สาธารณรัฐเช็ก พลิกอัตราการเกิด จากต่ำสุดในโลก สู่ฟื้นตัวเร็วสุดในสหภาพยุโรป

สาธารณรัฐเช็ก พลิกอัตราการเกิด จากต่ำสุดในโลก สู่ฟื้นตัวเร็วสุดในสหภาพยุโรป /โดย ลงทุนแมน
สาธารณรัฐเช็ก (เช็กเกีย) หนึ่งในประเทศที่ต้องรับมือกับปัญหาอัตราการเกิดต่ำนานกว่า 20 ปี

โดยปี 1999 มีอัตราการเกิดที่ 1.13 หรือเฉลี่ยผู้หญิง 1 คน มีลูกเพียง 1.13 คน
ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของสหภาพยุโรปและของโลกในเวลานั้น

แต่หลังจากนั้น ตัวเลขอัตราการเกิดของประเทศนี้ กลับเพิ่มขึ้นมากที่สุดของสหภาพยุโรป

อีกทั้งยังสวนทางกับแนวโน้มอัตราการเกิดของโลก ที่ลดลงตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา

แล้วเพราะอะไร สาธารณรัฐเช็ก จึงกลายเป็นประเทศ ที่สามารถผลักดันให้อัตราการเกิดเพิ่มขึ้นได้ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

ย้อนกลับไปในช่วงปี 1989 ประเทศในภูมิภาคยุโรปกลางและตะวันออก (CEE) เริ่มหลุดออกจากอิทธิพลของสหภาพโซเวียต และมุ่งสู่การพัฒนาเศรษฐกิจแบบทุนนิยม

สาธารณรัฐเช็ก หรือเช็กเกีย ก็เป็นหนึ่งในประเทศที่ได้เปลี่ยนผ่านรูปแบบเศรษฐกิจ จากการสั่งการโดยรัฐ มาเป็นการพึ่งพาระบบตลาดเสรีแทน

การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ไม่เพียงแค่เปลี่ยนหน้าของเศรษฐกิจระดับประเทศ แต่ยังคงเปลี่ยนลึกลงไปถึงรูปแบบของการใช้ชีวิตของผู้คนในเช็กเกีย

โดยภาครัฐที่พยายามลดบทบาทลง ทำให้เกิดการลดเงินอุดหนุนหลากหลายด้าน ทั้งด้านที่อยู่อาศัยและภาระการเลี้ยงดูบุตร

ขณะที่ในช่วงการเปลี่ยนผ่าน ผู้คนต้องพบกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการจ้างงานมากขึ้น
ทั้งหมดนี้ มีส่วนผลักดันให้หนุ่มสาวชาวเช็กในช่วงเวลานั้น เลือกที่จะชะลอการสร้างครอบครัวออกไป หรือวางแผนการมีลูกอย่างระมัดระวังมากขึ้น

ผลที่ตามมาคือ อัตราการเกิดในประเทศ ลดจากระดับ 1.89 ในปี 1990 ลงมาเหลือ 1.13 ในปี 1999 ซึ่งนับเป็นระดับต่ำสุดของโลกในเวลานั้น

และนับเป็นการลดลงที่รุนแรงมาก โดยหากเทียบกับเกาหลีใต้ ประเทศที่มีอัตราการเกิดต่ำสุดในปัจจุบัน ต้องใช้เวลากว่า 20 ปี ตัวเลขถึงจะลดลงได้ขนาดนั้น

อย่างไรก็ดี ทิศทางอัตราการเกิดที่ลดลงของเช็กเกีย ถือว่าสอดคล้องกับประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สโลวาเกีย, ฮังการี และโปแลนด์ เป็นต้น

ซึ่งต่างก็เป็นประเทศกลุ่มยุโรปกลางและตะวันออก (CEE) ที่กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจครั้งสำคัญ ในช่วงเวลาเดียวกัน

แต่เมื่อเศรษฐกิจที่เปลี่ยนผ่านเข้าสู่ระบบทุนนิยม เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น ประกอบกับได้รับแรงหนุนทางเศรษฐกิจที่ดี จากการเข้าร่วมกลุ่มสหภาพยุโรป (EU) ในปี 2004

อัตราการเกิดของกลุ่มประเทศ CEE ก็ขยับฟื้นตัวขึ้น

ทว่า รัฐบาลเช็กเกียในช่วงเวลานั้น ยังคงเล็งเห็นถึงความกังวลด้านประชากร จึงได้นำมาเป็นวาระทางการเมืองที่สำคัญ

โดยเริ่มผลักดัน “แนวคิดแห่งชาติด้านนโยบายครอบครัว” (National Family Policy Concept) ในปี 2005 ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนของบทบาทภาครัฐ ในการส่งเสริมและสนับสนุนครอบครัว

ช่วงเริ่มแรกของการผลักดันแนวคิดดังกล่าว ยังไม่ได้มุ่งสนับสนุนการมีลูกของผู้คนโดยตรง แต่เน้นไปที่การช่วยให้ประชาชนสามารถจัดการชีวิตส่วนตัว และการสร้างครอบครัวได้อย่างมั่นคงมากขึ้น

