GULF แจ้งไม่ปิดทางขายหุ้น KBANK ย้ำแผนลงทุนเพื่อประโยชน์ของบริษัท - ผู้ถือหุ้นเป็นหลัก
GULF เผย KBANK ส่งหนังสือขอความร่วมมือไม่ให้ขายหุ้นช่วงซื้อหุ้นคืน
พร้อมย้ำแผนลงทุนใน KBANK เพื่อสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้กับบริษัท-ผู้ถือหุ้นเป็นหลัก ไม่ได้มีส่วนร่วมในการบริหาร
https://www.facebook.com/share/p/17cPTPqbpJ/?mibextid=wwXIfr
ย้อนเหตุการณ์ KBANK เนื้อหอม‼
หลังเช้านี้ GULF ชี้แจง "ผลกระทบต่อบริษัทฯ" จากโครงการซื้อหุ้นคืนของ KBANK ที่ประกาศออกมาเมื่อวันที่ 30 ตุลาที่ผ่านมาในวงเงินไม่เกิน 8,800 ล้านบาท หรือสัดส่วนไม่เกิน 2% ทำเช้านี้ราคาหุ้น KBANK ผันผวน -3 บาท ก่อนจะกลับมาได้ในภาคบ่าย และสามารถปิด +1 บาท เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากความคิดที่แตกต่างของนักลงทุนจึงเกิดความผันผวนระหว่างวัน
เลยอยากจะพาไปย้อนอ่านเหตุการณ์การเข้าซื้อ-ขายของ GULF ซึ่งการเข้ามาของ GULF ในช่วงต้นได้มีการชี้แจงออกมาแล้วว่าเข้ามาเพื่อลงทุน หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือ เข้ามาเพื่อซื้อ-ขาย (เข้า-ออก) เพื่อสร้างผลตอบแทนสูงสุด
GULF เคยเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยหรือมีสัดส่วนน้อยใน KBANK มาก่อนหน้านี้ ซึ่งช่วงเดือนมีนาคม 2567 GULF ถือหุ้น KBANK ประมาณ 20,542,400 หุ้น หรือ 0.87% ต่อมา GULF ได้ทยอยเพิ่มการถือหุ้นใน KBANK อย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2568
จุดที่เริ่มถูกจับตามองคือเมื่อ GULF เข้าถือหุ้น KBANK สัดส่วน 3.25% ติดอันดับผู้ถือหุ้นใหญ่ ประมาณเดือนมีนาคม 2568
เหตุการณ์สำคัญในปี 2568 ช่วงวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 GULF ได้เพิ่มการถือหุ้น ประมาณ 12.51 ล้านหุ้น หรือ 0.53% ส่งผลให้ถือหุ้นรวมกันเป็นประมาณ 5.23%
หลังจากนั้นวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 GULF ได้ขายหุ้น KBANK ออกมาจำนวน 9,145,900 หุ้น หรือ 0.386 % ผ่านตลาดหลักทรัพย์ หลังจากขายแล้ว GULF เหลือถือหุ้นเ 109,607,100 หุ้น หรือ 4.626% (ต่ำ 5%)
ช่วงเดือนมิถุนายน 2568 คาดว่า GULF จะได้รับเงินปันผลจากการถือ KBANK ในราว 274 ล้านบาท 14 ตุลาคม 2568 GULF รายงานต่อ ก.ล.ต. ว่าได้เข้าซื้อหุ้น KBANK จำนวน 5,399,600 หุ้น หรือราวๆ 0.2278 % ในราคาเฉลี่ย 169.50 บาท/หุ้น
หลังการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทำให้ GULF ถือหุ้นรวม 119,149,900 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 5.0288 % ทำให้ติดผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 4 ของ KBANK นั้นเอง
https://www.facebook.com/share/p/1akYh5a4Yz/?mibextid=wwXIfr
GULF บอกซื้อ KBANK มาแล้ว จะขายเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะซื้อมาเพื่อสร้างผลตอบแทน ย้ำทำตามเกณฑ์
GULF เผย KBANK ส่งหนังสือขอความร่วมมือไม่ให้ขายหุ้นช่วงซื้อหุ้นคืน
พร้อมย้ำแผนลงทุนใน KBANK เพื่อสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้กับบริษัท-ผู้ถือหุ้นเป็นหลัก ไม่ได้มีส่วนร่วมในการบริหาร
https://www.facebook.com/share/p/17cPTPqbpJ/?mibextid=wwXIfr
ย้อนเหตุการณ์ KBANK เนื้อหอม‼
หลังเช้านี้ GULF ชี้แจง "ผลกระทบต่อบริษัทฯ" จากโครงการซื้อหุ้นคืนของ KBANK ที่ประกาศออกมาเมื่อวันที่ 30 ตุลาที่ผ่านมาในวงเงินไม่เกิน 8,800 ล้านบาท หรือสัดส่วนไม่เกิน 2% ทำเช้านี้ราคาหุ้น KBANK ผันผวน -3 บาท ก่อนจะกลับมาได้ในภาคบ่าย และสามารถปิด +1 บาท เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากความคิดที่แตกต่างของนักลงทุนจึงเกิดความผันผวนระหว่างวัน
เลยอยากจะพาไปย้อนอ่านเหตุการณ์การเข้าซื้อ-ขายของ GULF ซึ่งการเข้ามาของ GULF ในช่วงต้นได้มีการชี้แจงออกมาแล้วว่าเข้ามาเพื่อลงทุน หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือ เข้ามาเพื่อซื้อ-ขาย (เข้า-ออก) เพื่อสร้างผลตอบแทนสูงสุด
GULF เคยเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยหรือมีสัดส่วนน้อยใน KBANK มาก่อนหน้านี้ ซึ่งช่วงเดือนมีนาคม 2567 GULF ถือหุ้น KBANK ประมาณ 20,542,400 หุ้น หรือ 0.87% ต่อมา GULF ได้ทยอยเพิ่มการถือหุ้นใน KBANK อย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2568
จุดที่เริ่มถูกจับตามองคือเมื่อ GULF เข้าถือหุ้น KBANK สัดส่วน 3.25% ติดอันดับผู้ถือหุ้นใหญ่ ประมาณเดือนมีนาคม 2568
เหตุการณ์สำคัญในปี 2568 ช่วงวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 GULF ได้เพิ่มการถือหุ้น ประมาณ 12.51 ล้านหุ้น หรือ 0.53% ส่งผลให้ถือหุ้นรวมกันเป็นประมาณ 5.23%
หลังจากนั้นวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 GULF ได้ขายหุ้น KBANK ออกมาจำนวน 9,145,900 หุ้น หรือ 0.386 % ผ่านตลาดหลักทรัพย์ หลังจากขายแล้ว GULF เหลือถือหุ้นเ 109,607,100 หุ้น หรือ 4.626% (ต่ำ 5%)
ช่วงเดือนมิถุนายน 2568 คาดว่า GULF จะได้รับเงินปันผลจากการถือ KBANK ในราว 274 ล้านบาท 14 ตุลาคม 2568 GULF รายงานต่อ ก.ล.ต. ว่าได้เข้าซื้อหุ้น KBANK จำนวน 5,399,600 หุ้น หรือราวๆ 0.2278 % ในราคาเฉลี่ย 169.50 บาท/หุ้น
หลังการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทำให้ GULF ถือหุ้นรวม 119,149,900 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 5.0288 % ทำให้ติดผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 4 ของ KBANK นั้นเอง
https://www.facebook.com/share/p/1akYh5a4Yz/?mibextid=wwXIfr