หลังจากรับการรักษาและทนทรมานมากนานหลายปี…
ขอเกริ่นก่อนว่า เรามีอาการผนังกั้นจมูกคดและโพรงจมูกบวมเนื่องจากภูมิแพ้เป็นมานานมาก ทรมานมาก นอนไม่ได้ จมูกตัน อ่อนเพลีย พ่นยาและกินยาก็ดีขึ้นแค่บางช่วง (ซึ่งการรักษาเราได้เขียนไว้ในอีกกระทู้นึงไว้แล้ว Ep1 เป็นการรักษาทั้งหมดของเราก่อนผ่าตัดผนังกั้นจมูกคด) ก่อนหน้าเราได้ไปหาหมอมาหลายที่ ค้นหาข้อมูลในเนต และสอบถามจากรุ่นพี่ที่เป็นภูมิแพ้ด้วย จนสุดท้ายเราไปหาหมอและตัดสินใจผ่าตัดผนังกั้นจมูกคด ที่รพ.ตาหูคอจมูกปิ่นเกล้า กับหมอประกอบเกียรติ หมอใจดีมาก อธิบายอาการและการรักษาและตอบคำถามเราตลอด (เราค่อนข้างถามเยอะ เพราะขี้สงสัยและกังวลมาก ถือเป็นการผ่าตัดใหญ่สุดในชีวิตเราแล้วตอนนั้น แต่ก็คาดหวังว่าจะหายจากอาการที่เป็นแบบนี้สักที) จากที่เราสอบถามหมอ อาการที่เป็นมากน้อยขึ้นอยู่แต่ละบุคคล เราเป็นคนอ้วน นน.ค่อนข้างเยอะ 70-90 กิโล อ้วนสุดในชีวิตแล้ว และก็พบว่าอาการหนักสุดตอนที่เราอ้วนที่สุดในชีวิตนี่แหละ ซึ่งหมอแจ้งว่าการที่เราอ้วนก็มีส่วน เนื้อตรงส่วนโพรงจมูกก็มีเพิ่มขึ้น และเราไม่ได้ออกกำลังกายเลย ไม่ได้ดูแลตัวเองเลยด้วย บวกกับเราเป็นภูมิแพ้และผนังกั้นจมูกคดร่วมด้วย เลยทำให้พอเกิดอาการแพ้ ก็แพ้เยอะ จมูกตัน โพรงจมูกบวมมากกว่าปกติ รวมๆแล้วเหตุผลหลายๆอย่างประกอบกันนั่นเอง
และแล้ววันผ่าตัดก็มาถึง… ตื่นเต้นมาก อย่างที่บอกผ่าตัดใหญ่สุดในชีวิตครั้งแรก พยาบาลให้เรานั่งรถเข็นเข็นเข้าห้องผ่าตัดและนั่งรอคิว เราเป็นคิวถัดไปเพราะหมอมีคิวผ่าตัดก่อนหน้าเราอยู่ด้วย นั่งรอสักพักคนก่อนหน้าเราก็ออกมา เห็นเค้าสลบและพยาบาลเข็นออกไปที่ห้องรอพักฟื้น และพยาบาลก็เรียกชื่อเรา… (ใจมันเต้นแรงมากเหมือนกลอง กลัวมากด้วย ได้แต่ภาวนาบทสวดมนต์และในตอนนั้นก็พยายามข่มใจ สวดผิดถูกไปหมด)
เสียงพยาบาลแว่วมาในหู…
พยาบาล: เชิญเลยค่ะ ขึ้นเตียงได้เลย
เราเดินเข้าไป สิ่งที่เห็นคือมีพยาบาลวุ่นทำไรอยู่สักอย่าง 2 คน เตียงสแตนเลสวางกลางห้อง อากาศในห้องหนาวมาก แว๊บแรกที่แตะเตียง เตียงเย็นมาก เราขึ้นเตียงไป และก็บอกพยาบาลว่า กลัวมากค่ะ เจ็บแน่ๆ เปลี่ยนใจทันไหมค่ะ ใจมันไม่พร้อมแล้ว
พยาบาล: เปลี่ยนใจไม่ทันแล้วนะคะ เจ็บนิดเดียว สู้ๆนะคะ จะได้หายและหายใจออกน้า
