[รีวิว] VIAIM NANO+ หูฟัง True Wireless เสียงดี เบสนุ่ม ที่ผสานการทำงานของ AI และการแปลได้อย่างยอดเยี่ยม
วันนี้ผมมารีวิวอีกครั้งพร้อมกับหูฟัง True Wireless In-Ear ระดับท็อปของแบรนด์ VIAIM ที่ผมต้องบอกเลยว่ามัน "เกินคำว่าหูฟังไปมาก" ครับ หูฟังตัวนี้คือ VIAIM NANO+ ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุดของแบรนด์นี้เลย (รีวิวยาวหน่อยนะครับ เพราะเค้าฟังก์ชั่นเยอะมาก)
ใครสนใจ สามารถไปกดสั่งซื้อกันได้ครับ link ของทางแบรนด์
Shopee
https://s.shopee.co.th/8fKECyP5Oa
Lazada
https://c.lazada.co.th/t/c.XVuBBV
.
หลายคนอาจจะคิดว่า AI ในหูฟังนี้คงจะช่วยปรับปรุงคุณภาพเสียงให้ดีขึ้นเท่านั้น แต่พอเราไปศึกษาข้อมูลของบริษัท VIAIM ซึ่งอยู่ในเครือเดียวกับ iFLYTEK จากประเทศจีน จะพบว่า AI ของเขาถูกเทรนมาเพื่อการทำงานด้านเทคโนโลยีเสียงและการแปลภาษาโดยเฉพาะครับ ผลงานการันตีความสามารถคือการคว้าแชมป์เทคโนโลยีด้านเสียงในระดับนานาชาติมาถึง 14 ปีซ้อน และเป็นแชมป์เทคโนโลยีระดับโลก 2 ปีติดเลยครับ AI ใน Nano+ จึงมีความสามารถมากกว่าแค่การฟังเพลง แต่สามารถบันทึกเสียง, ถอดเสียงออกมาเป็นข้อความ, แปลภาษาได้แบบ Real-Time, และยังนำข้อความเหล่านั้นมาประมวลผลต่อเพื่อทำสรุป, To-Do List, หรือทำ Mind Map ได้ด้วย นี่คือหูฟัง AI ที่ช่วยคุณทำงานได้จริง ๆ เลยครับ

.
1. ดีไซน์ภายนอกและประสบการณ์การสวมใส่
.
หูฟัง Nano+ ถูกออกแบบมาอย่างสวยงามมากครับ ตัวเคสชาร์จของรุ่นที่ผมได้นำมารีวิวในวันนี้คือ สีเขียว ซึ่งเป็นผิวสัมผัสแบบ ด้าน (Matte) ซึ่งให้ความรู้สึกพรีเมียมและแตกต่างจากอีกสีที่เป็นแบบโครมเงาวับ จุดที่น่าประทับใจคือดีไซน์ของฝาเคสที่ทำเป็นแบบ สไลด์เปิด-ปิด ทำให้เราสามารถสไลด์เปิดปิดเคสได้ง่าย ๆ ด้วยมือเดียว
.
ตัวหูฟังเองเป็นแบบ True Wireless In-Ear ที่มีน้ำหนักเบามากครับ เพียงแค่ 4.9 กรัมต่อข้างเท่านั้น การออกแบบตัวบอดี้ของหูฟังทำเป็นทรงกลม ๆ ป่อง ๆ ซึ่งเมื่อเราสวมใส่เข้าไปในหูแล้ว มันจะไปนั่งอยู่ในแอ่งของใบหูเราพอดีเลยครับ ทำให้การสวมใส่สบาย ไม่รู้สึกอึดอัด สามารถใส่ได้ตลอดทั้งวัน แม้จะเป็นหูฟัง In-Ear ที่มีจุกยาง แต่เขาออกแบบมาไม่ให้มันอุดแน่นจนเกินไป จึงช่วยกั้นเสียงรบกวนได้เล็กน้อย และมีจุก Ear Tip ให้เลือกใช้ถึง 4 ขนาด คือ XS, S, M, และ L โดยขนาด M จะเป็นขนาดมาตรฐานที่ใส่มาให้ นอกจากนี้ หูฟังยังมีความสามารถในการ วัดความกระชับ ของการสวมใส่ได้ด้วยครับ ในเรื่องของความทนทาน Nano+ รองรับมาตรฐาน กันน้ำกันฝุ่นที่ระดับ IPX5 คือสามารถป้องกันละอองน้ำหรือเหงื่อได้

.
2. คุณภาพเสียงและระบบตัดเสียงรบกวน (Audio Quality and ANC)
.
