ในตอนสุดท้ายของ Baemon House EP8 ซึ่งเป็นตอนสุดท้ายของ Season 1 จะมีซีนที่ให้สมาชิกเขียนจดหมายถึงกันและกัน แต่ Airtime ไม่มากพอที่จะบอกว่าใครเขียนอะไรให้กันบ้าง ก็เลยตัดมาออกเท่าที่เห็น แต่พอดีไปเจอคนแปลเป็นภาษาอังกฤษเอาไว้ อ่านแล้วน่ารักดี เลยอยากเอามาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน เพราะรู้เลยว่าเด็กๆ คงรักกันมากจริงๆ เนื่องจากที่ผ่านมาชีวิตก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่คาดหวัง อุปสรรคเยอะมากระหว่างทางอย่างที่เราๆ ก็รู้กันดี
วันนี้เลยอยากแปะจดหมายเหล่านี้ที่อาจจะไม่ได้อ่านออกอากาศจนหมด แล้วก็สรุปความรู้สึกของตัวผมเองที่ติดตาม Babymonster มาตั้งแต่ Day1 จนถึงวันนี้ ว่ารู้สึกอย่างไรก็เด็กๆ กลุ่มนี้ด้วย
ใครอยากอ่านเฉพาะจดหมายข้ามไปความเห็นที่ 2 3 4 ได้เลยครับ
.
ความรู้สึกส่วนตัว :
การเชียร์ Babymonster สำหรับผมมันเหมือนเราให้กำลังใจลูกๆ หลานๆ เลย เพราะแต่ละคนอายุยังไม่ถึงยี่สิบเลย มีแค่รุกะคนเดียวที่อายุมากกว่า 20 ปี แล้ววงเองเหมือนจะดูประสบความสำเร็จดี แต่ทุกอย่างมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดไว้ ตอนดู Last Evaluation จบ แล้วมโนไปว่าพอเดบิ้วน่าจะติดลมบนได้สบายๆ
แต่อย่างที่รู้กันว่าทุกอย่างมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด และทุกคนต้องพยายามอย่างมากที่จะก้าวผ่านปัญหาเหล่านั้นมาด้วยกัน เพราะรู้ว่าตัวเองแบกความคาดหวังของทั้งค่าย ทีมงาน และแฟนคลับไว้บนบ่าเล็กๆ มากมายขนาดไหน ต้องทุ่มเทกับการฝึก และการทำงานมากมายเพียงใด กว่าจะออกมาเป็นผลลัพธ์ให้เราๆ เห็นกันบนเวที มันคงไม่ได้ผ่านการซ้อมแค่นิดๆ หน่อยแน่นอน คงซ้อมกันหนักมากแน่ๆ ถึงได้ร้อง และเต้นได้อย่างดีมากมายถึงเพียงนี้
และแน่นอนว่าเด็กๆ ไม่เคยทำให้แฟนคลับที่สนับสนุนอยู่ รู้สึกอาย หรือเสียหน้าเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทุกครั้งที่เห็นเด็กๆ แสดงได้ดีบนเวที มันเต็มไปด้วยความภูมิใจเสมอ และรู้ว่าเด็กๆ เองก็พยายามอย่างเต็มที่เช่นกัน
เหมือนที่อายอนพูดในตอนสุดท้ายนะแหละ การใช้ชีวิตเป็นเด็กฝึกมาตั้งแต่เล็กๆ ผ่านทั้งความกดดัน มุ่งมั่นกับการฝึกซ้อม จนแทบไม่มีเวลาให้กับตัวเองและเพื่อนๆ เลย การจะมีวันหยุดก็คงน้อย แล้วก็คงใช้เวลาให้กับตัวเอง พักผ่อนกับตัวเองเสียมากกว่า เพราะการที่จะเก่งได้ขนาดนี้ ทั้งๆ ที่อายุแค่นี้ มันก็ต้องแลกมากับอะไรหลายๆ อย่างเช่นกัน ดังนั้นการได้อยู่ใน Beamon House ก็เหมือนได้พักผ่อน และได้ใช้เวลากับเพื่อนๆ ในวงมากขึ้น เข้าใจ เรียนรู้กันและกันมากขึ้น แค่ได้กินข้าวด้วยกัน นอนด้วยกัน ดูหนัง ดูทีวี เล่นเกมส์ด้วย แค่นี้ก็ทำให้ความผูกพันมันมากขึ้นเยอะ ซึ่งสำคัญมากสำหรับ Girl Group ที่ต้องทำงานด้วยกันไปอีก 7 ปี
ก็หวังว่าเด็กๆ จะมองหาความสุขระหว่างทาง ในระหว่างที่วิ่งกันอย่างเต็มที่แบบนี้ได้มากขึ้นเรื่อยๆ นะ แฟนคลับอย่างพวกเราก็จะสนับสนุนอยู่แบบนี้เรื่อยไป จนกว่าจะไปถึงฝั่งฝันแบบที่รุ่นพี่อย่าง Blackpink ทำได้นะแหละ
.