เราได้แต่ตอบค่ะ แล้วพยาบาลอีกคนก็เดินมาจับตัวให้นอนลง จัดแจงทุกอย่าง แล้วอีกคนก็ฉีดยาสลบเข้าสายน้ำเกลือ แต่เราไม่มั่นใจว่าพ่นยาสลบด้วยไหม เพราะตอนนั้นมันกลัวมาก แล้วพยาบาลก็ชวนคุย ถามชื่อ อายุ พี่น้อง คุยไปเรื่อยจนเราหลับไปนอนไหนก็ไม่รู้ เหมือนภาพตัดไปเลย มารู้สึกตัวอีกทีก็เจ็บจะแย่แล้ว เจ็บมาก ใครบอกไม่เจ็บเราเถียงขาดใจ เจ็บสุดๆไปเลย ทรมานมาก และตกใจด้วยแหละ เพราะตอนนั้นตาก็ลืมไม่ขึ้น เหมือนมีอะไรทับตา รู้สึกเปลือกตาหนักๆแฉะๆ เราขยี้ตาด้วย ร้องไห้ไปด้วย ร้องแบบฟูมฟายเลยอ่ะ ไม่คิดว่าจะเจ็บขนาดนี้ สงสัยระดับความเจ็บของแต่ละคนไม่เท่ากัน สำหรับเราเจ็บที่สุดในชีวิตละ เราก็ร้องเรียกแม่ๆ จนพยาบาลไปเรียกแม่มาปลอบใจ (พอดีเราติดแม่เรามาก และตอนนั้นอายุยังน้อยยังเรียนมหาลัยอยู่เลย) พอหลังจากนั้น พยาบาลก็สอบถามอาการทุกอย่างก่อนจะพาเราไปห้องพักผู้ป่วย ก็จะมีเจลเย็นแปะที่หน้าผากตลอดเวลา เปลี่ยนให้ตลอดให้เย็นอยู่ตลอดเวลาเพื่อกันเลือดออก มีผ้าก๊อตปิดที่รูจมูกกันเลือดไหลออก และในรูจมูกมีหลอดเหมือนหลอดอ๊อกซิเจนปลาแต่ขนาดใหญ่กว่าน่าจะดามผนังกั้นจมูกไว้ ตอนนั้นไม่ได้หายใจสบายนะคะ มันแน่นจมูกเหมือนอะไรหนักๆมาทับและเจ็บมาก น้ำมูกและเลือดยังไหลตลอด สักพักพยาบาลก็มาสอนวิธีล้างจมูกให้เรา ต้องล้างเช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอนเลยทีเดียว คืนนั้นเราไม่ได้นอนเลย เจ็บมากจนนอนไม่ได้จนเช้า แต่น้องสาวเราก็ชวนเราเล่นเกม ชวนดูหนังจนคืนนั้นผ่านไป วันรุ่งขึ้นก็ได้กลับมาบ้านพร้อมน้ำเกลือเป็นลังและยา ระหว่างกลับบ้าน เจอลูกระนาดหรือหลุมแล้วตกหลุมก็จะรู้สึกเจ็บจมูก ต้องระวังอย่าให้จมูกกระแทรกอะไรอีก หมอนัดครั้งแรก 1 อาทิตย์หลังผ่า ครั้งที่สอง 2 อาทิตย์หลังผ่า ครั้งที่สาม 1 เดือนหลังผ่าและยังมีนัดเรื่อยๆ เราได้ยาแก้ยุบบวมแน่นมากิน เช้า เย็น ครึ่งเม็ด และยาแก้แพ้ รวมถึงยังต้องคอยล้างจมูกตลอดทุกวัน แต่เปลี่ยนจากเดิมวันละ 4 ครั้งเป็น วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น จนล่าสุดคือนัดทุกๆ 3,6 เดือน เราก็สอบถามหมอว่าเราต้องกินยาไปตลอดชีวิตเลยเหรอ หมอบอกว่าไม่ต้องแล้วเราหายแล้ว กินยาต่อเมื่อมีอาการอีกเท่านั้น และให้เราลดนน.รวมถึงออกกำลังกายด้วย
จนตอนนี้ เราผ่าตัดมานานกว่า 4 ปีแล้ว… เราก็ทำตามหมอสั่งอยากเคร่งครัด เราลดนน.