เกร็ดความรู้ด้านศาสนาในพิธีบำเพ็ญกุศล อุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
เรื่อง... ประเพณีการไว้ทุกข์และริบบิ้นสัญลักษณ์แสดงความอาลัย
โดย กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม
ประเพณีการไว้ทุกข์
แต่เดิมเมื่อพระเจ้าแผ่นดินสวรรคต ราษฎรทั้งชายหญิงจะต้องไว้ทุกข์ด้วยการโกนผมเกลี้ยงศีรษะ และนุ่งขาวด้วยกันหมดทุกคน จนกว่าจะถวายพระเพลิงพระบรมศพแล้ว หากผู้ใด ฝ่าฝืนต้องได้รับโทษหนัก
การโกนผมไว้ทุกข์นี้ได้รับอิทธิพลมาจากอินเดีย ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าทูลละอองธุลีพระบาท นุ่งผ้าดำไว้ทุกข์ในงานพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จ
พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑลโสภณภควดี จากนั้นถือเป็นธรรมเนียมสืบมาและถือกันต่อมาว่าถ้าผู้น้อยล่วงลับไปผู้มีอายุแก่กว่าก็ให้ไว้ทุกข์เป็นการสังเขป โดยใช้ผ้าดำกว้างประมาณ ๖ - ๗ นิ้ว พันแขนซ้าย มีกำหนดวันไว้ทุกข์มากน้อยตามสมควร ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการให้ยกเลิกการโกนผมไว้ทุกข์ตามโบราณราชประเพณี ด้วยทรงเห็นว่าเป็นการเดือดร้อนของราษฎร เรื่องการแต่งกายไว้ทุกข์ แต่เดิมแต่งกายด้วยสีขาวและงดเว้นเครื่องประดับในระยะไว้ทุกข์จนกระทั่งรัชกาลที่ ๔ โปรดให้นุ่งดำในงานพระศพ เจ้าฟ้าจันทรมณฑลโสภณภควดี และต่อมาใน รัชกาลที่ ๕ ทรงโปรดให้มีสีกุหร่า สีนกพิราบ และสีน้ำเงิน เป็นสีที่ใช้ในการไว้ทุกข์ ดังที่พระยาอนุมานราชธนอธิบายไว้ในหนังสือเรื่อง ประเพณีเนื่องในการ
หม่อมเจ้าหญิงจิตรถนอม ดิศกุล และหม่อมเจ้าหญิงพูนพิสมัย ดิศกุล ก็ได้ทรงอธิบาย ถึงสีไว้ทุกข์ในสมัยรัชกาลที่ ๕ นี้เหมือนกันว่า การไว้ทุกขในสมัยก่อนนั้น มีระดับชั้นที่แตกต่างกัน คือ
๑. สีดำ จะเป็นสีไว้ทุกข์สำหรับผู้ใหญ่ หรือผู้ที่มีอายุแก่กว่าผู้ตาย
๒. สีขาว จะเป็นสีไว้ทุกข์สำหรับผู้เยาว์ หรืออายุอ่อนกว่าผู้ตาย แต่ก็มีบางกรณีที่เป็นข้อยกเว้น
ดังเมื่อครั้งที่พระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ กรมขุนศรีสุนทรเทพ ในพุทธศักราช ๒๓๕๑ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ทรงภูษาลายพื้นขาวทุกวัน
สมัยรัชกาลที่ ๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ทรงพระภูษาขาวเช่นกัน ในงานพระเมรุพระเจ้าลูกเธอ กรมขุนสุพรรณภาควดี หรือที่พระองค์ทรงตรัสเรียกพระธิดาองค์นี้ว่าแม่หนู เพราะทรงถือเป็นพระธิดา คู่ทุกข์คู่ยาก เนื่องจากพระธิดาองค์นี้ประสูติก่อนที่พระองค์จะเสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติ
อย่างไรก็ตาม ก็มีธรรมเนียมราชประเพณี บังคับไว้อีกด้วยว่า ในงานพระบรมศพที่พระมหาปราสาทนั้น เวลาไปเฝ้าพระบรมศพ ทุกคนต้องนุ่งขาว จะนุ่งดำได้แต่ในเวลาอยู่บ้านหรือไปไหนตามปกติ เพราะสีขาวถือเป็นสีที่แสดงความรักและอ่อนน้อมเท่านั้น
๓. สีม่วงแก่หรือสีน้ำเงินแก่ เป็นสีไว้ทุกข์สำหรับผู้ที่มิได้เป็นญาติเกี่ยวดองกับผู้ตายแต่ประการใด
ซึ่งชาววังในสมัยรัชกาลที่ ๕ มักจะแต่งสีไว้ทุกข์นี่ด้วยผ้าทรงสีม่วง ทรงสะพักแพรสีนวล หรือผ้าทรงสีเขียว
ทรงแพรสีม่วงอ่อน ม่วงแก่ตามที่ชอบ ขาว หรือดำแล้วแต่อายุ ประเพณีนี้ยกเลิกไปเมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม พุทธศักราช 2๔๘๕ ส่วนประเพณีการไว้ทุกข์ในปัจจุบันเป็นการแต่งกายตามระเบียบที่กำหนดในประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องระเบียบการไว้ทุกข์ในงานศพ พุทธศักราช ๒๔๘๕ ดังนี้
(๑) ชาย
ก. แต่งเครื่องแบบ ให้ใช้ผ้าสักหลาดหรือผ้าโปร่งดำขนาดกว้างระหว่าง ๑-๑๐ เซนติเมตร พันแขนชายเบื้องบน
ข. แต่งกายสุภาพตามรัฐนิยม ให้ใช้เสื้อขาว กางเกงขายาวขาว (ถ้าเป็นคอแบะ ให้ใช้เสื้อเชิ้ตขาว
ผ้าผูกคอดำ เงื่อนกะลาสี) รองเท้าหนังดำ ถุงเท้าดำ และใช้ผ้าสักหลาด หรือผ้าโปร่งดำขนาดกว้าง
๑-๑๐ เซนติเมตร พันแขนซ้ายเบื้องบน
(๒) หญิง
แต่งกายสุภาพตามรัฐนิยม ให้ใช้เครื่องดำล้วน การกำหนดไว้ทุกข์นิยมไว้ ๑๕ วัน ๕๐ วัน ๑๐๐ วัน ส่วนมากไม่เกิน ๑ ปี เมื่อเผาศพแล้ว มักออกทุกข์ทันที เพื่อแสดงว่าได้พันจากทุกข์โศกแล้ว
ริบบิ้นดำกับความหมายในระดับสากล
การใช้ริบบิ้นสีดำ (Black Ribbon) เป็นสัญลักษณ์ของการไว้ทุกข์ เป็นธรรมเนียมที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางทั่วโลก เพื่อแสดงความเสียใจและรำลึกถึงผู้ล่วงลับ เช่นเดียวกับ ปลอกแขนสีดำ (Black Armband) ที่นิยมใช้ในโอกาสไว้อาลัยต่อเหตุการณ์โศกนาฏกรรม หรือการจากไปของบุคคลสำคัญ นอกจากนี้ ในบางประเทศ ริบบิ้นสีดำยังถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ของการรณรงค์ทางสังคม เช่น การต่อต้านการก่อการร้าย (Anti-Terrorism Awareness) หรือการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับ โรคมะเร็งผิวหนัง (Melanoma Awareness) อีกด้วย
ความนิยมและการใช้ริบบิ้นดำในประเทศไทย
ในสังคมไทยมีธรรมเนียมการแต่งกายไว้ทุกข์ด้วยสีดำหรือสีขาวมาแต่โบราณ โดยเฉพาะในงานพระบรมศพและพระศพของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งถือเป็นการแสดงความอาลัยและความเคารพอย่างสูงสุด อย่างไรก็ตาม “ริบบิ้นหรือโบว์สีดำ” ขนาดเล็กที่ติดบริเวณหน้าอก เริ่มเป็นที่รู้จักและใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วประเทศอย่างชัดเจน เป็นที่รู้จักกันมากขึ้น ในคราวที่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) เสด็จสวรรคต สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กำหนดแนวทางการแต่งกายไว้ทุกข์ไว้ว่า ในกรณีของพระมหากษัตริย์ ประชาชนควรใส่สีดำเป็นพื้นฐาน หรือถ้าหากไม่มีจริง ๆ อาจใส่สีขาวหรือสีเทาสลับกันได้ แต่ควรเป็นแบบที่สุภาพ และไม่มีลวดลาย เสื้อไม่ควรใส่เสื้อที่รัดรูปมากจนเกินไป ควรเป็นเสื้อแบบมีแขน คอไม่กว้าง ไม่มีลวดลาย และไม่ควรมีตราสัญลักษณ์อยู่บนเสื้อ เนื่องจากเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และผิดกาลเทศะ สำหรับสีนั้นควรใส่สีดำเป็นหลัก แต่ถ้าหากไม่มีจริง ๆ อาจใส่สีขาวหรือสีเทา และติดริบบิ้นสีดำไว้อาลัยที่หน้าอกด้านซ้าย ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2559 เป็นต้นมา ในครั้งนั้น รัฐบาล หน่วยงานภาครัฐ และสื่อต่าง ๆ ได้ร่วมกันรณรงค์ให้ประชาชนที่ไม่สะดวกแต่งกายด้วยชุดสีดำล้วนทุกวัน เช่น พนักงานที่มีชุดยูนิฟอร์ม สามารถใช้การติดริบบิ้นหรือโบว์ดำบริเวณหน้าอกแทนการสวมชุดดำได้การแสดงออกในรูปแบบนี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง เนื่องจากเป็นวิธีการที่สุภาพ เรียบง่าย และสะท้อนความอาลัยจากใจได้อย่างเหมาะสมกับทุกเพศทุกวัยและทุกสถานะทางสังคม
วิธีติดริบบิ้นดำอย่างถูกต้องและเหมาะสม
ริบบิ้นดำ เป็นสัญลักษณ์แห่งความอาลัยที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยเฉพาะเมื่อ ติดไว้ทางด้านซ้ายของร่างกาย ซึ่งเป็นตำแหน่งใกล้หัวใจ สื่อถึงความโศกเศร้า ความระลึกถึง และความอาลัยที่ออกมาจากใจอย่างแท้จริง
รูปแบบของริบบิ้นดำที่นิยมใช้
โดยทั่วไปริบบิ้นดำที่ใช้ในการแสดงความอาลัยมี 2 ลักษณะหลัก ได้แก่
โบว์สีดำ นิยมติดบริเวณหน้าอกหรือปกเสื้อ เหมาะสำหรับการแต่งกายสุภาพทั่วไป
โบว์ไขว้สีดำ รูปแบบเรียบง่ายแต่ให้ความหมายชัดเจน เป็นที่นิยมในการไว้อาลัยอย่างเป็นทางการ
ตำแหน่งที่เหมาะสมในการติดริบบิ้นดำ
เพื่อให้การติดริบบิ้นดำดูสุภาพและเหมาะสม สามารถเลือกติดได้ตามตำแหน่งต่อไปนี้
ที่แขนเสื้อด้านซ้าย ติดบริเวณต้นแขนต่ำจากหัวไหล่ประมาณ 2 นิ้ว
ที่หน้าอกด้านซ้าย ติดเหนือบริเวณหน้าอก เพื่อแสดงถึงความอาลัยจากหัวใจ
ที่ปกเสื้อด้านซ้าย เหมาะสำหรับผู้ที่สวมเสื้อเชิ้ตหรือชุดยูนิฟอร์ม
สำหรับผู้ที่ไม่มีเสื้อผ้าสีดำ
ผู้ที่ไม่มีเสื้อผ้าสีดำสามารถเลือกสวมเสื้อผ้าสีเข้ม สีขาว หรือสีสุภาพอื่น ๆ แทน และติดริบบิ้นดำบริเวณหน้าอกหรือปกเสื้อ เพื่อแสดงออกถึงความเคารพและความอาลัยได้เช่นเดียวกัน
การติดริบบิ้นดำ ถือเป็นวิธีแสดงความอาลัยที่เรียบง่ายแต่ทรงคุณค่า ช่วยสะท้อนความรู้สึกแห่งความเคารพและการระลึกถึงผู้ล่วงลับได้อย่างงดงาม อีกทั้งยังเป็นการแสดงออกที่เหมาะสมกับทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะในช่วงเวลาแห่งการไว้ทุกข์ของชาติ ซึ่งประชาชนสามารถร่วมแสดงความอาลัยได้อย่างพร้อมเพรียงและสำรวม
