💊 ใช้ยาแก้ปวดข้อ (NSAIDs) อย่างไรให้ปลอดภัย — ยาไม่ผิด แต่ใช้ผิดอาจไตพัง
“ปวดข้อ ปวดหลัง นิดหน่อย ก็แค่ซื้อยาแก้ปวดมากินเองได้…”
ประโยคนี้ดูเหมือนจะไม่อันตราย แต่ในความเป็นจริง คนจำนวนมากที่กินยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs ติดต่อกันโดยไม่รู้ข้อควรระวัง กำลังเสี่ยงกับ “ภาวะไตวายเรื้อรัง” และ “แผลในกระเพาะอาหาร” โดยไม่รู้ตัวครับ 💥
💡 ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs คืออะไร
NSAIDs ย่อมาจาก Non-Steroidal Anti-Inflammatory Drugs
เป็นยาลดปวด ลดอักเสบ และลดบวม ที่แพทย์ใช้รักษาอาการปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ หรือปวดจากการอักเสบต่าง ๆ เช่น ข้อเข่าเสื่อม ข้ออักเสบรูมาตอยด์ ปวดหลัง หรือปวดฟัน
ชื่อยาที่คนทั่วไปคุ้นเคย เช่น 👇
- Diclofenac (ไดโคลฟีแนค)
- Ibuprofen (ไอบูโพรเฟน)
- Naproxen (นาโพรเซน)
- Celecoxib, Etoricoxib (เซเลค็อกซิบ, อีโทริค็อกซิบ)
✅ ยากลุ่มนี้ “ดีและมีประโยชน์มาก” เมื่อใช้ถูกขนาด ถูกเวลา และอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์
⚠️ แต่ทำไมยากลุ่มนี้ถึงเป็นอันตรายได้
เพราะยากลุ่ม NSAIDs มีฤทธิ์ “ลดการอักเสบ” โดยยับยั้งเอนไซม์ที่ชื่อ COX (Cyclooxygenase)
ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสร้างสารที่ชื่อว่า Prostaglandin ที่มีหน้าที่ทั้ง “ลดอักเสบ” และ “ปกป้องอวัยวะภายใน” ไปพร้อมกัน
เมื่อเรากินยานี้เข้าไป:
- การอักเสบจะลดลง (ดี ✅)
- แต่การไหลเวียนเลือดที่ไตและเยื่อบุกระเพาะอาหารก็ลดลงด้วย (ไม่ดี ❌)
นั่นคือเหตุผลว่า “ทำไมยานี้ถึงกินแล้วไตพัง หรือกระเพาะทะลุได้” ถ้าใช้ไม่ถูกวิธีครับ
🧠 ผลข้างเคียงสำคัญที่ต้องระวัง
1. ไตเสื่อม – ไตวาย
ยาจะลดเลือดไปเลี้ยงที่ไต ทำให้การกรองของเสียลดลง โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือกินยาขับปัสสาวะอยู่แล้ว
2. แผลในกระเพาะอาหาร
ยาจะลดเยื่อบุที่เคลือบกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดกรดกัดกระเพาะ → ปวดท้อง คลื่นไส้ หรือรุนแรงถึงขั้น “กระเพาะทะลุและเลือดออกในกระเพาะอาหาร” ได้
3. หัวใจและความดันโลหิตสูง
ยากลุ่ม NSAIDs บางตัวอาจเพิ่มความดันโลหิต และเสี่ยงหัวใจขาดเลือด โดยเฉพาะในคนที่มีโรคหัวใจเดิม
❗️ดังนั้น การกินยาเหล่านี้นานเกิน 5–7 วันโดยไม่อยู่ในความดูแลของแพทย์ ถือว่าเสี่ยงครับ
🩺 ใครบ้างที่ควรระวังเป็นพิเศษ
- ผู้ที่มี โรคไต เบาหวาน หรือความดันโลหิตสูง
- ผู้ที่อายุ มากกว่า 60 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่เคยมี แผลในกระเพาะอาหาร
- ผู้ที่ใช้ ยาขับปัสสาวะ หรือยาลดความดัน
- ผู้ที่มี โรคหัวใจ หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ
ถ้าเข้ากลุ่มนี้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา NSAIDs ทุกครั้ง
💊 ใช้อย่างไรให้ปลอดภัย
1. ใช้เท่าที่จำเป็น และระยะเวลาสั้นที่สุด
เช่น ปวดจากข้ออักเสบเฉียบพลัน กินเพียง 3–5 วันก็พอ ไม่ควรกินต่อเนื่องเป็นเดือน