ปัญหาที่ไม่คาดคิด :
ตอนที่ประกาศว่าจะเดบิ้วด้วยสมาชิก 7 คน ก็คิดว่าน่าจะชิลๆ เพราะสมาชิกแต่ละคนเก่งๆ กันทั้งนั้น แต่แล้วก่อนเดบิ้ว ก็มีปัญหาเรื่องสุขภาพของอายอนขึ้นมา ทำให้การเดบิ้วถูกเลื่อนมาเรื่อยๆ ดูจากสุขภาพร่างกายของอายอนตอนนี้ ที่ก็แข็งแรงดี ผมเชื่อว่าปัญหาในตอนนั้นน่าจะเป็นในส่วนของสุขภาพจิตใจมากกว่าร่างกาย แต่เนื่องด้วยการประกาศในเชิงธุรกิจมาก่อนแล้วว่ามีแผนจะเดบิ้ว Babymosnter ในสิ้นปี 2023 ทำให้ทาง YG ต้องตัดสินใจขั้นสำคัญว่าควรจะทำอย่างไร ระหว่างเลื่อนการเดบิ้วออกไปก่อน แล้วรอให้อายอนกลับมา หรือเลือกจะเดบิ้วเลยด้วยสมาชิก 6 คนที่เหลือ
สุดท้าย YG ก็ตัดสินใจปล่อย Digital Single ออกมา 2 เพลงคือ Batter Up และ Stuck in the middle ในช่วงปลายเดือน พย. 2023 โดยที่ทาง YG ออกแค่เพลงมาอย่างเดียว แต่ไม่โปรโมท ไม่เปิดตัวกับสื่อ ไม่ขึ้นรายการเพลง ไม่ไปรายการวาไรตี้ ไม่ขายอัลบั้ม หรือทำการเปิดตัวอะไรอย่างเป็นทางการเลย โดยบอกว่าเป็นแค่การปล่อยเพลง Pre Debut แบบ Digital Release เท่านั้น เพราะไม่อยากให้คนจำภาพวงในช่วงที่สมาชิกยังไม่ครบ 7 คน ดังนั้นก็เลยทำให้การปล่อยเพลงรอบนี้ไม่นับเป็นการเดบิ้วอย่างเป็นทางการของวง
.
