สวัสดีค่ะแม่ๆ ห้องชานเรือน
ขออนุญาตมาตั้งกระทู้รีวิว+แชร์ประสบการณ์นะคะ เพราะตอนที่หาข้อมูลก็เข้ามาส่องในนี้บ่อยมากๆ วันนี้เลยอยากมาแชร์แบ่งประสบการณ์ เผื่อมีแม่คนไหนเป็นเหมือนกันจะได้เป็นประโยชน์บ้าง ตอนนี้ลูกชาย 2 ขวบนิดๆค่ะ บ้านเราตั้งใจจะให้เข้าโรงเรียนตอนประมาณ 3 ขวบ แม่ก็คิดเยอะ กังวล กลัวว่าลูกจะเป็นยังไงถ้าจะต้องห่างแม่ไปรร. ลูกจะปรับตัวได้ไหม จะไหวรึเปล่านะ แม่ก็เลยเริ่มมองหาโรงเรียนเสริมพัฒนาการ หรือ Playgroup เพื่อจะช่วยเตรียมความพร้อมให้ลูกเวลาเข้าโรงเรียน ตอนนั้นสำหรับแม่โจทย์คือ นอกจากเตรียมความพร้อมให้ลูกแล้วก็อยากให้ลูกได้มีกิจกรรมอะไรทำที่สนุกไปด้วย
ตอนแรกที่หาข้อมูล ก็มีตัวเลือกเยอะเลย แต่แม่ก็มีเลือกๆไว้ในใจประมาณนี้ค่ะ
- แนว Gymboree: ชอบที่เน้นเล่นสนุก ปลดปล่อยพลัง แต่ก็แอบกังวลว่าจะวิชาการไม่พอสำหรับเป้าหมายของเรา
- แนว Shichida： ชอบที่ดูวิชาการจ๋าๆ ฝึกสมอง แต่ก็กลัวจะเคร่งเครียดไปสำหรับเด็กวัยนี้ กลัวลูกจะแอนตี้การเรียนไปเลย
ทีนี้มีคนมาแนะนำ Babysensory ว่าอยู่กึ่งกลางระหว่างสองแนวนี้และช่วยเตรียมความพร้อมให้ลูกก่อนเข้าโรงเรียนแรก ตอนแรกที่เห็นราคาก็แอบตกใจนิดนึงค่ะ คือต้องยอมรับว่าโรงเรียนแนวๆนี้ ราคาแต่ละที่ไม่เบาเลยและคำถามในใจคือ "มันจะต่างจาก Playgroup ที่อื่นยังไง? แล้วคุ้มค่าจริงๆเหรอ"
ก็เลยพาลูกไปทดลองเรียน เอาจริงๆนะคะ วันแรกที่น้องไปทดลองเรียน น้องก็ดูงงๆ และเกาะแม่แน่นตลอดเลยค่ะ แม่ก็เข้าใจว่าเด็กเล็กอาจจะต้องใช้เวลาค่อยๆปรับตัว แม่เลยลงคอร์สเล็กๆเพื่อลองดูก่อน หลังจากที่เรียนแล้ว แม่เลยอยากจะมาแชร์ให้ฟังในมุมมองของ "คุณแม่คิดเยอะ" คนหนึ่งค่ะ
สิ่งที่ค้นพบและประทับใจมากๆคือ
1. เด็กไม่ได้แค่เล่นอย่างเดียว แต่ทิชเชอร์สอนแนวการเล่นที่มีเป้าหมาย อันนี้ชัดเจนมากค่ะ ทุกกิจกรรมที่ดูเหมือนสนุก มันมีเป้าหมายซ่อนอยู่เสมอ เช่น กิจกรรมตักถั่วสีๆ ก็เพื่อฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็ก กิจกรรมสร้างหอคอย ก็เพื่อสอนเรื่องการแก้ปัญหา ทิชเชอร์จะบอกก่อนว่ากิจกรรมทำเพื่ออะไร เราจะรู้เลยว่าทุกอย่างถูกออกแบบมาไม่ใช่แค่เล่นไปเรื่อยๆ