การเปลี่ยนแปลงบทบาทของรัฐบาลเช็กเกียครั้งนั้น ได้รับการยอมรับทางการเมืองอย่างมาก จนรัฐบาลชุดต่อ ๆ ไป ได้เข้ามาสานต่อ

ซึ่งรัฐบาลที่นำโดยนายมิเรก โทโปลาเนก ระหว่างปี 2006-2009 ได้ปฏิรูประบบการเงินสาธารณะ (Public Finance Reform) ครั้งสำคัญ โดยมีส่วนยกเครื่องสวัสดิการด้านครอบครัว ทั้ง

- เพิ่มวงเงินรวมสำหรับการอุดหนุนบุตร จากเดิมราว 3.4 แสนบาท เป็น 4.7 แสนบาท ต่อบุตร 1 คน

- เพิ่มความยืดหยุ่น โดยพ่อแม่สามารถกำหนดระยะการลาเพื่อดูแลบุตรได้ตั้งแต่ 19 เดือน ถึง 4 ปี

ทั้งนี้ การเบิกจ่ายเงินอุดหนุนการเลี้ยงบุตรของรัฐ ขึ้นอยู่กับระยะการลา หากเลือกระยะในการลานานที่สุด หรือ 4 ปี จะได้รับเงินอุดหนุนต่อเดือนต่ำสุด

- ไม่ปิดกั้นการหารายได้เพิ่มเติม โดยแม้ว่าพ่อแม่จะรับเงินอุดหนุนจากภาครัฐ แต่สามารถทำงานได้โดยไม่จำกัดรายได้ แต่มีการจำกัดชั่วโมงการฝากดูแลบุตรในสถานรับเลี้ยงเด็กสาธารณะ (Crèche)

นอกจากมาตรการด้านการเงิน ภาครัฐยังมีการปฏิรูปกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเด็กร่วมด้วย

ขณะที่แม้ว่ารัฐบาลนายโทโปลาเนกได้สิ้นสุดลง แต่รัฐบาลทุกชุดเห็นตรงกันถึงความสำคัญในสวัสดิการครอบครัว ทำให้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องหลังจากนั้น เช่น

- อนุมัติเงินช่วยเหลือ (Housing Allowance) ตอบสนองต่อปัญหาค่าที่อยู่อาศัย หากค่าใช้จ่ายด้านที่อยู่อาศัยสูงเกินกว่า 30-35% ของรายได้ครอบครัว

- แก้ไขกฎหมายเพื่อให้เด็กสามารถเข้าเรียนในโรงเรียนอนุบาล (Kindergarten) ได้เร็วขึ้น โดยขยายลงมาถึงเด็กอายุ 2 ขวบ เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับพ่อแม่ที่ต้องการกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานโดยเร็ว

ซึ่งความพยายามของรัฐบาลเช็กเกียที่ผ่านมานั้น มีส่วนสนับสนุนให้คนเช็กมีลูกมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้อัตราการเกิดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนสามารถแตะระดับ 1.83 ในปี 2021 เพิ่มขึ้นราว 60% จากจุดต่ำสุด ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นเร็วและมากที่สุดในสหภาพยุโรป

อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มขึ้นที่โดดเด่นจากประเทศในกลุ่ม CEE ที่พบเจอสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่คล้ายกัน และนับว่ามีประสิทธิภาพมาก ท่ามกลางประเทศที่อุดหนุนสวัสดิการด้านครอบครัวที่สูงคล้ายกันหรือมากกว่า

และหลายฝ่ายยกให้ การออกแบบนโยบายและสวัสดิการด้านครอบครัวที่ยืดหยุ่นของเช็กเกีย เป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในนโยบายด้านประชากร

โดยสวัสดิการที่ยืดหยุ่น ตอบโจทย์พ่อแม่สมัยใหม่ ที่ได้รับการศึกษาดีและมีรายได้สูง ให้สามารถเลือกรับเงินในอัตราที่สูงและลาหยุดในระยะเวลาสั้นลง เพื่อกลับเข้าทำงานได้เร็วขึ้น ซึ่งมีส่วนช่วยลดความกังวลว่า การมีบุตร จะทำลายความก้าวหน้าในอาชีพ

นอกจากนั้น การพัฒนาสวัสดิการอยู่อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายใหม่ ๆ ของรัฐบาลเช็กเกีย นับเป็นอีกกุญแจสำคัญของความสำเร็จด้านประชากรเช่นกัน

อย่างไรก็ดี นับตั้งแต่ปี 2022 เช็กเกียต้องเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนระหว่างประเทศ ทำให้เส้นทางการฟื้นฟูอัตราการเกิดชะงักลง

ซึ่งรัฐบาลเช็กเกีย ก็ยังพยายามดำเนินนโยบายสนับสนุนครอบครัว ด้วยการปรับปรุงสวัสดิการครอบครัว ในปี 2024

เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายที่เกิดขึ้น และรักษาให้อัตราการเกิด คงอยู่ไว้ในระดับสูงต่อไป..

References
- Centre for Eastern Studies (OSW)
- Demographic Research
- International Monetary Fund
- Ministry of Labour and Social Affairs of the Czech Republic
- Our World in Data (Fertility Rate)
- population.news
- Statistika (Statistics and Economy Journal)

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่