Nano+ ใช้ Dynamic Driver ขนาด 10 มิลลิเมตร ใช้วัสดุผสม Ma-Tai จากญี่ปุ่น ผสมกับวัสดุ PEK (Polyether Ether Ketone) ที่เป็นลิขสิทธิ์ของบริษัทจากอังกฤษ ชุดไดรเวอร์นี้ถูกเน้นให้มี เสียงกลางและเสียงแหลมที่เปิดโล่งและสดใส เบสนุ่มฟังสบาย ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่สำคัญเวลาเราใช้หูฟังในการพูดคุยหรือให้ AI วิเคราะห์เสียง
.
จากที่ผมลองฟังเพลงดู เสียงโดยรวมมีความหนาและพุ่งเล็กน้อย ส่วนเรื่องเสียงเบสมี มวลหนาและมี Impact ค่อนข้างใหญ่ มีความลึกของเบสที่ดี มีความนุ่มฟังสบายมาก แต่ไม่ใช่เบสที่กระชับมากนัก เก็บตัวช้านิดหน่อย ซึ่งผมชอบมากครับ มันดูมีความนิ่มนวลดี ใช้ฟังเพลงทั่วไปสำหรับ music lover คือสมบูรณ์แบบและถูกใจในเสียงมากๆครับ
โดยรวมแล้วเป็นหูฟังที่ฟังเพลงได้สนุก เสียงมาครบทุกย่าน เบสนุ่ม และรองรับ Codec พื้นฐาน 2 ตัว คือ SBC และ AAC
.
ในแง่ของการปรับแต่งเสียง เราสามารถทำผ่านแอปพลิเคชัน VIAIM ได้อย่างละเอียดครับ ตัวแอปมี Preset EQ ให้เลือกถึงหลายรูปแบบ เช่น โหมด Balance, Bass boost, Treble boost, Podcast mode หรือ PUBG mode และถ้ายังไม่ถูกใจ ก็สามารถเข้าไปปรับ Custom EQ ได้อีก เพื่อปรับเสียงให้เป็นไปตามความชอบได้เลยครับ
.
สำหรับระบบตัดเสียงรบกวนและการสื่อสาร หูฟังตัวนี้มีไมโครโฟนมาให้ถึง 3 ตัวต่อข้าง ซึ่งทำงานเป็นระบบ Dual Noise Cancelling ประกอบด้วย Active Noise Canceling (ANC) และ Environment Noise Cancelling (ENC) ระบบ ANC นอกจากนี้ยังมี Transparency Mode หรือโหมดฟังเสียงจากภายนอก ทำให้เราได้ยินสภาพแวดล้อมภายนอกโดยไม่ต้องถอดหูฟัง
.
ในด้านคุณภาพไมโครโฟนสำหรับการสนทนา แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวนมาก ๆ ตัว Nano+ ก็ยังสามารถตรวจจับและกรองเสียงรบกวนได้ดีครับ
.
3. การเชื่อมต่อและพลังงานแบตเตอรี่ (Connectivity and Battery)
.
Nano+ รองรับ Bluetooth เวอร์ชั่น 5.2 และมีฟีเจอร์ Dual Device Connection ที่ช่วยให้สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้พร้อมกัน 2 เครื่อง เช่น มือถือกับคอมพิวเตอร์ และตัวหูฟังจะ สลับไปมาระหว่างอุปกรณ์ที่กำลังเล่นเสียงโดยอัตโนมัติ เราสามารถตั้งค่าการเชื่อมต่อนี้ได้ในแอป VIAIM นอกจากนี้ หูฟังยังสามารถจดจำอุปกรณ์ที่เคยเชื่อมต่อได้มากถึง 8 อุปกรณ์ด้วยกัน สำหรับการเล่นเกม มี Game Mode เพื่อช่วยลดค่าความหน่วง (Latency) แต่ถ้าเป็นเกมที่ต้องการความแม่นยำสูง ยังมีอาการดีเลย์อยู่นิดหน่อยครับ
.
ในด้านแบตเตอรี่ถือว่าใช้งานได้ยาวนานครับ ตัวหูฟังมีแบตเตอรี่ 60 มิลลิแอมป์ต่อข้าง สามารถใช้งานฟังเพลงต่อเนื่องได้นานถึง 12 ชั่วโมง และเมื่อใช้งานร่วมกับเคสชาร์จ (แบตเตอรี่ 500 มิลลิแอมป์) จะสามารถใช้ได้รวมกันสูงสุดถึง 40 ชั่วโมงเลยครับ การชาร์จตัวเคสรองรับทั้งแบบ USB Type-C และการชาร์จแบบ ไร้สาย
.
4. ฟีเจอร์ AI อัจฉริยะสำหรับการทำงาน (Smart AI Features)
.
