนี้เราเหลือเรียนแค่2วิชาที่ซ่อม ก็จบแล้ว เราเรียนจบใน3ปี กับมหาลัยเปิด ค่าเทอม3-4พัน เราจึงตัดสินใจออกมาใช้ชีวิต พอจบเราก็หางานทำ ตั้งใจสอบราชการ เราทำงานโรงงานระหว่างนั้น เจอหัวหน้าดูถูก ทำงาน6วัน เว้นไปมา จนเราสอบติดราชการ จากนั้นพ่อแม่ก็เข้าหาเราอีกครั้ง ในการเวลาไปไหน เขาก็จะเอาเราไปพูดไปอวด เราก็เฉยๆ ไม่ได้คิดไรมาก จนมีเรื่องคือเหมือนพอเราออกจากราชการ เพราะมาทำงานตัวเอง เป็นนายตัวเอง
พ่อแม่ก็ไม่เคยสนใจเราอีกเลย ไม่เคยโทรมา ตลอดเวลาที่เราอยู่นอกบ้านมักจะเป็นแบบนั้น ไม่โทรไม่สนใจ หากไม่ได้มีเงิน หรือมีงานที่ดี จนเราเริ่มกลับมาดีอีกครั้ง พ่อแม่ก็กลับมาอีก ให้เราช่วยงาน และยกหอพักให้เรา (ย้อนกลับไปหอเดิมที่เราสร้าง ขายไปแล้ว ตอนขายตกลงกันว่าจะให้เรา3% ก็ไม่ให้โกงเรา) จนมาทำหอใหม่ ก็อยากให้เราช่วยหาลูกค้า เราก็ช่วยฟรีๆ จนเมื่อเขาทะเลาะกับน้องที่บ้าน ก็เลยตัดสินใจให้เงินเรา จ้างเราหมื่นนึง/เดือน เพื่อที่จะได้ทำงานแทนน้องที่ทะเลาะ เราก็ทำมาตลอด 7ปี โดยแม่บอกว่าถ้าครบ5ปี จะยกกิจการนี้ให้เรากับน้อง พี่สาว เอาไปบริหาร เราเลยตัดสินใจทวงสัญญา แม่ก็บอกว่าไม่เคยพูด ไม่เคยบอกว่าจะให้
ตลอดเวลาเราก็ไม่ค่อยยุ่ง เราอยู่ข้างนอกตั้งแต่ตอนโดนไล่ไปตาย จน ปัจจุบัน เราก็ไม่ค่อยไปไหนมาไหน เพราะส่วนใหญ่เขาจะเรียกเราไป คือพาเขาไปกินข้าว ขับรถให้เท่านั้น ซึ่งเราทำประจำ ทำมาตลอด จนเรารู้ตัวว่าเหมือนเราทำอยู่คนเดียว ทั้งๆที่คนอื่นๆ เขาเติบโตไปมีลูก มีครอบครัว ธุรกิจ เรากลับมาทำเพื่อคนที่เรารัก โดยลืมรักตัวเอง เพราะหวังว่าสักวันจะดีแบบที่แม่กับพ่อดีกับคนอื่นๆ แต่สุดท้ายเราได้คำตอบแล้วว่า ยิ่งเราทำ เขาก็ยิ่งดึงเราไว้แบบนี้ ไม่ให้เราเติบโต เพราะเอาไว้ใช้พาไปกินข้าว ไปทำงาน ทำนั่นนี่ และตลอดที่เราทำ เขามักบอกว่าทำไมเราไม่กู้ทำหอพักกับพวกเขา ทำไมทำงานเอง แบบรายได้น้อยๆ เราก็ไม่ได้อะไรก้มหน้าก้มตา คิดว่าแค่กินข้าวทำอะไรตามหน้าที่ จนเรารู้สึกว่าถึงเวลาที่ควรพอแล้ว เพราะเหมือนทำมาตลอดเวลา 7 ปี
หลังจากนั้น... เราเลยตัดสินใจ ออกจากชีวิตของเขา ที่เขาไม่เคยอยากมีเราในชีวิตเลย แม้เราจะทำดีแค่ไหน เคยช่วยอะไร หรือทำอะไรเพื่อเขา เราไม่เคยได้อะไรจากเขา นอกจากหอพักที่เขายกให้ แต่เราไม่เคยได้เงินจากในนั้นเลย มีแต่พี่น้องคนอื่นๆได้เป็นล้านๆ จากรายได้ ทั้งๆที่มีชื่อเรากับพี่น้องแค่นั้น แต่เหมือนแม่เอาไป และไปให้กับพี่คนเดียว ทั้งๆกิจการนี้มาจากการขายหอพักที่เราเคยสร้าง เพียงเพราะเขาจะไปกู้เงิน เพื่อหลบเลียงการโดนยึด เราจึงตัดสินใจออกจากชีวิตเขา และไม่ยุ่งอีก ต่างคนต่างแยกย้าย ไปทำในสิ่งที่ต้องการ อยากทำอะไรก็ทำ อยากเป็นอะไรก็เป็น ตลอดเวลาเหมือนเราทำมาหมด จนรู้สึก เราโดยทำร้ายซ้ำๆ จนไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว.... สุดท้ายแม่เราก็รับสิ่งที่เขาทำ ไปกู้เงินธนาคารเป็นร้อยล้าน ร่วมกับพี่สาวทำหอพัก และครอบครัวเขา เราเฟรดออกมาไม่กู้เงิน ไม่ทำอะไร และทำได้เท่าที่เราทำ
แล้วพวกคุณเคยตัดสินใจ ออกจากชีวิตใคร เพียงเพราะเรารู้สึกเจ็บมามากพอแล้ว ไม่อยากโดนทำร้าย หรือรักคนใจร้ายไหม?