และออกกำลังกาย จนผอมลงไปเยอะมาก สุขภาพร่างกายดีขึ้นและแน่นอนอาการภูมิแพ้ยังคงอยู่ มีอาการโพรงจมูกบวมอยู่แต่ไม่ถึงขั้นต้องพ่นยา หรือแทบจะไม่ต้องกินยาเลยด้วยซ้ำ แต่อาจมีบางครั้งที่ต้องกินยาบ้างก็กินยาตามอาการและยาตัวเดิมที่หมอเคยให้ หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้ไปหาหมออีกเลย ไม่ได้ล้างจมูกด้วย ชีวิตดีขึ้นมากหลักผ่าตัดแต่เราคิดว่า สุดท้ายอาการโพรงจมูกบวมมีหลายสาเหตุ เราต้องดูแลร่างกายและสุขภาพตัวเองด้วยระดับนึง ยิ่งเราอ้วนมากเนื้อโพรงจมูกก็จะมีมากขึ้นด้วย อากาศหนาวเย็นแค่ไหน เราก็นอนหลับได้ปกติดี แต่ถ้าฝุ่นเยอะก็จะมีอาการจามและแน่นจมูกมาก ก็ต้องรักษาความสะอาดบ้านที่อยู่อาศัยให้ฝุ่นน้อยลง และตอน pm2.5 สูงๆ เราก็ไม่มีอาการอะไร แค่ใส่หน้ากากป้องกันไว้เท่านั้น เกือบลืมไป ในส่วนของค่าใช้จ่าย ค่าผ่าตัดราคาประมาณ 80,000 บาท และหมอนัดแต่ละครั้งอยู่ที่ประมาณ 1,000-2,500 บาทต่อครั้ง ตอนนั้นเรายังเรียนอยู่มหาลัย ไม่สามารถใช้ประกันได้ นิสัยตอนนี้คือหวงจมูกมาก กลัวอะไรมากระแทรกรุนแรง เพราะถ้ามีอะไรมากระแทรกอีกก็จะทำให้ผนังกั้นจมูกคดได้
ปล. และแล้วอาการโพรงจมูกบวมและตันหนักก็กลับมาในตอนที่เราตั้งท้องได้ประมาณ 11 วีค ต้องไปผ่าตัดเล็กคือจี้โพรงจมูกบวมด้วยคลื่นวิทยุ ไว้มาต่อกันที่ Ep3 นะคะ
Ep1: แชร์ประสบการณ์ การรักษาและอาการผนังกั้นจมูกคดร่วมกับโพรงจมูกบวม (ก่อนผ่าตัดผนังกั้นจมูกคด)
https://pantip.com/topic/43816697?sc=KPfBfGX
แชร์ประสบการณ์ ผ่าตัดผนังกั้นจมูกคดมา 4 ปีกว่า (Ep2)
ขอเกริ่นก่อนว่า เรามีอาการผนังกั้นจมูกคดและโพรงจมูกบวมเนื่องจากภูมิแพ้เป็นมานานมาก ทรมานมาก นอนไม่ได้ จมูกตัน อ่อนเพลีย พ่นยาและกินยาก็ดีขึ้นแค่บางช่วง (ซึ่งการรักษาเราได้เขียนไว้ในอีกกระทู้นึงไว้แล้ว Ep1 เป็นการรักษาทั้งหมดของเราก่อนผ่าตัดผนังกั้นจมูกคด) ก่อนหน้าเราได้ไปหาหมอมาหลายที่ ค้นหาข้อมูลในเนต และสอบถามจากรุ่นพี่ที่เป็นภูมิแพ้ด้วย จนสุดท้ายเราไปหาหมอและตัดสินใจผ่าตัดผนังกั้นจมูกคด ที่รพ.ตาหูคอจมูกปิ่นเกล้า กับหมอประกอบเกียรติ หมอใจดีมาก อธิบายอาการและการรักษาและตอบคำถามเราตลอด (เราค่อนข้างถามเยอะ เพราะขี้สงสัยและกังวลมาก ถือเป็นการผ่าตัดใหญ่สุดในชีวิตเราแล้วตอนนั้น แต่ก็คาดหวังว่าจะหายจากอาการที่เป็นแบบนี้สักที) จากที่เราสอบถามหมอ อาการที่เป็นมากน้อยขึ้นอยู่แต่ละบุคคล เราเป็นคนอ้วน นน.ค่อนข้างเยอะ 70-90 กิโล อ้วนสุดในชีวิตแล้ว และก็พบว่าอาการหนักสุดตอนที่เราอ้วนที่สุดในชีวิตนี่แหละ ซึ่งหมอแจ้งว่าการที่เราอ้วนก็มีส่วน เนื้อตรงส่วนโพรงจมูกก็มีเพิ่มขึ้น และเราไม่ได้ออกกำลังกายเลย ไม่ได้ดูแลตัวเองเลยด้วย บวกกับเราเป็นภูมิแพ้และผนังกั้นจมูกคดร่วมด้วย เลยทำให้พอเกิดอาการแพ้ ก็แพ้เยอะ จมูกตัน โพรงจมูกบวมมากกว่าปกติ รวมๆแล้วเหตุผลหลายๆอย่างประกอบกันนั่นเอง