2. เปลี่ยนธีมทุกสัปดาห์ อันนี้นอกจากลูกจะไม่เบื่อแล้ว แม่ก็เหมือนได้เล่นกิจกรรมสนุกๆไปพร้อมกับลูกด้วย นี่คือจุดที่แม่ว่าต่างจากที่อื่นชัดเจนค่ะ สัปดาห์นี้เป็นนักดับเพลิง สัปดาห์หน้าเป็นนักสำรวจไดโนเสาร์ ทำให้ลูกตื่นเต้นตลอด ลูกจะถามตลอดก่อนไปเรียนว่าจะไปเล่น (เรียน)อะไร แม่มองว่ามันช่วยเปิดโลกให้กับเด็ก และช่วยสอนเรื่องการปรับตัวได้ดีมากๆค่ะ
3. Sensory play แบบที่บ้านให้ไม่ได้ อันนี้คือที่สุดค่ะบอกเลย แม่ยอมรับว่าที่บ้านเราทำให้ลูกแบบนี้ไม่ได้จริงๆ ถ้าบ้านไหนไม่ชอบให้บ้านเลอะ เหนื่อยกับการเตรียมของเยอะให้ลูกเล่น แม่ว่าที่นี่ตอบโจทย์มากๆค่ะ ที่นี่คือ ปล่อยให้ลูกได้สำรวจเต็มที่ ขยำสี คลุกแป้ง แม่รู้สึกว่ามันช่วยปลดปล่อยและกระตุ้นพัฒนาการสมองของลูกได้ดีมากจริงๆค่ะ ที่สำคัญช่วยเบาแรงแม่ไม่ต้องเหนื่อยล้างและเก็บของเองด้วยค่า 555
4. ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดจากเด็กที่ติดแม่และขี้อายเวลาเจอคนเยอะๆในตอนแรก ตอนนี้แม่เห็นลูกกล้าที่จะพูดมากขึ้น กล้าแสดงออกขึ้น ซึ่งตอนแรกที่พาลูกมาเรียน แม่ก็กังวลมากๆว่าลูกจะโอเคไหม แม่ก็คอยถามทิชเชอร์ตลอด ทิชเชอร์ก็ให้คำแนะนำว่าให้เวลาน้องปรับตัว เดี๋ยวก็จะค่อยๆดีขึ้น ซึ่งตอนนี้แม่ก็เห็นแล้วว่าลูกดีขึ้นจริง น้องเริ่มเรียนรู้กติกาการอยู่ร่วมกับเพื่อนๆในห้องเรียน ซึ่งก็ถือว่านี่คือหัวใจเลยค่ะ บอกเลยว่าการที่เม่ได้มีโอกาสเข้าทำกิจกรรมกับลูก ทำให้แม่ได้เห็นว่ามีกติกาบางอย่างในสังคม ลูกเราจะยังไม่เข้าใจ เช่นช่วงแรกๆลูกยังแย่งของเพื่อน แต่ที่นี่จะคอยสอนให้เด็กๆรู้จักแบ่งปันของให้เพื่อน ซึ่งแม่ก็จะนำสิ่งที่ทิชเชอร์สอน มาสอนน้องที่บ้านต่อด้วยค่ะ
หากบ้านไหนที่เรียนแนววิชาการ อ่านเขียนที่นี่แม่บอกเลยว่าไม่ตอบโจทย์นะคะ ต้องไปทดลองเพื่อหาแนวที่อยากได้ค่ะ อ้ออีกอย่างทิชเชอร์ที่นี่ไม่ใช่ฝรั่งนะคะ หากบ้านไหนต้องการทิชเชอร์แบบ Native ที่นี่ก็ไม่ตอบโจทย์เช่นกันค่ะ แต่ทิชเชอร์ที่นี่น่ารักมากๆๆ เข้าใจเด็กเล็กและใจเย็นมากๆๆๆ
ถ้าถามแม่ว่าคุ้มไหม สำหรับตัวแม่เอง แม่ว่าสำหรับบ้านเราถือว่าตอบโจทย์และคุ้มค่ามากๆค่ะ เหมือนเราลงทุนซื้อความพร้อม ความมั่นใจให้ลูก และที่สำคัญที่สุด คือความสบายใจของแม่เองค่า555
