ควันหลงจาก เวิลด์ซีรีส์ 2025 ระหว่างดอดเจอส์กับบลูเจย์ ที่จบลงด้วยการคว้าแชมป์สองสมัยติดต่อกันเป็นทีมแรกในศตวรรษนี้ (หลังปี 2000 มา) ของ ดอดเจอส์ พร้อมกับที่ พิทเชอร์ ยามาโมโตะ โยะชิโนะบุ ได้รับเลือกให้เป็น MVP ของซีรีส์ ด้วยสถิติ เป็นพิทเชอร์ผู้ชนะ (win) 3 เกม จาก ชัยชนะ 4 เกมของดอดเจอส์ (ซึ่งก็ต้องชนะ 4 อยู่แล้ว เพราะเป็นระบบ แข่ง 7 ใครชนะ 4 ก่อนได้แชมป์)
ในช่วงที่แข่งซีรีส์นี้ มีหลายเกมที่ดอดเจอส์อยู่ในสภาพหลังชนฝา แพ้อีกไม่ได้ และยามาโมโตะก็ได้ลงเป็นพิทเชอร์เปิดเกม (ตัว starter)
ในช่วงนี้ ที่เริ่มมีการเผยแพร่ คำให้สัมภาษณ์ของยามาโมโตะ ที่แปลเป็นภาษาอังกฤษแล้ว บอกว่า "Losing isn't an option" (ไม่มีตัวเลือกของการแพ้ -- ถ้าเทียบกับสำนวนไทย ๆ ก็คงประมาณว่า ไม่มีคำว่าแพ้ในพจนานุกรมของผม อะไรทำนองนั้น) แพร่หลายขึ้นมาในหมู่แฟนเบสบอล จนทีมดอดเจอส์เองจับไปทำสินค้ามาขายซะเลย เช่น เสื้อตัวนี้
สุดท้าย ยิ่งปิดฉากซีรีส์ด้วยชัยชนะของทีม และการได้ MVP ของยามาโมโตะ คำพูดนี้เลยยิ่ง "เท่" และโดนใจแฟน ๆ ยิ่งขึ้น และกลายเป็นภาพลักษณ์อันสูงส่งของยามาโมโตะในฐานะเอสของทีมและตำนานบทใหม่ของทีม
แต่...........
จริง ๆ แล้ว คำพูดนี้ เจ้าตัวไม่ได้กล่าวไว้น่ะสิ!!!
ลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประมาณนี้ครับ
ยามาโมโตะ "何としても負けるわけにはいかないので" แปลว่า "ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม (เกมนี้) เราจะแพ้ไม่ได้ เพราะฉะนั้น..." จริง ๆ เป็นคำให้สัมภาษณ์เชิงถ่อมตนด้วยซ้ำ แบบคนญี่ปุ่น บอกว่า เขาจะพยายามเต็มที่ เพราะไม่ว่ายังไงนัดนี้ก็แพ้ไม่ได้
↓
ล่าม "Losing isn't an option" ไม่มีตัวเลือกที่ว่าแพ้---- คือ มาบืดเบือนตรงคำแปลของล่ามนี่แหละ แล้วคำแปลนี้ก็ถูกบรรดานักข่าวเอาไปลงข่าว เชิงว่า ยามาโมโตะประกาศกร้าว ว่า ถ้าเขาขว้าง จะไม่มีคำว่าแพ้ อะไรทำนองนั้นไป
↓
สโมสรดอดเจอส์ "โห คำให้สัมภาษณ์ของยามาโมโตะจะเท่เกินไปแล้ว" จัดทำเป็นสินค้าขายซะเลย (หลัก ๆ ก็เช่น เสื้อ ตัวข้างบนนี้ เป็นต้น)
↓
ผู้จัดการทีม เดฟ โรเบิร์ตให้สัมภาษณ์ "ยามาโมโตะพูดว่า Losing isn't an option"
↓
เพื่อนร่วมทีม กีเก้ ให้สัมภาษณ์ "ยามาโมโตะพูดว่า Losing isn't an option"
สรุป ก็เลยกลายเป็น คำคมสุดเท่ ที่เจ้าตัวไมได้รู้เรื่องด้วยเลย
ในเสื้อตัวข้างบน จริง ๆ ก็พิมพ์คำกล่าวภาษาญี่ปุ่นต้นฉบับไว้คู่กันด้วยนะ อยู่ด้านล่าง ถ้าใครที่สันทัดภาษาญี่ปุ่นหน่อย จะรู้ว่า คำแปลอังกฤษ "คลาดเคลื่อน" ไปเล็กน้อยแต่อารมณ์ของคำพูดมันไปคนละทางเลย