กระแสหลังปล่อยเพลงสองเพลงนี้ ก็ต้องยอมรับกันตามตรงว่าโดนวิจารณ์ค่อนข้างหนักกับผลงานที่ปล่อยมา ว่ามันไม่สมกับที่หลายคนคาดหวัง ถามว่าเด็กๆ รับรู้ถึงกระแสแง่ลบเหล่านี้หรือเปล่า ก็คงรับรู้ การออกเพลงมาแล้วกระแสตอบรับไม่ดี ก็คงกดดันกันมาก แล้วคนที่เด่นที่สุดของวงก็ป่วย แล้วไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ ชีวิตตอนนั้นคงไม่ง่ายเท่าไหร่นัก เหมือนคนที่เตรียมตัวมาอย่างดี แต่พอออกวิ่งแล้วกลับล้ม ไปไม่ถึงเป้าหมายที่คาดหวังเอาไว้
เด็กวัยแค่นี้ เจอปัญหาตั้งแต่ก้าวแรก ก็คงหนักไม่ใช่เล่นเช่นกัน
แต่เพลงที่หลายคนมองว่าไม่ดีพอ ในระยะยาวนั้นยอดวิว และยอด Spotify ก็ถือว่าสูงมากๆ และเป็นเพลงที่เล่นใน Concert ได้สนุกมากที่สุดเพลงหนึ่งเลย บางทีคนทั่วโลก ก็อาจจะไม่ได้เห็นตรงกันกับคนเกาหลีเสมอไป โดยเฉพาะที่ในยุคนี้ที่เพลงไม่ได้อยู่แค่ที่เกาหลี แต่มันกระจายในวงกว้างไปทั่วโลกแล้ว
.
การเดบิ้วอย่างแท้จริงด้วยเพลง SHEESH และสมาชิกครบ 7 คน :
จากนั้นช่วงต้นปี 2024 อายอนก็กลับมาที่สตูได้อีกครั้ง พร้อมกับเพลง SHEESH ที่ทุกคนหวังเอาไว้ว่าทั้งวงจะกลับมายืนในจุดที่ถูกคาดหวังได้สักที
แต่แล้วระหว่างซ้อมเต้นก่อนเดบิ้วไม่นาน ก็มาพบว่ารามิมีอาการปอดรั่วอีก ทำให้ร่างกายไม่แข็งแรงเท่าไหร่ เวลาที่เต้นหนักๆ ก็จะเหนื่อยง่าย และเจ็บบริเวณปอดจนไม่รู้ว่ารามิจะสามารถกลับเข้าวงได้หรือเปล่า สภาพจิตใจตอนนั้นก็คงเครียดกันน่าดู โดยเฉพาะอายอนที่ดูเครียดมาก
แล้วรามิก็กลับมาเดบิ้วด้วยกันได้ในเพลง Sheesh แล้วถือว่าเพลงนี้คือเพลงเดบิ้วของวง แล้วก็ระบุไว้ชัดเจนว่าวันเดบิ้วอย่างเป็นทางการของ Babymonster คือวันที่ 1 เมษายน 2024 ส่วนใครจะมองว่ามันต้องเป็นปลายเดือน พย. ที่ปล่อยเพลง Batter Upอันนี้ก็แล้วแต่จะมอง แต่ทางค่ายและสมาชิกในวงเห็นตรงกันว่าการเดบิ้วของวงคือวันที่ปล่อยเพลง SHEESH พร้อมหน้ากันทั้ง 7 คนนี่แหละ
และเพลงนี้ก็ถือว่าเป็นไปตามที่คาดหวัง ยอดวิว MV พุ่งสูงสุด ถือเป็น MV Debut ที่มียอดวิวสูงที่สุดของวง Kpop และทำยอด Stream ใน Spotify ได้สูงเช่นกัน ส่วนในชาร์ตเกาหลี ก็สามารถไต่ขึ้นมาจนได้อันดับสูงสุดที่ 9 ใน Melon Chart ได้เช่นกัน

.