นี่คือไฮไลต์สำคัญที่ทำให้ Nano+ แตกต่างจากหูฟังทั่วไป เพราะมันมี AI ที่ช่วยในการบันทึก ถอดเสียง แปลภาษา และประมวลผลข้อมูลได้อย่างครบวงจร
.
#### A. Flash Recording: บันทึกด่วนโดยไม่ต้องเปิดแอป
.
ฟีเจอร์นี้ช่วยให้เราสามารถบันทึกเสียงได้ทันทีโดย ไม่ต้องพึ่งโทรศัพท์มือถือ หรือแม้แต่เปิดแอปพลิเคชันขึ้นมาครับ
.
วิธีใช้งาน Flash Recording: เวลาคนโทรเข้ามา หรือต้องการบันทึกเสียงหน้างานแบบเร่งด่วน เราแค่ แตะที่หูฟังข้างใดข้างหนึ่งค้างไว้ หูฟังจะส่งเสียง "ติ๊ง" เพื่อยืนยันว่าเริ่มบันทึกแล้ว ฟังก์ชันนี้สามารถใช้ได้กับการคุยโทรศัพท์ปกติ และการประชุมออนไลน์ผ่านแอป VoIP ต่าง ๆ เช่น Teams, Zoom, Google Meet, Webex, หรือ WhatsApp และจะไม่เกิดการตัดการบันทึก แม้จะมีสายโทรศัพท์จากระบบอื่น ๆ เข้ามาในระหว่างการประชุมออนไลน์ครับ
.
การจัดเก็บ: หูฟัง Nano+ มี หน่วยความจำในตัวขนาด 16MB x2 ทำให้สามารถบันทึกเสียงและการถอดข้อความลงในหูฟังได้โดยตรง สามารถบันทึกได้ข้างละ 2 ชั่วโมง รวมเป็น 4 ชั่วโมง เมื่อบันทึกเสร็จสิ้น เราต้องเปิดแอป VIAIM บนมือถือเพื่อ ดาวน์โหลด (Sync) ไฟล์เสียงและการถอดข้อความลงมาจัดเก็บไว้ในเครื่องครับ
.
#### B. การบันทึกและการแปลแบบ Real-Time ผ่านแอป
.
เมื่อเราเข้าแอป VIAIM แล้วกดที่ปุ่ม "Recording" จะมี 4 ฟังก์ชันหลักให้เลือกใช้ครับ:
.
1. Call Recording (บันทึกการโทร): บันทึกการสนทนาพร้อมถอดเสียง (Transcribe) ออกมาเป็นข้อความ และถ้าคุยกับชาวต่างชาติ เราสามารถเลือก Live Translate เพื่อแปลเป็นภาษาไทยให้เราแบบสด ๆ ได้ด้วย
.
2. Audio and Video Recording (บันทึกสื่อ): ใช้สำหรับบันทึกและถอดเสียงจากสื่อที่กำลังเล่นบนมือถือของเรา ไม่ว่าจะเป็น YouTube, Netflix, หรือคลิปวิดีโอต่าง ๆ ข้อดีคือแอปสามารถทำ Picture in Picture (PiP) ให้กล่องข้อความที่ถอดเสียงและแปลภาษา Floating อยู่บนหน้าจอสื่อที่เรากำลังดูได้
.
3. Live Recording (บันทึกสดหน้างาน): เหมาะสำหรับใช้ในห้องประชุม การเจรจาธุรกิจ หรือการสัมภาษณ์ เราสามารถเปิดฝาเคสแล้ววางหูฟังไว้ในตลับแบบนั้นเลย โดยไม่จำเป็นต้องใส่หูฟังตลอดเวลา เพราะตัวหูฟังสามารถรับเสียงได้ไกลถึง 7 เมตร และ AI สามารถ แยกแยะเสียงของผู้พูดแต่ละคนได้ (Speaker Separation) ในบทถอดข้อความ
.
4. Live Translation and Recording (แปลสด): ใช้สำหรับการแปลแบบเรียลไทม์ในการสื่อสารต่อหน้า
.
#### C. การถอดข้อความและการแปลภาษา
.
ความแม่นยำในการถอดเสียงออกมาเป็นข้อความนั้นค่อนข้างสูงครับ อยู่ในระดับ 98% เลยทีเดียว ถ้าเราพูดชัดเจน Nano+ รองรับการถอดเสียงและการแปลแบบ Real-Time ในชุดเบื้องต้น 9 ภาษา ได้แก่ อังกฤษ ญี่ปุ่น เกาหลี อาหรับ อิตาลี เยอรมัน ฝรั่งเศส สเปน และ ภาษาไทย แม้จะรองรับภาษาไทย แต่ความแม่นยำในการถอดเสียงภาษาไทยจะอยู่ที่ประมาณ 60-70% ในขณะที่ภาษาอังกฤษและภาษาจีนจะมีความแม่นยำสูงกว่าครับ (80-90%) ลองดูจากคลิปตัวอย่างที่ผมโพสไว้ได้ครับ
.