(ทั้งนี้ เสื้อบางรุ่นก็มีแต่คำพูดภาษาอังกฤษ ไม่มีต้นฉบับญี่ปุ่นกำกับ)
และเรื่องฮา ๆ ก็เกิดขึ้นแบบเงียบ ๆ (เงียบ ๆ คือ รู้กันในหมู่คนญี่ปุ่น) ตอนที่ยามาโมโตะให้สัมภาษณ์หลังเกมที่ 7 ซึ่งเป็นเกมตัดสินแชมป์
นักข่าวท้องถิ่นสาย MLB ถามเป็นภาษาอังกฤษว่า "ยามาโมโตะ คุณเคยกล่าวไว้ว่า "Losing isn't an option" และคุณก็ทำมันได้สำเร็จตามที่พูด คุณมีความเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้ครับ?" (ก็คือ ในเวิลด์ซีรีส์ ยามาโมโตะลงขว้างเปิดเกม 2 ครั้ง ชนะทั้งสองครั้ง และในเกมสุดท้าย ก็ลงมาปิดเกมเป็น closer และก็ทำสำเร็จอีก พร้อมได้สถิติชนะด้วย เพราะทีมมาขึ้นนำในระหว่างที่เขาทำหน้าที่พิทเชอร์อยู่)

ภาพข้างบน จังหวะที่ฟังคำถาม

ภาพนี้ ตอนที่ล่ามแปลแล้ว โดยแปลตามที่นักข่าวถามไว้ ค่อนข้างตรงเลย
"ยามาโมโตะ คุณเคยกล่าวไว้ว่า "Losing isn't an option" และคุณก็ทำมันได้สำเร็จตามที่พูด คุณมีความเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้ครับ?"
ตรง "Losing isn't an option" แปลเป็นญี่ปุ่น คือ 負ける選択肢はない。(คนญี่ปุ่นปกติไม่พูดแบบนี้ มัน "มั่น" เกินไป)
สังเกตสีหน้า ยามาโมโตะ ทำหน้างง "เดี๊ยว ตรูไปพูดแบบนั้นไว้ตอนหนายยยยย"
ล่าม ... (ไม่รู้ล่ะ ตอนนี้มันกลายเป็นว่า "คุณได้พูดไว้" ไปแล้วล่ะ)
แล้วยามาโมโตะ ก็ตอบคำถามของนักข่าวไป แบบงงๆ ต่อ...
สรุปอีกที คนร้ายตัวจริงคือ ล่ามคนนี้นี่แหละ ๕๕๕
ประมาณนี้ครับ
คนที่อยู่อเมริกา ได้เห็นเสื้อนี้กันบ้างไหมครับ?
"Losing isn't an option" (ที่จริงแล้ว) ยามาโมโตะ (ไม่ได้) กล่าวไว้
ในช่วงที่แข่งซีรีส์นี้ มีหลายเกมที่ดอดเจอส์อยู่ในสภาพหลังชนฝา แพ้อีกไม่ได้ และยามาโมโตะก็ได้ลงเป็นพิทเชอร์เปิดเกม (ตัว starter)
ในช่วงนี้ ที่เริ่มมีการเผยแพร่ คำให้สัมภาษณ์ของยามาโมโตะ ที่แปลเป็นภาษาอังกฤษแล้ว บอกว่า "Losing isn't an option" (ไม่มีตัวเลือกของการแพ้ -- ถ้าเทียบกับสำนวนไทย ๆ ก็คงประมาณว่า ไม่มีคำว่าแพ้ในพจนานุกรมของผม อะไรทำนองนั้น) แพร่หลายขึ้นมาในหมู่แฟนเบสบอล จนทีมดอดเจอส์เองจับไปทำสินค้ามาขายซะเลย เช่น เสื้อตัวนี้
สุดท้าย ยิ่งปิดฉากซีรีส์ด้วยชัยชนะของทีม และการได้ MVP ของยามาโมโตะ คำพูดนี้เลยยิ่ง "เท่" และโดนใจแฟน ๆ ยิ่งขึ้น และกลายเป็นภาพลักษณ์อันสูงส่งของยามาโมโตะในฐานะเอสของทีมและตำนานบทใหม่ของทีม
แต่...........
จริง ๆ แล้ว คำพูดนี้ เจ้าตัวไม่ได้กล่าวไว้น่ะสิ!!!
ลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประมาณนี้ครับ
ยามาโมโตะ "何としても負けるわけにはいかないので" แปลว่า "ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม (เกมนี้) เราจะแพ้ไม่ได้ เพราะฉะนั้น..." จริง ๆ เป็นคำให้สัมภาษณ์เชิงถ่อมตนด้วยซ้ำ แบบคนญี่ปุ่น บอกว่า เขาจะพยายามเต็มที่ เพราะไม่ว่ายังไงนัดนี้ก็แพ้ไม่ได้
↓
ล่าม "Losing isn't an option" ไม่มีตัวเลือกที่ว่าแพ้---- คือ มาบืดเบือนตรงคำแปลของล่ามนี่แหละ แล้วคำแปลนี้ก็ถูกบรรดานักข่าวเอาไปลงข่าว เชิงว่า ยามาโมโตะประกาศกร้าว ว่า ถ้าเขาขว้าง จะไม่มีคำว่าแพ้ อะไรทำนองนั้นไป
↓
สโมสรดอดเจอส์ "โห คำให้สัมภาษณ์ของยามาโมโตะจะเท่เกินไปแล้ว" จัดทำเป็นสินค้าขายซะเลย (หลัก ๆ ก็เช่น เสื้อ ตัวข้างบนนี้ เป็นต้น)
↓
ผู้จัดการทีม เดฟ โรเบิร์ตให้สัมภาษณ์ "ยามาโมโตะพูดว่า Losing isn't an option"
↓
เพื่อนร่วมทีม กีเก้ ให้สัมภาษณ์ "ยามาโมโตะพูดว่า Losing isn't an option"
สรุป ก็เลยกลายเป็น คำคมสุดเท่ ที่เจ้าตัวไมได้รู้เรื่องด้วยเลย
ในเสื้อตัวข้างบน จริง ๆ ก็พิมพ์คำกล่าวภาษาญี่ปุ่นต้นฉบับไว้คู่กันด้วยนะ อยู่ด้านล่าง ถ้าใครที่สันทัดภาษาญี่ปุ่นหน่อย จะรู้ว่า คำแปลอังกฤษ "คลาดเคลื่อน" ไปเล็กน้อยแต่อารมณ์ของคำพูดมันไปคนละทางเลย
(ทั้งนี้ เสื้อบางรุ่นก็มีแต่คำพูดภาษาอังกฤษ ไม่มีต้นฉบับญี่ปุ่นกำกับ)
และเรื่องฮา ๆ ก็เกิดขึ้นแบบเงียบ ๆ (เงียบ ๆ คือ รู้กันในหมู่คนญี่ปุ่น) ตอนที่ยามาโมโตะให้สัมภาษณ์หลังเกมที่ 7 ซึ่งเป็นเกมตัดสินแชมป์
นักข่าวท้องถิ่นสาย MLB ถามเป็นภาษาอังกฤษว่า "ยามาโมโตะ คุณเคยกล่าวไว้ว่า "Losing isn't an option" และคุณก็ทำมันได้สำเร็จตามที่พูด คุณมีความเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้ครับ?" (ก็คือ ในเวิลด์ซีรีส์ ยามาโมโตะลงขว้างเปิดเกม 2 ครั้ง ชนะทั้งสองครั้ง และในเกมสุดท้าย ก็ลงมาปิดเกมเป็น closer และก็ทำสำเร็จอีก พร้อมได้สถิติชนะด้วย เพราะทีมมาขึ้นนำในระหว่างที่เขาทำหน้าที่พิทเชอร์อยู่)
ภาพข้างบน จังหวะที่ฟังคำถาม
ภาพนี้ ตอนที่ล่ามแปลแล้ว โดยแปลตามที่นักข่าวถามไว้ ค่อนข้างตรงเลย
"ยามาโมโตะ คุณเคยกล่าวไว้ว่า "Losing isn't an option" และคุณก็ทำมันได้สำเร็จตามที่พูด คุณมีความเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้ครับ?"
ตรง "Losing isn't an option" แปลเป็นญี่ปุ่น คือ 負ける選択肢はない。(คนญี่ปุ่นปกติไม่พูดแบบนี้ มัน "มั่น" เกินไป)
สังเกตสีหน้า ยามาโมโตะ ทำหน้างง "เดี๊ยว ตรูไปพูดแบบนั้นไว้ตอนหนายยยยย"
ล่าม ... (ไม่รู้ล่ะ ตอนนี้มันกลายเป็นว่า "คุณได้พูดไว้" ไปแล้วล่ะ)
แล้วยามาโมโตะ ก็ตอบคำถามของนักข่าวไป แบบงงๆ ต่อ...
สรุปอีกที คนร้ายตัวจริงคือ ล่ามคนนี้นี่แหละ ๕๕๕
ประมาณนี้ครับ
คนที่อยู่อเมริกา ได้เห็นเสื้อนี้กันบ้างไหมครับ?