เกร็ดความรู้ด้านศาสนาในพิธีบำเพ็ญกุศล อุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ฯ
ประเพณีการไว้ทุกข์
แต่เดิมเมื่อพระเจ้าแผ่นดินสวรรคต ราษฎรทั้งชายหญิงจะต้องไว้ทุกข์ด้วยการโกนผมเกลี้ยงศีรษะ และนุ่งขาวด้วยกันหมดทุกคน จนกว่าจะถวายพระเพลิงพระบรมศพแล้ว หากผู้ใด ฝ่าฝืนต้องได้รับโทษหนัก
การโกนผมไว้ทุกข์นี้ได้รับอิทธิพลมาจากอินเดีย ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าทูลละอองธุลีพระบาท นุ่งผ้าดำไว้ทุกข์ในงานพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จ
พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑลโสภณภควดี จากนั้นถือเป็นธรรมเนียมสืบมาและถือกันต่อมาว่าถ้าผู้น้อยล่วงลับไปผู้มีอายุแก่กว่าก็ให้ไว้ทุกข์เป็นการสังเขป โดยใช้ผ้าดำกว้างประมาณ ๖ - ๗ นิ้ว พันแขนซ้าย มีกำหนดวันไว้ทุกข์มากน้อยตามสมควร ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการให้ยกเลิกการโกนผมไว้ทุกข์ตามโบราณราชประเพณี ด้วยทรงเห็นว่าเป็นการเดือดร้อนของราษฎร เรื่องการแต่งกายไว้ทุกข์ แต่เดิมแต่งกายด้วยสีขาวและงดเว้นเครื่องประดับในระยะไว้ทุกข์จนกระทั่งรัชกาลที่ ๔ โปรดให้นุ่งดำในงานพระศพ เจ้าฟ้าจันทรมณฑลโสภณภควดี และต่อมาใน รัชกาลที่ ๕ ทรงโปรดให้มีสีกุหร่า สีนกพิราบ และสีน้ำเงิน เป็นสีที่ใช้ในการไว้ทุกข์ ดังที่พระยาอนุมานราชธนอธิบายไว้ในหนังสือเรื่อง ประเพณีเนื่องในการ
หม่อมเจ้าหญิงจิตรถนอม ดิศกุล และหม่อมเจ้าหญิงพูนพิสมัย ดิศกุล ก็ได้ทรงอธิบาย ถึงสีไว้ทุกข์ในสมัยรัชกาลที่ ๕ นี้เหมือนกันว่า การไว้ทุกขในสมัยก่อนนั้น มีระดับชั้นที่แตกต่างกัน คือ
๑. สีดำ จะเป็นสีไว้ทุกข์สำหรับผู้ใหญ่ หรือผู้ที่มีอายุแก่กว่าผู้ตาย
๒. สีขาว จะเป็นสีไว้ทุกข์สำหรับผู้เยาว์ หรืออายุอ่อนกว่าผู้ตาย แต่ก็มีบางกรณีที่เป็นข้อยกเว้น
ดังเมื่อครั้งที่พระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ กรมขุนศรีสุนทรเทพ ในพุทธศักราช ๒๓๕๑ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ทรงภูษาลายพื้นขาวทุกวัน
สมัยรัชกาลที่ ๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ทรงพระภูษาขาวเช่นกัน ในงานพระเมรุพระเจ้าลูกเธอ กรมขุนสุพรรณภาควดี หรือที่พระองค์ทรงตรัสเรียกพระธิดาองค์นี้ว่าแม่หนู เพราะทรงถือเป็นพระธิดา คู่ทุกข์คู่ยาก เนื่องจากพระธิดาองค์นี้ประสูติก่อนที่พระองค์จะเสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติ
อย่างไรก็ตาม ก็มีธรรมเนียมราชประเพณี บังคับไว้อีกด้วยว่า ในงานพระบรมศพที่พระมหาปราสาทนั้น เวลาไปเฝ้าพระบรมศพ ทุกคนต้องนุ่งขาว จะนุ่งดำได้แต่ในเวลาอยู่บ้านหรือไปไหนตามปกติ เพราะสีขาวถือเป็นสีที่แสดงความรักและอ่อนน้อมเท่านั้น