#### D. การวิเคราะห์ข้อมูลด้วย AI (Post-Recording Analysis)
.
เมื่อได้ข้อความจากการถอดเสียงแล้ว AI ยังสามารถนำข้อความนั้นไปประมวลผลต่อเพื่อช่วยในการทำงานของเราได้:
.
1. สรุป (Summary): AI สามารถนำข้อความทั้งหมดไป ทำสรุป ที่จัดหมวดหมู่และตั้งหัวข้อมาให้เสร็จสรรพ ทำให้เราสามารถนำบทสรุปไปทำรายงานต่อได้ทันทีครับ ลองดูตัวอย่างที่ผมบันทึกไว้นะครับ เรื่องฝุ่น pm2.5
.
2. To-Do List: AI สามารถวิเคราะห์ Action Items จากบทสนทนา แล้ว สร้างรายการสิ่งที่ต้องทำ ให้เราติดตามงานได้เลย
.
3. Mind Map: AI สามารถสร้าง แผนที่ความคิด ออกมาเป็นไดอะแกรมที่แสดงหัวข้อหลักและแตกรายละเอียดเป็นหัวข้อย่อย ทำให้การสรุปเข้าใจง่ายยิ่งขึ้น
.
4. Text Live Sharing: หากเรากำลังบันทึกเหตุการณ์สำคัญอยู่ เราสามารถแชร์สิ่งที่เรากำลังบันทึกและแปลอยู่ ให้เพื่อนร่วมงานดูได้แบบ Real-Time ผ่าน Web Link ที่มีรหัสผ่าน
ชมคลิปตัวอย่างได้ทาง
https://www.facebook.com/100001152106440/videos/pcb.25052619051046739/1535305784255906

.
### 5. การตั้งค่า AI และโควต้า
.
ใน AI Settings ในแอป VIAIM เราสามารถเลือกใช้ AI Model ได้ตามความชอบ โดยรุ่น Default คือ ChatGPT 4.1 แต่เราสามารถเลือกเป็น GPT 5, Claude 3.7, Claude Sonnet 4, OpenAI 3, หรือ Gemini 2.5 Pro ก็ได้
.
หากเราซื้อหูฟังมาแล้ว จะได้รับโควต้าการใช้ AI แบบ Basic ฟรี 600 นาทีต่อเดือน สำหรับการถอดข้อความและแปลภาษา ซึ่งโควต้านี้จะรีเซ็ตให้ใหม่ทุกเดือน หาก 600 นาทีไม่เพียงพอ สามารถอัปเกรดเป็นแพ็กเกจ Pro (เพิ่มเป็น 1,800 นาที) หรือ Ultra (Unlimited) นอกจากนี้ หากคุณมีการจ่ายเงินใช้ AI ส่วนตัวอยู่แล้ว ก็สามารถล็อกอินเพื่อเชื่อมต่อและใช้โควต้าของคุณผ่านแอป VIAIM ได้เลยครับ

.
### 6. ฟีเจอร์มาตรฐานอื่น ๆ และข้อสรุป
.
Nano+ ยังมีฟีเจอร์มาตรฐานอย่าง Find My Earbuds ซึ่งหากเราหาหูฟังไม่เจอ เราสามารถใช้แอปพลิเคชันสั่งให้หูฟังทั้งสองข้าง เล่นเสียงดังออกมา เพื่อให้เราหาตำแหน่งได้ นอกจากนี้ยังแสดงตำแหน่งสุดท้ายที่เชื่อมต่อกับแอปได้ด้วย
.