จากข้อมูลด้านบน จะเห็นได้ว่า Babymonster ก็กลับมาทำผลงานได้ตามที่หลายคนคาดหวัง และบางทีก็อาจจะเกินกว่าที่หลายคนคาดไว้เช่นกัน สำหรับความสำเร็จที่มากขนาดนี้ และการเปิดตัวที่ดีขึ้นมากนี้ ก็ส่งผลให้ค่ายเพิ่มประสบการณ์ใหม่ด้วยการทัวร์คอนเล็กๆ ที่เรียกว่า Fan Meet ซึ่งก็เห็นกันชัดๆ ว่ามันคือ Mini Concert ชัดๆ และก็ประสบความสำเร็จมาก สำหรับวงที่เดบิ้วได้หนึ่งเดือนนิดๆ แต่กลับสามารถทัวร์ Fan Meet ใน Scale ที่ใหญ่พอสมควรเลย โดยเฉพาะที่ญี่ปุ่นคนเข้าไปดูเยอะมาก เป็นหลักฐานสำคัญว่าฐานแฟนคลับในญี่ปุ่นของ BM มีเยอะมากจริงๆ
และนี่ผลงานบนเวทีของวงเริ่มทัวร์หลังเดบิ้วอย่างเป็นทางการได้เพียงแค่หนึ่งเดือนกว่าๆ ร้องสด เต้นเต็มที่ และนี่คือการประกาศว่ามาตรฐานของ Concert ของ BM เป็นอย่างไร

.
Full Album กับการก้าวกระโดดครั้งสำคัญ :
หลังจาก Sheesh ก็มีการปล่อยเพลงช่วง Summer ออกมาหนึ่งเพลง ก็คือ Forever แต่ถ้าในเกาหลีเอง ก็ถือว่าเพลงนี้ไม่ได้ประสบความสำเร็จมากนัก ไม่ติดชาร์ตอะไร โดยหาว่าเพลงเก่า ไม่มีอะไรแปลกใจ แต่เป็นเพลงที่ผมชอบมากๆ เพลงนึงเลย ทุกวันนี้ก็ยังเป็นเสียงเพลงเรียกเข้าหลักของผมอยู่
และเพลงนี้ก็ไม่ต่างกับ Batter UP ที่แม้จะไม่ประสบความสำเร็จในเกาหลี แต่ก็เป็นอีกเพลงที่คนร้องกันใน Concert เยอะมาก เสียงดังมาก และ Performance บนเวทีเวลาแสดงเพลงนี้ก็สนุกเช่นกัน ถ้าใครเคยเข้าไปดูคอนของ BM เพลงนี้ก็เป็นหนึ่งในเพลงไฮไลท์เลย
แล้วจากนั้นวันที่ 1 พย. 2024 วงก็ Comeback กลับมาพร้อม Full Album โดยมีเพลง Title อย่าง Drip เป็นเพลงเปิดตัวที่ทรงพลังมากๆ เช่นกัน แล้วก็ได้กระแสตอบรับอย่างดี แม้ว่าในส่วนของชาร์ตเกาหลีอาจจะต้องใช้เวลาไต่บ้างสักหน่อย แต่สุดท้ายก็ทำอันดับได้สูงสุดที่อันดับ 11 เลย
.
แม้ว่าจะไม่ได้เน้นการโปรโมทในเกาหลีมากนัก ไม่ได้ขึ้นรายการเวทีเพลงครบทุกเวที ขึ้นแค่สัปดาห์ละ 2 เวทีเท่านั้น ไม่ขึ้นเวทีมหาวิทยาลัย (ส่วนมากชนกับตาราง Tour ของวง) และไปร่วมรายการวาไรตี้ต่างๆ น้อยมาก เห็นได้ชัดว่าใช้เวลากับการเน้นการโปรโมทผ่าน Youtube ของช่องตัวเองมากกว่า เพื่อเน้นกระจายฐานแฟนคลับระดับโลก มากกว่าการมุ่งเน้นที่ตลาดเกาหลีเป็นหลักแบบ GG ในเจนเดียวกัน ทำให้กระแสในเกาหลีอาจจะไม่ได้ดีมากนักในช่วงแรกๆ
แต่เมื่อขั้นเวที SBS ปลายปี ก็ทำให้เกาหลีแตก เพราะคนตกใจกับวง Rookie จาก YG ที่ขึ้นแสดงบนเวทีปลายปีเป็นครั้งแรก แต่กลับทำผลงานได้อย่างน่าทึ่งด้วยการร้องสด เต้นสดบนเวที จนเหมือนกลายเป็น Concert ของตัวเอง และทำยอดวิวการแสดงได้สูงสุดในงาน จนทำให้เพลงค่อยๆ ไต่อันดับขึ้นมา จนมาทำอันดับ Peak สุดใน Melon ได้ถึงอันดับ 11
Baemon House จดหมายที่สมาชิกเขียนถึงกัน และเส้นทางของ Babymonster ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน
วันนี้เลยอยากแปะจดหมายเหล่านี้ที่อาจจะไม่ได้อ่านออกอากาศจนหมด แล้วก็สรุปความรู้สึกของตัวผมเองที่ติดตาม Babymonster มาตั้งแต่ Day1 จนถึงวันนี้ ว่ารู้สึกอย่างไรก็เด็กๆ กลุ่มนี้ด้วย
ใครอยากอ่านเฉพาะจดหมายข้ามไปความเห็นที่ 2 3 4 ได้เลยครับ
.