2. กินหลังอาหารทันที พร้อมน้ำเปล่ามาก ๆ
ห้ามกินขณะท้องว่าง และหลีกเลี่ยงน้ำชา กาแฟ หรือแอลกอฮอล์ร่วมด้วย เพราะเพิ่มความเป็นกรดในกระเพาะ
3. อย่ากินร่วมกันหลายตัว
เช่น Diclofenac กับ Ibuprofen เป็นยากลุ่มเดียวกัน → กินซ้ำกันจะยิ่งเพิ่มพิษต่อไตและกระเพาะ
4. ถ้ามีโรคไตหรือเบาหวาน ควรตรวจเลือดก่อนใช้
แพทย์จะดูค่าการทำงานของไต (Creatinine / eGFR) ก่อนให้ยา เพื่อความปลอดภัย
5. ถ้าปวดบ่อย ควรหาสาเหตุ ไม่ใช่กินยาซ้ำ
เช่น ถ้าเป็นข้อเสื่อม ควรรักษาด้วยกายภาพ ฉีดยาหรือน้ำหล่อข้อเทียมแทนการกินยาไปเรื่อย ๆ
🧃 ทางเลือกอื่นนอกจาก NSAIDs
- ประคบอุ่นหรือเย็น ลดอาการตึงของกล้ามเนื้อ
- กายภาพบำบัด เพื่อเพิ่มการเคลื่อนไหวข้อและลดการอักเสบ
- ออกกำลังกายเบา ๆ เช่น เดินในน้ำ ว่ายน้ำ หรือโยคะ
- ฉีดยาลดอักเสบเฉพาะจุดด้วย Ultrasound ช่วยลดการอักเสบโดยไม่ต้องกินยา
❤️ หมออยากฝากไว้
ยาแก้ปวดข้อกลุ่ม NSAIDs ไม่ได้อันตรายถ้าใช้ถูกวิธี แต่จะกลายเป็นภัยเงียบถ้าซื้อกินเองบ่อย ๆ โดยไม่ตรวจสุขภาพ
✅ ใช้เมื่อจำเป็น ไม่ใช้ต่อเนื่อง
✅ กินหลังอาหาร และดื่มน้ำมาก ๆ
✅ ตรวจไตก่อนถ้ามีโรคประจำตัว
✅ ถ้าปวดบ่อย ควรหาสาเหตุ ไม่ใช่กินยาเรื่อยไป
การรักษาที่ดีไม่ใช่แค่ “หยุดปวดชั่วคราว” แต่คือ “การหายจากสาเหตุจริง” และป้องกันไม่ให้ไตเสียในอนาคตครับ 💙
ผศ.นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์ (หมอเก่ง)
ผู้เชี่ยวชาญโรคกระดูกและข้อ
CR
https://www.facebook.com/share/1BoSuopFmh/?mibextid=wwXIfr
คุณใช้ยากลุ่ม NSAIDs อยู่หรือไม่? 💊
“ปวดข้อ ปวดหลัง นิดหน่อย ก็แค่ซื้อยาแก้ปวดมากินเองได้…”
ประโยคนี้ดูเหมือนจะไม่อันตราย แต่ในความเป็นจริง คนจำนวนมากที่กินยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs ติดต่อกันโดยไม่รู้ข้อควรระวัง กำลังเสี่ยงกับ “ภาวะไตวายเรื้อรัง” และ “แผลในกระเพาะอาหาร” โดยไม่รู้ตัวครับ 💥
💡 ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs คืออะไร
NSAIDs ย่อมาจาก Non-Steroidal Anti-Inflammatory Drugs
เป็นยาลดปวด ลดอักเสบ และลดบวม ที่แพทย์ใช้รักษาอาการปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ หรือปวดจากการอักเสบต่าง ๆ เช่น ข้อเข่าเสื่อม ข้ออักเสบรูมาตอยด์ ปวดหลัง หรือปวดฟัน
ชื่อยาที่คนทั่วไปคุ้นเคย เช่น 👇
- Diclofenac (ไดโคลฟีแนค)
- Ibuprofen (ไอบูโพรเฟน)
- Naproxen (นาโพรเซน)
- Celecoxib, Etoricoxib (เซเลค็อกซิบ, อีโทริค็อกซิบ)
✅ ยากลุ่มนี้ “ดีและมีประโยชน์มาก” เมื่อใช้ถูกขนาด ถูกเวลา และอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์
⚠️ แต่ทำไมยากลุ่มนี้ถึงเป็นอันตรายได้
เพราะยากลุ่ม NSAIDs มีฤทธิ์ “ลดการอักเสบ” โดยยับยั้งเอนไซม์ที่ชื่อ COX (Cyclooxygenase)
ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสร้างสารที่ชื่อว่า Prostaglandin ที่มีหน้าที่ทั้ง “ลดอักเสบ” และ “ปกป้องอวัยวะภายใน” ไปพร้อมกัน
เมื่อเรากินยานี้เข้าไป:
- การอักเสบจะลดลง (ดี ✅)