โดยสรุปแล้ว VIAIM NANO+ ตัวนี้เรื่องเสียงทำได้ดีและถูกใจผู้ใช้งานทั่วไปแน่นอนครับ และหูฟังนี้ไม่ได้เป็นแค่หูฟังธรรมดา แต่เขาคือ "ผู้ช่วยส่วนตัว AI" ที่อยู่ในหูของเรา เหมาะกับคนทำงานทุกสายอาชีพ นักเรียน นักศึกษา หรือใครที่ต้องติดต่อสื่อสารกับชาวต่างชาติบ่อย ๆ เพราะมันช่วยจัดการข้อมูลที่ซับซ้อนให้เราได้อย่างรวดเร็วครับ
ใครสนใจ สามารถไปกดสั่งซื้อได้ครับ link ของแบรนด์
Shopee
https://s.shopee.co.th/8fKECyP5Oa
Lazada
https://c.lazada.co.th/t/c.XVuBBV
[รีวิว] VIAIM NANO+ หูฟัง True Wireless เสียงดี เบสนุ่ม ที่ผสานการทำงานของ AI และการแปลได้อย่างยอดเยี่ยม
วันนี้ผมมารีวิวอีกครั้งพร้อมกับหูฟัง True Wireless In-Ear ระดับท็อปของแบรนด์ VIAIM ที่ผมต้องบอกเลยว่ามัน "เกินคำว่าหูฟังไปมาก" ครับ หูฟังตัวนี้คือ VIAIM NANO+ ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุดของแบรนด์นี้เลย (รีวิวยาวหน่อยนะครับ เพราะเค้าฟังก์ชั่นเยอะมาก)
ใครสนใจ สามารถไปกดสั่งซื้อกันได้ครับ link ของทางแบรนด์
Shopee https://s.shopee.co.th/8fKECyP5Oa
Lazada https://c.lazada.co.th/t/c.XVuBBV
.
หลายคนอาจจะคิดว่า AI ในหูฟังนี้คงจะช่วยปรับปรุงคุณภาพเสียงให้ดีขึ้นเท่านั้น แต่พอเราไปศึกษาข้อมูลของบริษัท VIAIM ซึ่งอยู่ในเครือเดียวกับ iFLYTEK จากประเทศจีน จะพบว่า AI ของเขาถูกเทรนมาเพื่อการทำงานด้านเทคโนโลยีเสียงและการแปลภาษาโดยเฉพาะครับ ผลงานการันตีความสามารถคือการคว้าแชมป์เทคโนโลยีด้านเสียงในระดับนานาชาติมาถึง 14 ปีซ้อน และเป็นแชมป์เทคโนโลยีระดับโลก 2 ปีติดเลยครับ AI ใน Nano+ จึงมีความสามารถมากกว่าแค่การฟังเพลง แต่สามารถบันทึกเสียง, ถอดเสียงออกมาเป็นข้อความ, แปลภาษาได้แบบ Real-Time, และยังนำข้อความเหล่านั้นมาประมวลผลต่อเพื่อทำสรุป, To-Do List, หรือทำ Mind Map ได้ด้วย นี่คือหูฟัง AI ที่ช่วยคุณทำงานได้จริง ๆ เลยครับ
.
1. ดีไซน์ภายนอกและประสบการณ์การสวมใส่
.
หูฟัง Nano+ ถูกออกแบบมาอย่างสวยงามมากครับ ตัวเคสชาร์จของรุ่นที่ผมได้นำมารีวิวในวันนี้คือ สีเขียว ซึ่งเป็นผิวสัมผัสแบบ ด้าน (Matte) ซึ่งให้ความรู้สึกพรีเมียมและแตกต่างจากอีกสีที่เป็นแบบโครมเงาวับ จุดที่น่าประทับใจคือดีไซน์ของฝาเคสที่ทำเป็นแบบ สไลด์เปิด-ปิด ทำให้เราสามารถสไลด์เปิดปิดเคสได้ง่าย ๆ ด้วยมือเดียว
.
ตัวหูฟังเองเป็นแบบ True Wireless In-Ear ที่มีน้ำหนักเบามากครับ เพียงแค่ 4.9 กรัมต่อข้างเท่านั้น การออกแบบตัวบอดี้ของหูฟังทำเป็นทรงกลม ๆ ป่อง ๆ ซึ่งเมื่อเราสวมใส่เข้าไปในหูแล้ว มันจะไปนั่งอยู่ในแอ่งของใบหูเราพอดีเลยครับ ทำให้การสวมใส่สบาย ไม่รู้สึกอึดอัด สามารถใส่ได้ตลอดทั้งวัน แม้จะเป็นหูฟัง In-Ear ที่มีจุกยาง แต่เขาออกแบบมาไม่ให้มันอุดแน่นจนเกินไป จึงช่วยกั้นเสียงรบกวนได้เล็กน้อย และมีจุก Ear Tip ให้เลือกใช้ถึง 4 ขนาด คือ XS, S, M, และ L โดยขนาด M จะเป็นขนาดมาตรฐานที่ใส่มาให้ นอกจากนี้ หูฟังยังมีความสามารถในการ วัดความกระชับ ของการสวมใส่ได้ด้วยครับ ในเรื่องของความทนทาน Nano+ รองรับมาตรฐาน กันน้ำกันฝุ่นที่ระดับ IPX5 คือสามารถป้องกันละอองน้ำหรือเหงื่อได้
.
2. คุณภาพเสียงและระบบตัดเสียงรบกวน (Audio Quality and ANC)
.