ความรู้สึกส่วนตัว :
การเชียร์ Babymonster สำหรับผมมันเหมือนเราให้กำลังใจลูกๆ หลานๆ เลย เพราะแต่ละคนอายุยังไม่ถึงยี่สิบเลย มีแค่รุกะคนเดียวที่อายุมากกว่า 20 ปี แล้ววงเองเหมือนจะดูประสบความสำเร็จดี แต่ทุกอย่างมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดไว้ ตอนดู Last Evaluation จบ แล้วมโนไปว่าพอเดบิ้วน่าจะติดลมบนได้สบายๆ
แต่อย่างที่รู้กันว่าทุกอย่างมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด และทุกคนต้องพยายามอย่างมากที่จะก้าวผ่านปัญหาเหล่านั้นมาด้วยกัน เพราะรู้ว่าตัวเองแบกความคาดหวังของทั้งค่าย ทีมงาน และแฟนคลับไว้บนบ่าเล็กๆ มากมายขนาดไหน ต้องทุ่มเทกับการฝึก และการทำงานมากมายเพียงใด กว่าจะออกมาเป็นผลลัพธ์ให้เราๆ เห็นกันบนเวที มันคงไม่ได้ผ่านการซ้อมแค่นิดๆ หน่อยแน่นอน คงซ้อมกันหนักมากแน่ๆ ถึงได้ร้อง และเต้นได้อย่างดีมากมายถึงเพียงนี้
และแน่นอนว่าเด็กๆ ไม่เคยทำให้แฟนคลับที่สนับสนุนอยู่ รู้สึกอาย หรือเสียหน้าเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทุกครั้งที่เห็นเด็กๆ แสดงได้ดีบนเวที มันเต็มไปด้วยความภูมิใจเสมอ และรู้ว่าเด็กๆ เองก็พยายามอย่างเต็มที่เช่นกัน
เหมือนที่อายอนพูดในตอนสุดท้ายนะแหละ การใช้ชีวิตเป็นเด็กฝึกมาตั้งแต่เล็กๆ ผ่านทั้งความกดดัน มุ่งมั่นกับการฝึกซ้อม จนแทบไม่มีเวลาให้กับตัวเองและเพื่อนๆ เลย การจะมีวันหยุดก็คงน้อย แล้วก็คงใช้เวลาให้กับตัวเอง พักผ่อนกับตัวเองเสียมากกว่า เพราะการที่จะเก่งได้ขนาดนี้ ทั้งๆ ที่อายุแค่นี้ มันก็ต้องแลกมากับอะไรหลายๆ อย่างเช่นกัน ดังนั้นการได้อยู่ใน Beamon House ก็เหมือนได้พักผ่อน และได้ใช้เวลากับเพื่อนๆ ในวงมากขึ้น เข้าใจ เรียนรู้กันและกันมากขึ้น แค่ได้กินข้าวด้วยกัน นอนด้วยกัน ดูหนัง ดูทีวี เล่นเกมส์ด้วย แค่นี้ก็ทำให้ความผูกพันมันมากขึ้นเยอะ ซึ่งสำคัญมากสำหรับ Girl Group ที่ต้องทำงานด้วยกันไปอีก 7 ปี
ก็หวังว่าเด็กๆ จะมองหาความสุขระหว่างทาง ในระหว่างที่วิ่งกันอย่างเต็มที่แบบนี้ได้มากขึ้นเรื่อยๆ นะ แฟนคลับอย่างพวกเราก็จะสนับสนุนอยู่แบบนี้เรื่อยไป จนกว่าจะไปถึงฝั่งฝันแบบที่รุ่นพี่อย่าง Blackpink ทำได้นะแหละ
.