และแล้ววันผ่าตัดก็มาถึง… ตื่นเต้นมาก อย่างที่บอกผ่าตัดใหญ่สุดในชีวิตครั้งแรก พยาบาลให้เรานั่งรถเข็นเข็นเข้าห้องผ่าตัดและนั่งรอคิว เราเป็นคิวถัดไปเพราะหมอมีคิวผ่าตัดก่อนหน้าเราอยู่ด้วย นั่งรอสักพักคนก่อนหน้าเราก็ออกมา เห็นเค้าสลบและพยาบาลเข็นออกไปที่ห้องรอพักฟื้น และพยาบาลก็เรียกชื่อเรา… (ใจมันเต้นแรงมากเหมือนกลอง กลัวมากด้วย ได้แต่ภาวนาบทสวดมนต์และในตอนนั้นก็พยายามข่มใจ สวดผิดถูกไปหมด)
เสียงพยาบาลแว่วมาในหู…
พยาบาล: เชิญเลยค่ะ ขึ้นเตียงได้เลย
เราเดินเข้าไป สิ่งที่เห็นคือมีพยาบาลวุ่นทำไรอยู่สักอย่าง 2 คน เตียงสแตนเลสวางกลางห้อง อากาศในห้องหนาวมาก แว๊บแรกที่แตะเตียง เตียงเย็นมาก เราขึ้นเตียงไป และก็บอกพยาบาลว่า กลัวมากค่ะ เจ็บแน่ๆ เปลี่ยนใจทันไหมค่ะ ใจมันไม่พร้อมแล้ว
พยาบาล: เปลี่ยนใจไม่ทันแล้วนะคะ เจ็บนิดเดียว สู้ๆนะคะ จะได้หายและหายใจออกน้า
เราได้แต่ตอบค่ะ แล้วพยาบาลอีกคนก็เดินมาจับตัวให้นอนลง จัดแจงทุกอย่าง แล้วอีกคนก็ฉีดยาสลบเข้าสายน้ำเกลือ แต่เราไม่มั่นใจว่าพ่นยาสลบด้วยไหม เพราะตอนนั้นมันกลัวมาก แล้วพยาบาลก็ชวนคุย ถามชื่อ อายุ พี่น้อง คุยไปเรื่อยจนเราหลับไปนอนไหนก็ไม่รู้ เหมือนภาพตัดไปเลย มารู้สึกตัวอีกทีก็เจ็บจะแย่แล้ว เจ็บมาก ใครบอกไม่เจ็บเราเถียงขาดใจ เจ็บสุดๆไปเลย ทรมานมาก และตกใจด้วยแหละ เพราะตอนนั้นตาก็ลืมไม่ขึ้น เหมือนมีอะไรทับตา รู้สึกเปลือกตาหนักๆแฉะๆ เราขยี้ตาด้วย ร้องไห้ไปด้วย ร้องแบบฟูมฟายเลยอ่ะ ไม่คิดว่าจะเจ็บขนาดนี้ สงสัยระดับความเจ็บของแต่ละคนไม่เท่ากัน สำหรับเราเจ็บที่สุดในชีวิตละ เราก็ร้องเรียกแม่ๆ จนพยาบาลไปเรียกแม่มาปลอบใจ (พอดีเราติดแม่เรามาก และตอนนั้นอายุยังน้อยยังเรียนมหาลัยอยู่เลย) พอหลังจากนั้น พยาบาลก็สอบถามอาการทุกอย่างก่อนจะพาเราไปห้องพักผู้ป่วย ก็จะมีเจลเย็นแปะที่หน้าผากตลอดเวลา เปลี่ยนให้ตลอดให้เย็นอยู่ตลอดเวลาเพื่อกันเลือดออก มีผ้าก๊อตปิดที่รูจมูกกันเลือดไหลออก และในรูจมูกมีหลอดเหมือนหลอดอ๊อกซิเจนปลาแต่ขนาดใหญ่กว่าน่าจะดามผนังกั้นจมูกไว้ ตอนนั้นไม่ได้หายใจสบายนะคะ มันแน่นจมูกเหมือนอะไรหนักๆมาทับและเจ็บมาก น้ำมูกและเลือดยังไหลตลอด สักพักพยาบาลก็มาสอนวิธีล้างจมูกให้เรา ต้องล้างเช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอนเลยทีเดียว คืนนั้นเราไม่ได้นอนเลย