๓. สีม่วงแก่หรือสีน้ำเงินแก่ เป็นสีไว้ทุกข์สำหรับผู้ที่มิได้เป็นญาติเกี่ยวดองกับผู้ตายแต่ประการใด
ซึ่งชาววังในสมัยรัชกาลที่ ๕ มักจะแต่งสีไว้ทุกข์นี่ด้วยผ้าทรงสีม่วง ทรงสะพักแพรสีนวล หรือผ้าทรงสีเขียว
ทรงแพรสีม่วงอ่อน ม่วงแก่ตามที่ชอบ ขาว หรือดำแล้วแต่อายุ ประเพณีนี้ยกเลิกไปเมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม พุทธศักราช 2๔๘๕ ส่วนประเพณีการไว้ทุกข์ในปัจจุบันเป็นการแต่งกายตามระเบียบที่กำหนดในประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องระเบียบการไว้ทุกข์ในงานศพ พุทธศักราช ๒๔๘๕ ดังนี้
(๑) ชาย
ก. แต่งเครื่องแบบ ให้ใช้ผ้าสักหลาดหรือผ้าโปร่งดำขนาดกว้างระหว่าง ๑-๑๐ เซนติเมตร พันแขนชายเบื้องบน
ข. แต่งกายสุภาพตามรัฐนิยม ให้ใช้เสื้อขาว กางเกงขายาวขาว (ถ้าเป็นคอแบะ ให้ใช้เสื้อเชิ้ตขาว
ผ้าผูกคอดำ เงื่อนกะลาสี) รองเท้าหนังดำ ถุงเท้าดำ และใช้ผ้าสักหลาด หรือผ้าโปร่งดำขนาดกว้าง
๑-๑๐ เซนติเมตร พันแขนซ้ายเบื้องบน
(๒) หญิง
แต่งกายสุภาพตามรัฐนิยม ให้ใช้เครื่องดำล้วน การกำหนดไว้ทุกข์นิยมไว้ ๑๕ วัน ๕๐ วัน ๑๐๐ วัน ส่วนมากไม่เกิน ๑ ปี เมื่อเผาศพแล้ว มักออกทุกข์ทันที เพื่อแสดงว่าได้พันจากทุกข์โศกแล้ว
ริบบิ้นดำกับความหมายในระดับสากล
การใช้ริบบิ้นสีดำ (Black Ribbon) เป็นสัญลักษณ์ของการไว้ทุกข์ เป็นธรรมเนียมที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางทั่วโลก เพื่อแสดงความเสียใจและรำลึกถึงผู้ล่วงลับ เช่นเดียวกับ ปลอกแขนสีดำ (Black Armband) ที่นิยมใช้ในโอกาสไว้อาลัยต่อเหตุการณ์โศกนาฏกรรม หรือการจากไปของบุคคลสำคัญ นอกจากนี้ ในบางประเทศ ริบบิ้นสีดำยังถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ของการรณรงค์ทางสังคม เช่น การต่อต้านการก่อการร้าย (Anti-Terrorism Awareness) หรือการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับ โรคมะเร็งผิวหนัง (Melanoma Awareness) อีกด้วย
ความนิยมและการใช้ริบบิ้นดำในประเทศไทย
ในสังคมไทยมีธรรมเนียมการแต่งกายไว้ทุกข์ด้วยสีดำหรือสีขาวมาแต่โบราณ โดยเฉพาะในงานพระบรมศพและพระศพของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งถือเป็นการแสดงความอาลัยและความเคารพอย่างสูงสุด อย่างไรก็ตาม “ริบบิ้นหรือโบว์สีดำ” ขนาดเล็กที่ติดบริเวณหน้าอก เริ่มเป็นที่รู้จักและใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วประเทศอย่างชัดเจน เป็นที่รู้จักกันมากขึ้น ในคราวที่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) เสด็จสวรรคต สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กำหนดแนวทางการแต่งกายไว้ทุกข์ไว้ว่า