ปัญหาที่ไม่คาดคิด :
ตอนที่ประกาศว่าจะเดบิ้วด้วยสมาชิก 7 คน ก็คิดว่าน่าจะชิลๆ เพราะสมาชิกแต่ละคนเก่งๆ กันทั้งนั้น แต่แล้วก่อนเดบิ้ว ก็มีปัญหาเรื่องสุขภาพของอายอนขึ้นมา ทำให้การเดบิ้วถูกเลื่อนมาเรื่อยๆ ดูจากสุขภาพร่างกายของอายอนตอนนี้ ที่ก็แข็งแรงดี ผมเชื่อว่าปัญหาในตอนนั้นน่าจะเป็นในส่วนของสุขภาพจิตใจมากกว่าร่างกาย แต่เนื่องด้วยการประกาศในเชิงธุรกิจมาก่อนแล้วว่ามีแผนจะเดบิ้ว Babymosnter ในสิ้นปี 2023 ทำให้ทาง YG ต้องตัดสินใจขั้นสำคัญว่าควรจะทำอย่างไร ระหว่างเลื่อนการเดบิ้วออกไปก่อน แล้วรอให้อายอนกลับมา หรือเลือกจะเดบิ้วเลยด้วยสมาชิก 6 คนที่เหลือ
สุดท้าย YG ก็ตัดสินใจปล่อย Digital Single ออกมา 2 เพลงคือ Batter Up และ Stuck in the middle ในช่วงปลายเดือน พย. 2023 โดยที่ทาง YG ออกแค่เพลงมาอย่างเดียว แต่ไม่โปรโมท ไม่เปิดตัวกับสื่อ ไม่ขึ้นรายการเพลง ไม่ไปรายการวาไรตี้ ไม่ขายอัลบั้ม หรือทำการเปิดตัวอะไรอย่างเป็นทางการเลย โดยบอกว่าเป็นแค่การปล่อยเพลง Pre Debut แบบ Digital Release เท่านั้น เพราะไม่อยากให้คนจำภาพวงในช่วงที่สมาชิกยังไม่ครบ 7 คน ดังนั้นก็เลยทำให้การปล่อยเพลงรอบนี้ไม่นับเป็นการเดบิ้วอย่างเป็นทางการของวง
.
กระแสหลังปล่อยเพลงสองเพลงนี้ ก็ต้องยอมรับกันตามตรงว่าโดนวิจารณ์ค่อนข้างหนักกับผลงานที่ปล่อยมา ว่ามันไม่สมกับที่หลายคนคาดหวัง ถามว่าเด็กๆ รับรู้ถึงกระแสแง่ลบเหล่านี้หรือเปล่า ก็คงรับรู้ การออกเพลงมาแล้วกระแสตอบรับไม่ดี ก็คงกดดันกันมาก แล้วคนที่เด่นที่สุดของวงก็ป่วย แล้วไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ ชีวิตตอนนั้นคงไม่ง่ายเท่าไหร่นัก เหมือนคนที่เตรียมตัวมาอย่างดี แต่พอออกวิ่งแล้วกลับล้ม ไปไม่ถึงเป้าหมายที่คาดหวังเอาไว้
เด็กวัยแค่นี้ เจอปัญหาตั้งแต่ก้าวแรก ก็คงหนักไม่ใช่เล่นเช่นกัน
แต่เพลงที่หลายคนมองว่าไม่ดีพอ ในระยะยาวนั้นยอดวิว และยอด Spotify ก็ถือว่าสูงมากๆ และเป็นเพลงที่เล่นใน Concert ได้สนุกมากที่สุดเพลงหนึ่งเลย บางทีคนทั่วโลก ก็อาจจะไม่ได้เห็นตรงกันกับคนเกาหลีเสมอไป โดยเฉพาะที่ในยุคนี้ที่เพลงไม่ได้อยู่แค่ที่เกาหลี แต่มันกระจายในวงกว้างไปทั่วโลกแล้ว
.
