นักวิชาการสองฝั่งที่ใช้งานวิชาการมาจับเรื่องพรมแดนไทย-กัมพูชาและบันทึกความเข้าใจ (MOU)
เทียบเนื้อหาและความน่าเชื่อถือของสองท่านนี้ คุณคิดเห็นอย่างไร
(มีใครได้อ่าน/ดู รายละเอียดจากทั้งสองคนนี้เท่าๆกันมั้ย)
ดร.สุวันชัย ผ่านงานกระทรวง และงานคณะกรรมการ กรรมาธิการ อยู่กับฝ่ายบริหารมาตลอด แม้ไม่ได้ทำงานด้านพรมแดนและกรณีพิพาทโดยตรง แต่ก็นำข้อมูลมาวิเคาะห์นำเสนอได้อย่งาละเอียดและเ)็นขั้นตอน โดยเฉพาะ การวิเคาาะห์ข้อกำหนดสำคัญของ MOU ที่เป็นโทษต่อไทยมากกว่า
แต่ในแวดวงเนื้อหาวิชาการความเห็นของเขาไม่ได้รับการยอมรับทั้งทางนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์
แต่ถูกใจฝั่งอนุรักษ์นิยม
ผศ.อัครพงษ์ นักวิชาการสายตรง ทำวิจัยเรื่องกรณีพิพาทดินแดน นำเอาสนธิสัญญา คำตัดสินศาลกรณีเขาพระวิหาร แผนที่ระวางต่างๆมาอธิบาย ทั้งยัง ชูหลักการว่า MOU คือแนวทางสากลในการแก้ปัญหากรณีพิพาทพรมแดน เป็นหนึ่งในวิถีแห่งอารยะ
แต่เขาคือ"นักวิชาการขายชาติ" ในสายตาใครหลายคนมาโดยตลอด
แต่ถูกใจคนรุ่นใหม่ที่มองเอกสารอ้างอิงและหลักฐานวิชาการ
หัวหอกของทั้งสองฟากฝั่ง
ฝั่งไหน"คม"กว่ากัน																																	
  
							
ดร.สุวันชัย vs ผศ.อัครพงษ์
เทียบเนื้อหาและความน่าเชื่อถือของสองท่านนี้ คุณคิดเห็นอย่างไร
(มีใครได้อ่าน/ดู รายละเอียดจากทั้งสองคนนี้เท่าๆกันมั้ย)
ดร.สุวันชัย ผ่านงานกระทรวง และงานคณะกรรมการ กรรมาธิการ อยู่กับฝ่ายบริหารมาตลอด แม้ไม่ได้ทำงานด้านพรมแดนและกรณีพิพาทโดยตรง แต่ก็นำข้อมูลมาวิเคาะห์นำเสนอได้อย่งาละเอียดและเ)็นขั้นตอน โดยเฉพาะ การวิเคาาะห์ข้อกำหนดสำคัญของ MOU ที่เป็นโทษต่อไทยมากกว่า
แต่ในแวดวงเนื้อหาวิชาการความเห็นของเขาไม่ได้รับการยอมรับทั้งทางนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์
แต่ถูกใจฝั่งอนุรักษ์นิยม
ผศ.อัครพงษ์ นักวิชาการสายตรง ทำวิจัยเรื่องกรณีพิพาทดินแดน นำเอาสนธิสัญญา คำตัดสินศาลกรณีเขาพระวิหาร แผนที่ระวางต่างๆมาอธิบาย ทั้งยัง ชูหลักการว่า MOU คือแนวทางสากลในการแก้ปัญหากรณีพิพาทพรมแดน เป็นหนึ่งในวิถีแห่งอารยะ
แต่เขาคือ"นักวิชาการขายชาติ" ในสายตาใครหลายคนมาโดยตลอด
แต่ถูกใจคนรุ่นใหม่ที่มองเอกสารอ้างอิงและหลักฐานวิชาการ
หัวหอกของทั้งสองฟากฝั่ง
ฝั่งไหน"คม"กว่ากัน