เจ็บมากจนนอนไม่ได้จนเช้า แต่น้องสาวเราก็ชวนเราเล่นเกม ชวนดูหนังจนคืนนั้นผ่านไป วันรุ่งขึ้นก็ได้กลับมาบ้านพร้อมน้ำเกลือเป็นลังและยา ระหว่างกลับบ้าน เจอลูกระนาดหรือหลุมแล้วตกหลุมก็จะรู้สึกเจ็บจมูก ต้องระวังอย่าให้จมูกกระแทรกอะไรอีก หมอนัดครั้งแรก 1 อาทิตย์หลังผ่า ครั้งที่สอง 2 อาทิตย์หลังผ่า ครั้งที่สาม 1 เดือนหลังผ่าและยังมีนัดเรื่อยๆ เราได้ยาแก้ยุบบวมแน่นมากิน เช้า เย็น ครึ่งเม็ด และยาแก้แพ้ รวมถึงยังต้องคอยล้างจมูกตลอดทุกวัน แต่เปลี่ยนจากเดิมวันละ 4 ครั้งเป็น วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น จนล่าสุดคือนัดทุกๆ 3,6 เดือน เราก็สอบถามหมอว่าเราต้องกินยาไปตลอดชีวิตเลยเหรอ หมอบอกว่าไม่ต้องแล้วเราหายแล้ว กินยาต่อเมื่อมีอาการอีกเท่านั้น และให้เราลดนน.รวมถึงออกกำลังกายด้วย
จนตอนนี้ เราผ่าตัดมานานกว่า 4 ปีแล้ว… เราก็ทำตามหมอสั่งอยากเคร่งครัด เราลดนน.และออกกำลังกาย จนผอมลงไปเยอะมาก สุขภาพร่างกายดีขึ้นและแน่นอนอาการภูมิแพ้ยังคงอยู่ มีอาการโพรงจมูกบวมอยู่แต่ไม่ถึงขั้นต้องพ่นยา หรือแทบจะไม่ต้องกินยาเลยด้วยซ้ำ แต่อาจมีบางครั้งที่ต้องกินยาบ้างก็กินยาตามอาการและยาตัวเดิมที่หมอเคยให้ หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้ไปหาหมออีกเลย ไม่ได้ล้างจมูกด้วย ชีวิตดีขึ้นมากหลักผ่าตัดแต่เราคิดว่า สุดท้ายอาการโพรงจมูกบวมมีหลายสาเหตุ เราต้องดูแลร่างกายและสุขภาพตัวเองด้วยระดับนึง ยิ่งเราอ้วนมากเนื้อโพรงจมูกก็จะมีมากขึ้นด้วย อากาศหนาวเย็นแค่ไหน เราก็นอนหลับได้ปกติดี แต่ถ้าฝุ่นเยอะก็จะมีอาการจามและแน่นจมูกมาก ก็ต้องรักษาความสะอาดบ้านที่อยู่อาศัยให้ฝุ่นน้อยลง และตอน pm2.5 สูงๆ เราก็ไม่มีอาการอะไร แค่ใส่หน้ากากป้องกันไว้เท่านั้น เกือบลืมไป ในส่วนของค่าใช้จ่าย ค่าผ่าตัดราคาประมาณ 80,000 บาท และหมอนัดแต่ละครั้งอยู่ที่ประมาณ 1,000-2,500 บาทต่อครั้ง ตอนนั้นเรายังเรียนอยู่มหาลัย ไม่สามารถใช้ประกันได้ นิสัยตอนนี้คือหวงจมูกมาก กลัวอะไรมากระแทรกรุนแรง เพราะถ้ามีอะไรมากระแทรกอีกก็จะทำให้ผนังกั้นจมูกคดได้
ปล. และแล้วอาการโพรงจมูกบวมและตันหนักก็กลับมาในตอนที่เราตั้งท้องได้ประมาณ 11 วีค ต้องไปผ่าตัดเล็กคือจี้โพรงจมูกบวมด้วยคลื่นวิทยุ ไว้มาต่อกันที่ Ep3 นะคะ
Ep1: แชร์ประสบการณ์ การรักษาและอาการผนังกั้นจมูกคดร่วมกับโพรงจมูกบวม (ก่อนผ่าตัดผนังกั้นจมูกคด)
https://pantip.com/topic/43816697?sc=KPfBfGX