การเดบิ้วอย่างแท้จริงด้วยเพลง SHEESH และสมาชิกครบ 7 คน :
จากนั้นช่วงต้นปี 2024 อายอนก็กลับมาที่สตูได้อีกครั้ง พร้อมกับเพลง SHEESH ที่ทุกคนหวังเอาไว้ว่าทั้งวงจะกลับมายืนในจุดที่ถูกคาดหวังได้สักที
แต่แล้วระหว่างซ้อมเต้นก่อนเดบิ้วไม่นาน ก็มาพบว่ารามิมีอาการปอดรั่วอีก ทำให้ร่างกายไม่แข็งแรงเท่าไหร่ เวลาที่เต้นหนักๆ ก็จะเหนื่อยง่าย และเจ็บบริเวณปอดจนไม่รู้ว่ารามิจะสามารถกลับเข้าวงได้หรือเปล่า สภาพจิตใจตอนนั้นก็คงเครียดกันน่าดู โดยเฉพาะอายอนที่ดูเครียดมาก
แล้วรามิก็กลับมาเดบิ้วด้วยกันได้ในเพลง Sheesh แล้วถือว่าเพลงนี้คือเพลงเดบิ้วของวง แล้วก็ระบุไว้ชัดเจนว่าวันเดบิ้วอย่างเป็นทางการของ Babymonster คือวันที่ 1 เมษายน 2024 ส่วนใครจะมองว่ามันต้องเป็นปลายเดือน พย. ที่ปล่อยเพลง Batter Upอันนี้ก็แล้วแต่จะมอง แต่ทางค่ายและสมาชิกในวงเห็นตรงกันว่าการเดบิ้วของวงคือวันที่ปล่อยเพลง SHEESH พร้อมหน้ากันทั้ง 7 คนนี่แหละ
และเพลงนี้ก็ถือว่าเป็นไปตามที่คาดหวัง ยอดวิว MV พุ่งสูงสุด ถือเป็น MV Debut ที่มียอดวิวสูงที่สุดของวง Kpop และทำยอด Stream ใน Spotify ได้สูงเช่นกัน ส่วนในชาร์ตเกาหลี ก็สามารถไต่ขึ้นมาจนได้อันดับสูงสุดที่ 9 ใน Melon Chart ได้เช่นกัน
.
จากข้อมูลด้านบน จะเห็นได้ว่า Babymonster ก็กลับมาทำผลงานได้ตามที่หลายคนคาดหวัง และบางทีก็อาจจะเกินกว่าที่หลายคนคาดไว้เช่นกัน สำหรับความสำเร็จที่มากขนาดนี้ และการเปิดตัวที่ดีขึ้นมากนี้ ก็ส่งผลให้ค่ายเพิ่มประสบการณ์ใหม่ด้วยการทัวร์คอนเล็กๆ ที่เรียกว่า Fan Meet ซึ่งก็เห็นกันชัดๆ ว่ามันคือ Mini Concert ชัดๆ และก็ประสบความสำเร็จมาก สำหรับวงที่เดบิ้วได้หนึ่งเดือนนิดๆ แต่กลับสามารถทัวร์ Fan Meet ใน Scale ที่ใหญ่พอสมควรเลย โดยเฉพาะที่ญี่ปุ่นคนเข้าไปดูเยอะมาก เป็นหลักฐานสำคัญว่าฐานแฟนคลับในญี่ปุ่นของ BM มีเยอะมากจริงๆ
และนี่ผลงานบนเวทีของวงเริ่มทัวร์หลังเดบิ้วอย่างเป็นทางการได้เพียงแค่หนึ่งเดือนกว่าๆ ร้องสด เต้นเต็มที่ และนี่คือการประกาศว่ามาตรฐานของ Concert ของ BM เป็นอย่างไร
.