Nano+ ใช้ Dynamic Driver ขนาด 10 มิลลิเมตร ใช้วัสดุผสม Ma-Tai จากญี่ปุ่น ผสมกับวัสดุ PEK (Polyether Ether Ketone) ที่เป็นลิขสิทธิ์ของบริษัทจากอังกฤษ ชุดไดรเวอร์นี้ถูกเน้นให้มี เสียงกลางและเสียงแหลมที่เปิดโล่งและสดใส เบสนุ่มฟังสบาย ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่สำคัญเวลาเราใช้หูฟังในการพูดคุยหรือให้ AI วิเคราะห์เสียง
.
จากที่ผมลองฟังเพลงดู เสียงโดยรวมมีความหนาและพุ่งเล็กน้อย ส่วนเรื่องเสียงเบสมี มวลหนาและมี Impact ค่อนข้างใหญ่ มีความลึกของเบสที่ดี มีความนุ่มฟังสบายมาก แต่ไม่ใช่เบสที่กระชับมากนัก เก็บตัวช้านิดหน่อย ซึ่งผมชอบมากครับ มันดูมีความนิ่มนวลดี ใช้ฟังเพลงทั่วไปสำหรับ music lover คือสมบูรณ์แบบและถูกใจในเสียงมากๆครับ
โดยรวมแล้วเป็นหูฟังที่ฟังเพลงได้สนุก เสียงมาครบทุกย่าน เบสนุ่ม และรองรับ Codec พื้นฐาน 2 ตัว คือ SBC และ AAC
.
ในแง่ของการปรับแต่งเสียง เราสามารถทำผ่านแอปพลิเคชัน VIAIM ได้อย่างละเอียดครับ ตัวแอปมี Preset EQ ให้เลือกถึงหลายรูปแบบ เช่น โหมด Balance, Bass boost, Treble boost, Podcast mode หรือ PUBG mode และถ้ายังไม่ถูกใจ ก็สามารถเข้าไปปรับ Custom EQ ได้อีก เพื่อปรับเสียงให้เป็นไปตามความชอบได้เลยครับ
.
สำหรับระบบตัดเสียงรบกวนและการสื่อสาร หูฟังตัวนี้มีไมโครโฟนมาให้ถึง 3 ตัวต่อข้าง ซึ่งทำงานเป็นระบบ Dual Noise Cancelling ประกอบด้วย Active Noise Canceling (ANC) และ Environment Noise Cancelling (ENC) ระบบ ANC นอกจากนี้ยังมี Transparency Mode หรือโหมดฟังเสียงจากภายนอก ทำให้เราได้ยินสภาพแวดล้อมภายนอกโดยไม่ต้องถอดหูฟัง
.
ในด้านคุณภาพไมโครโฟนสำหรับการสนทนา แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวนมาก ๆ ตัว Nano+ ก็ยังสามารถตรวจจับและกรองเสียงรบกวนได้ดีครับ
.
3. การเชื่อมต่อและพลังงานแบตเตอรี่ (Connectivity and Battery)
.
Nano+ รองรับ Bluetooth เวอร์ชั่น 5.2 และมีฟีเจอร์ Dual Device Connection ที่ช่วยให้สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้พร้อมกัน 2 เครื่อง เช่น มือถือกับคอมพิวเตอร์ และตัวหูฟังจะ สลับไปมาระหว่างอุปกรณ์ที่กำลังเล่นเสียงโดยอัตโนมัติ เราสามารถตั้งค่าการเชื่อมต่อนี้ได้ในแอป VIAIM นอกจากนี้ หูฟังยังสามารถจดจำอุปกรณ์ที่เคยเชื่อมต่อได้มากถึง 8 อุปกรณ์ด้วยกัน สำหรับการเล่นเกม มี Game Mode เพื่อช่วยลดค่าความหน่วง (Latency) แต่ถ้าเป็นเกมที่ต้องการความแม่นยำสูง ยังมีอาการดีเลย์อยู่นิดหน่อยครับ
.
ในด้านแบตเตอรี่ถือว่าใช้งานได้ยาวนานครับ ตัวหูฟังมีแบตเตอรี่ 60 มิลลิแอมป์ต่อข้าง สามารถใช้งานฟังเพลงต่อเนื่องได้นานถึง 12 ชั่วโมง และเมื่อใช้งานร่วมกับเคสชาร์จ (แบตเตอรี่ 500 มิลลิแอมป์) จะสามารถใช้ได้รวมกันสูงสุดถึง 40 ชั่วโมงเลยครับ การชาร์จตัวเคสรองรับทั้งแบบ USB Type-C และการชาร์จแบบ ไร้สาย
.
4. ฟีเจอร์ AI อัจฉริยะสำหรับการทำงาน (Smart AI Features)
.