ในกรณีของพระมหากษัตริย์ ประชาชนควรใส่สีดำเป็นพื้นฐาน หรือถ้าหากไม่มีจริง ๆ อาจใส่สีขาวหรือสีเทาสลับกันได้ แต่ควรเป็นแบบที่สุภาพ และไม่มีลวดลาย เสื้อไม่ควรใส่เสื้อที่รัดรูปมากจนเกินไป ควรเป็นเสื้อแบบมีแขน คอไม่กว้าง ไม่มีลวดลาย และไม่ควรมีตราสัญลักษณ์อยู่บนเสื้อ เนื่องจากเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และผิดกาลเทศะ สำหรับสีนั้นควรใส่สีดำเป็นหลัก แต่ถ้าหากไม่มีจริง ๆ อาจใส่สีขาวหรือสีเทา และติดริบบิ้นสีดำไว้อาลัยที่หน้าอกด้านซ้าย ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2559 เป็นต้นมา ในครั้งนั้น รัฐบาล หน่วยงานภาครัฐ และสื่อต่าง ๆ ได้ร่วมกันรณรงค์ให้ประชาชนที่ไม่สะดวกแต่งกายด้วยชุดสีดำล้วนทุกวัน เช่น พนักงานที่มีชุดยูนิฟอร์ม สามารถใช้การติดริบบิ้นหรือโบว์ดำบริเวณหน้าอกแทนการสวมชุดดำได้การแสดงออกในรูปแบบนี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง เนื่องจากเป็นวิธีการที่สุภาพ เรียบง่าย และสะท้อนความอาลัยจากใจได้อย่างเหมาะสมกับทุกเพศทุกวัยและทุกสถานะทางสังคม
วิธีติดริบบิ้นดำอย่างถูกต้องและเหมาะสม
ริบบิ้นดำ เป็นสัญลักษณ์แห่งความอาลัยที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยเฉพาะเมื่อ ติดไว้ทางด้านซ้ายของร่างกาย ซึ่งเป็นตำแหน่งใกล้หัวใจ สื่อถึงความโศกเศร้า ความระลึกถึง และความอาลัยที่ออกมาจากใจอย่างแท้จริง
รูปแบบของริบบิ้นดำที่นิยมใช้
โดยทั่วไปริบบิ้นดำที่ใช้ในการแสดงความอาลัยมี 2 ลักษณะหลัก ได้แก่
โบว์สีดำ นิยมติดบริเวณหน้าอกหรือปกเสื้อ เหมาะสำหรับการแต่งกายสุภาพทั่วไป
โบว์ไขว้สีดำ รูปแบบเรียบง่ายแต่ให้ความหมายชัดเจน เป็นที่นิยมในการไว้อาลัยอย่างเป็นทางการ
ตำแหน่งที่เหมาะสมในการติดริบบิ้นดำ
เพื่อให้การติดริบบิ้นดำดูสุภาพและเหมาะสม สามารถเลือกติดได้ตามตำแหน่งต่อไปนี้
ที่แขนเสื้อด้านซ้าย ติดบริเวณต้นแขนต่ำจากหัวไหล่ประมาณ 2 นิ้ว
ที่หน้าอกด้านซ้าย ติดเหนือบริเวณหน้าอก เพื่อแสดงถึงความอาลัยจากหัวใจ
ที่ปกเสื้อด้านซ้าย เหมาะสำหรับผู้ที่สวมเสื้อเชิ้ตหรือชุดยูนิฟอร์ม
สำหรับผู้ที่ไม่มีเสื้อผ้าสีดำ
ผู้ที่ไม่มีเสื้อผ้าสีดำสามารถเลือกสวมเสื้อผ้าสีเข้ม สีขาว หรือสีสุภาพอื่น ๆ แทน และติดริบบิ้นดำบริเวณหน้าอกหรือปกเสื้อ เพื่อแสดงออกถึงความเคารพและความอาลัยได้เช่นเดียวกัน
การติดริบบิ้นดำ ถือเป็นวิธีแสดงความอาลัยที่เรียบง่ายแต่ทรงคุณค่า ช่วยสะท้อนความรู้สึกแห่งความเคารพและการระลึกถึงผู้ล่วงลับได้อย่างงดงาม อีกทั้งยังเป็นการแสดงออกที่เหมาะสมกับทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะในช่วงเวลาแห่งการไว้ทุกข์ของชาติ ซึ่งประชาชนสามารถร่วมแสดงความอาลัยได้อย่างพร้อมเพรียงและสำรวม