Full Album กับการก้าวกระโดดครั้งสำคัญ :
หลังจาก Sheesh ก็มีการปล่อยเพลงช่วง Summer ออกมาหนึ่งเพลง ก็คือ Forever แต่ถ้าในเกาหลีเอง ก็ถือว่าเพลงนี้ไม่ได้ประสบความสำเร็จมากนัก ไม่ติดชาร์ตอะไร โดยหาว่าเพลงเก่า ไม่มีอะไรแปลกใจ แต่เป็นเพลงที่ผมชอบมากๆ เพลงนึงเลย ทุกวันนี้ก็ยังเป็นเสียงเพลงเรียกเข้าหลักของผมอยู่
และเพลงนี้ก็ไม่ต่างกับ Batter UP ที่แม้จะไม่ประสบความสำเร็จในเกาหลี แต่ก็เป็นอีกเพลงที่คนร้องกันใน Concert เยอะมาก เสียงดังมาก และ Performance บนเวทีเวลาแสดงเพลงนี้ก็สนุกเช่นกัน ถ้าใครเคยเข้าไปดูคอนของ BM เพลงนี้ก็เป็นหนึ่งในเพลงไฮไลท์เลย
แล้วจากนั้นวันที่ 1 พย. 2024 วงก็ Comeback กลับมาพร้อม Full Album โดยมีเพลง Title อย่าง Drip เป็นเพลงเปิดตัวที่ทรงพลังมากๆ เช่นกัน แล้วก็ได้กระแสตอบรับอย่างดี แม้ว่าในส่วนของชาร์ตเกาหลีอาจจะต้องใช้เวลาไต่บ้างสักหน่อย แต่สุดท้ายก็ทำอันดับได้สูงสุดที่อันดับ 11 เลย
.
แม้ว่าจะไม่ได้เน้นการโปรโมทในเกาหลีมากนัก ไม่ได้ขึ้นรายการเวทีเพลงครบทุกเวที ขึ้นแค่สัปดาห์ละ 2 เวทีเท่านั้น ไม่ขึ้นเวทีมหาวิทยาลัย (ส่วนมากชนกับตาราง Tour ของวง) และไปร่วมรายการวาไรตี้ต่างๆ น้อยมาก เห็นได้ชัดว่าใช้เวลากับการเน้นการโปรโมทผ่าน Youtube ของช่องตัวเองมากกว่า เพื่อเน้นกระจายฐานแฟนคลับระดับโลก มากกว่าการมุ่งเน้นที่ตลาดเกาหลีเป็นหลักแบบ GG ในเจนเดียวกัน ทำให้กระแสในเกาหลีอาจจะไม่ได้ดีมากนักในช่วงแรกๆ
แต่เมื่อขั้นเวที SBS ปลายปี ก็ทำให้เกาหลีแตก เพราะคนตกใจกับวง Rookie จาก YG ที่ขึ้นแสดงบนเวทีปลายปีเป็นครั้งแรก แต่กลับทำผลงานได้อย่างน่าทึ่งด้วยการร้องสด เต้นสดบนเวที จนเหมือนกลายเป็น Concert ของตัวเอง และทำยอดวิวการแสดงได้สูงสุดในงาน จนทำให้เพลงค่อยๆ ไต่อันดับขึ้นมา จนมาทำอันดับ Peak สุดใน Melon ได้ถึงอันดับ 11