นี่คือไฮไลต์สำคัญที่ทำให้ Nano+ แตกต่างจากหูฟังทั่วไป เพราะมันมี AI ที่ช่วยในการบันทึก ถอดเสียง แปลภาษา และประมวลผลข้อมูลได้อย่างครบวงจร
.
#### A. Flash Recording: บันทึกด่วนโดยไม่ต้องเปิดแอป
.
ฟีเจอร์นี้ช่วยให้เราสามารถบันทึกเสียงได้ทันทีโดย ไม่ต้องพึ่งโทรศัพท์มือถือ หรือแม้แต่เปิดแอปพลิเคชันขึ้นมาครับ
.
วิธีใช้งาน Flash Recording: เวลาคนโทรเข้ามา หรือต้องการบันทึกเสียงหน้างานแบบเร่งด่วน เราแค่ แตะที่หูฟังข้างใดข้างหนึ่งค้างไว้ หูฟังจะส่งเสียง "ติ๊ง" เพื่อยืนยันว่าเริ่มบันทึกแล้ว ฟังก์ชันนี้สามารถใช้ได้กับการคุยโทรศัพท์ปกติ และการประชุมออนไลน์ผ่านแอป VoIP ต่าง ๆ เช่น Teams, Zoom, Google Meet, Webex, หรือ WhatsApp และจะไม่เกิดการตัดการบันทึก แม้จะมีสายโทรศัพท์จากระบบอื่น ๆ เข้ามาในระหว่างการประชุมออนไลน์ครับ
.
การจัดเก็บ: หูฟัง Nano+ มี หน่วยความจำในตัวขนาด 16MB x2 ทำให้สามารถบันทึกเสียงและการถอดข้อความลงในหูฟังได้โดยตรง สามารถบันทึกได้ข้างละ 2 ชั่วโมง รวมเป็น 4 ชั่วโมง เมื่อบันทึกเสร็จสิ้น เราต้องเปิดแอป VIAIM บนมือถือเพื่อ ดาวน์โหลด (Sync) ไฟล์เสียงและการถอดข้อความลงมาจัดเก็บไว้ในเครื่องครับ
.
#### B. การบันทึกและการแปลแบบ Real-Time ผ่านแอป
.
เมื่อเราเข้าแอป VIAIM แล้วกดที่ปุ่ม "Recording" จะมี 4 ฟังก์ชันหลักให้เลือกใช้ครับ:
.
1. Call Recording (บันทึกการโทร): บันทึกการสนทนาพร้อมถอดเสียง (Transcribe) ออกมาเป็นข้อความ และถ้าคุยกับชาวต่างชาติ เราสามารถเลือก Live Translate เพื่อแปลเป็นภาษาไทยให้เราแบบสด ๆ ได้ด้วย
.
2. Audio and Video Recording (บันทึกสื่อ): ใช้สำหรับบันทึกและถอดเสียงจากสื่อที่กำลังเล่นบนมือถือของเรา ไม่ว่าจะเป็น YouTube, Netflix, หรือคลิปวิดีโอต่าง ๆ ข้อดีคือแอปสามารถทำ Picture in Picture (PiP) ให้กล่องข้อความที่ถอดเสียงและแปลภาษา Floating อยู่บนหน้าจอสื่อที่เรากำลังดูได้
.
3. Live Recording (บันทึกสดหน้างาน): เหมาะสำหรับใช้ในห้องประชุม การเจรจาธุรกิจ หรือการสัมภาษณ์ เราสามารถเปิดฝาเคสแล้ววางหูฟังไว้ในตลับแบบนั้นเลย โดยไม่จำเป็นต้องใส่หูฟังตลอดเวลา เพราะตัวหูฟังสามารถรับเสียงได้ไกลถึง 7 เมตร และ AI สามารถ แยกแยะเสียงของผู้พูดแต่ละคนได้ (Speaker Separation) ในบทถอดข้อความ
.
4. Live Translation and Recording (แปลสด): ใช้สำหรับการแปลแบบเรียลไทม์ในการสื่อสารต่อหน้า
.
#### C. การถอดข้อความและการแปลภาษา
.
ความแม่นยำในการถอดเสียงออกมาเป็นข้อความนั้นค่อนข้างสูงครับ อยู่ในระดับ 98% เลยทีเดียว ถ้าเราพูดชัดเจน Nano+ รองรับการถอดเสียงและการแปลแบบ Real-Time ในชุดเบื้องต้น 9 ภาษา ได้แก่ อังกฤษ ญี่ปุ่น เกาหลี อาหรับ อิตาลี เยอรมัน ฝรั่งเศส สเปน และ ภาษาไทย แม้จะรองรับภาษาไทย แต่ความแม่นยำในการถอดเสียงภาษาไทยจะอยู่ที่ประมาณ 60-70% ในขณะที่ภาษาอังกฤษและภาษาจีนจะมีความแม่นยำสูงกว่าครับ (80-90%) ลองดูจากคลิปตัวอย่างที่ผมโพสไว้ได้ครับ
.