- แต่การไหลเวียนเลือดที่ไตและเยื่อบุกระเพาะอาหารก็ลดลงด้วย (ไม่ดี ❌)
นั่นคือเหตุผลว่า “ทำไมยานี้ถึงกินแล้วไตพัง หรือกระเพาะทะลุได้” ถ้าใช้ไม่ถูกวิธีครับ
🧠 ผลข้างเคียงสำคัญที่ต้องระวัง
1. ไตเสื่อม – ไตวาย
ยาจะลดเลือดไปเลี้ยงที่ไต ทำให้การกรองของเสียลดลง โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือกินยาขับปัสสาวะอยู่แล้ว
2. แผลในกระเพาะอาหาร
ยาจะลดเยื่อบุที่เคลือบกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดกรดกัดกระเพาะ → ปวดท้อง คลื่นไส้ หรือรุนแรงถึงขั้น “กระเพาะทะลุและเลือดออกในกระเพาะอาหาร” ได้
3. หัวใจและความดันโลหิตสูง
ยากลุ่ม NSAIDs บางตัวอาจเพิ่มความดันโลหิต และเสี่ยงหัวใจขาดเลือด โดยเฉพาะในคนที่มีโรคหัวใจเดิม
❗️ดังนั้น การกินยาเหล่านี้นานเกิน 5–7 วันโดยไม่อยู่ในความดูแลของแพทย์ ถือว่าเสี่ยงครับ
🩺 ใครบ้างที่ควรระวังเป็นพิเศษ
- ผู้ที่มี โรคไต เบาหวาน หรือความดันโลหิตสูง
- ผู้ที่อายุ มากกว่า 60 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่เคยมี แผลในกระเพาะอาหาร
- ผู้ที่ใช้ ยาขับปัสสาวะ หรือยาลดความดัน
- ผู้ที่มี โรคหัวใจ หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ
ถ้าเข้ากลุ่มนี้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา NSAIDs ทุกครั้ง
💊 ใช้อย่างไรให้ปลอดภัย
1. ใช้เท่าที่จำเป็น และระยะเวลาสั้นที่สุด
เช่น ปวดจากข้ออักเสบเฉียบพลัน กินเพียง 3–5 วันก็พอ ไม่ควรกินต่อเนื่องเป็นเดือน
2. กินหลังอาหารทันที พร้อมน้ำเปล่ามาก ๆ
ห้ามกินขณะท้องว่าง และหลีกเลี่ยงน้ำชา กาแฟ หรือแอลกอฮอล์ร่วมด้วย เพราะเพิ่มความเป็นกรดในกระเพาะ
3. อย่ากินร่วมกันหลายตัว
เช่น Diclofenac กับ Ibuprofen เป็นยากลุ่มเดียวกัน → กินซ้ำกันจะยิ่งเพิ่มพิษต่อไตและกระเพาะ
4. ถ้ามีโรคไตหรือเบาหวาน ควรตรวจเลือดก่อนใช้
แพทย์จะดูค่าการทำงานของไต (Creatinine / eGFR) ก่อนให้ยา เพื่อความปลอดภัย
5. ถ้าปวดบ่อย ควรหาสาเหตุ ไม่ใช่กินยาซ้ำ
เช่น ถ้าเป็นข้อเสื่อม ควรรักษาด้วยกายภาพ ฉีดยาหรือน้ำหล่อข้อเทียมแทนการกินยาไปเรื่อย ๆ
🧃 ทางเลือกอื่นนอกจาก NSAIDs
- ประคบอุ่นหรือเย็น ลดอาการตึงของกล้ามเนื้อ
- กายภาพบำบัด เพื่อเพิ่มการเคลื่อนไหวข้อและลดการอักเสบ
- ออกกำลังกายเบา ๆ เช่น เดินในน้ำ ว่ายน้ำ หรือโยคะ
- ฉีดยาลดอักเสบเฉพาะจุดด้วย Ultrasound ช่วยลดการอักเสบโดยไม่ต้องกินยา
❤️ หมออยากฝากไว้
ยาแก้ปวดข้อกลุ่ม NSAIDs ไม่ได้อันตรายถ้าใช้ถูกวิธี แต่จะกลายเป็นภัยเงียบถ้าซื้อกินเองบ่อย ๆ โดยไม่ตรวจสุขภาพ
✅ ใช้เมื่อจำเป็น ไม่ใช้ต่อเนื่อง
✅ กินหลังอาหาร และดื่มน้ำมาก ๆ
✅ ตรวจไตก่อนถ้ามีโรคประจำตัว
✅ ถ้าปวดบ่อย ควรหาสาเหตุ ไม่ใช่กินยาเรื่อยไป
การรักษาที่ดีไม่ใช่แค่ “หยุดปวดชั่วคราว” แต่คือ “การหายจากสาเหตุจริง” และป้องกันไม่ให้ไตเสียในอนาคตครับ 💙
ผศ.นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์ (หมอเก่ง)
ผู้เชี่ยวชาญโรคกระดูกและข้อ
CR https://www.facebook.com/share/1BoSuopFmh/?mibextid=wwXIfr