#### D. การวิเคราะห์ข้อมูลด้วย AI (Post-Recording Analysis)
.
เมื่อได้ข้อความจากการถอดเสียงแล้ว AI ยังสามารถนำข้อความนั้นไปประมวลผลต่อเพื่อช่วยในการทำงานของเราได้:
.
1. สรุป (Summary): AI สามารถนำข้อความทั้งหมดไป ทำสรุป ที่จัดหมวดหมู่และตั้งหัวข้อมาให้เสร็จสรรพ ทำให้เราสามารถนำบทสรุปไปทำรายงานต่อได้ทันทีครับ ลองดูตัวอย่างที่ผมบันทึกไว้นะครับ เรื่องฝุ่น pm2.5
.
2. To-Do List: AI สามารถวิเคราะห์ Action Items จากบทสนทนา แล้ว สร้างรายการสิ่งที่ต้องทำ ให้เราติดตามงานได้เลย
.
3. Mind Map: AI สามารถสร้าง แผนที่ความคิด ออกมาเป็นไดอะแกรมที่แสดงหัวข้อหลักและแตกรายละเอียดเป็นหัวข้อย่อย ทำให้การสรุปเข้าใจง่ายยิ่งขึ้น
.
4. Text Live Sharing: หากเรากำลังบันทึกเหตุการณ์สำคัญอยู่ เราสามารถแชร์สิ่งที่เรากำลังบันทึกและแปลอยู่ ให้เพื่อนร่วมงานดูได้แบบ Real-Time ผ่าน Web Link ที่มีรหัสผ่าน
ชมคลิปตัวอย่างได้ทาง https://www.facebook.com/100001152106440/videos/pcb.25052619051046739/1535305784255906
.
### 5. การตั้งค่า AI และโควต้า
.
ใน AI Settings ในแอป VIAIM เราสามารถเลือกใช้ AI Model ได้ตามความชอบ โดยรุ่น Default คือ ChatGPT 4.1 แต่เราสามารถเลือกเป็น GPT 5, Claude 3.7, Claude Sonnet 4, OpenAI 3, หรือ Gemini 2.5 Pro ก็ได้
.
หากเราซื้อหูฟังมาแล้ว จะได้รับโควต้าการใช้ AI แบบ Basic ฟรี 600 นาทีต่อเดือน สำหรับการถอดข้อความและแปลภาษา ซึ่งโควต้านี้จะรีเซ็ตให้ใหม่ทุกเดือน หาก 600 นาทีไม่เพียงพอ สามารถอัปเกรดเป็นแพ็กเกจ Pro (เพิ่มเป็น 1,800 นาที) หรือ Ultra (Unlimited) นอกจากนี้ หากคุณมีการจ่ายเงินใช้ AI ส่วนตัวอยู่แล้ว ก็สามารถล็อกอินเพื่อเชื่อมต่อและใช้โควต้าของคุณผ่านแอป VIAIM ได้เลยครับ
.
### 6. ฟีเจอร์มาตรฐานอื่น ๆ และข้อสรุป
.
Nano+ ยังมีฟีเจอร์มาตรฐานอย่าง Find My Earbuds ซึ่งหากเราหาหูฟังไม่เจอ เราสามารถใช้แอปพลิเคชันสั่งให้หูฟังทั้งสองข้าง เล่นเสียงดังออกมา เพื่อให้เราหาตำแหน่งได้ นอกจากนี้ยังแสดงตำแหน่งสุดท้ายที่เชื่อมต่อกับแอปได้ด้วย
.
โดยสรุปแล้ว VIAIM NANO+ ตัวนี้เรื่องเสียงทำได้ดีและถูกใจผู้ใช้งานทั่วไปแน่นอนครับ และหูฟังนี้ไม่ได้เป็นแค่หูฟังธรรมดา แต่เขาคือ "ผู้ช่วยส่วนตัว AI" ที่อยู่ในหูของเรา เหมาะกับคนทำงานทุกสายอาชีพ นักเรียน นักศึกษา หรือใครที่ต้องติดต่อสื่อสารกับชาวต่างชาติบ่อย ๆ เพราะมันช่วยจัดการข้อมูลที่ซับซ้อนให้เราได้อย่างรวดเร็วครับ
ใครสนใจ สามารถไปกดสั่งซื้อได้ครับ link ของแบรนด์
Shopee https://s.shopee.co.th/8fKECyP5Oa
Lazada https://c.lazada.co.th/t/c.XVuBBV