แม่หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังหาข้อมูลอยู่นะคะ มีบ้านไหนเรียนที่นี่ หรือที่อื่น ก็มาแชร์ประสบการณ์กันได้นะคะ ยินดีแลกเปลี่ยนค่า
ตอนนี้แม่ให้ลูกเรียนที่นีคอร์สที่ 2 ละค่ะ กะว่าลูกเข้าโรงเรียนแล้วจะลองพาน้องไปเรียนดนตรีเพิ่ม ไว้จะมาอัพเดทข้อมูลเพื่มให้อีกทีนะคะ
[CR] ฺฺBabysensory ฉบับคุณแม่คิดเยอะว่าคุ้มค่ากับการเตรียมลูกก่อนเข้าโรงเรียนจริงไหม？
ขออนุญาตมาตั้งกระทู้รีวิว+แชร์ประสบการณ์นะคะ เพราะตอนที่หาข้อมูลก็เข้ามาส่องในนี้บ่อยมากๆ วันนี้เลยอยากมาแชร์แบ่งประสบการณ์ เผื่อมีแม่คนไหนเป็นเหมือนกันจะได้เป็นประโยชน์บ้าง ตอนนี้ลูกชาย 2 ขวบนิดๆค่ะ บ้านเราตั้งใจจะให้เข้าโรงเรียนตอนประมาณ 3 ขวบ แม่ก็คิดเยอะ กังวล กลัวว่าลูกจะเป็นยังไงถ้าจะต้องห่างแม่ไปรร. ลูกจะปรับตัวได้ไหม จะไหวรึเปล่านะ แม่ก็เลยเริ่มมองหาโรงเรียนเสริมพัฒนาการ หรือ Playgroup เพื่อจะช่วยเตรียมความพร้อมให้ลูกเวลาเข้าโรงเรียน ตอนนั้นสำหรับแม่โจทย์คือ นอกจากเตรียมความพร้อมให้ลูกแล้วก็อยากให้ลูกได้มีกิจกรรมอะไรทำที่สนุกไปด้วย
ตอนแรกที่หาข้อมูล ก็มีตัวเลือกเยอะเลย แต่แม่ก็มีเลือกๆไว้ในใจประมาณนี้ค่ะ
- แนว Gymboree: ชอบที่เน้นเล่นสนุก ปลดปล่อยพลัง แต่ก็แอบกังวลว่าจะวิชาการไม่พอสำหรับเป้าหมายของเรา
- แนว Shichida： ชอบที่ดูวิชาการจ๋าๆ ฝึกสมอง แต่ก็กลัวจะเคร่งเครียดไปสำหรับเด็กวัยนี้ กลัวลูกจะแอนตี้การเรียนไปเลย
ทีนี้มีคนมาแนะนำ Babysensory ว่าอยู่กึ่งกลางระหว่างสองแนวนี้และช่วยเตรียมความพร้อมให้ลูกก่อนเข้าโรงเรียนแรก ตอนแรกที่เห็นราคาก็แอบตกใจนิดนึงค่ะ คือต้องยอมรับว่าโรงเรียนแนวๆนี้ ราคาแต่ละที่ไม่เบาเลยและคำถามในใจคือ "มันจะต่างจาก Playgroup ที่อื่นยังไง? แล้วคุ้มค่าจริงๆเหรอ"
ก็เลยพาลูกไปทดลองเรียน เอาจริงๆนะคะ วันแรกที่น้องไปทดลองเรียน น้องก็ดูงงๆ และเกาะแม่แน่นตลอดเลยค่ะ แม่ก็เข้าใจว่าเด็กเล็กอาจจะต้องใช้เวลาค่อยๆปรับตัว แม่เลยลงคอร์สเล็กๆเพื่อลองดูก่อน หลังจากที่เรียนแล้ว แม่เลยอยากจะมาแชร์ให้ฟังในมุมมองของ "คุณแม่คิดเยอะ" คนหนึ่งค่ะ
สิ่งที่ค้นพบและประทับใจมากๆคือ
1. เด็กไม่ได้แค่เล่นอย่างเดียว แต่ทิชเชอร์สอนแนวการเล่นที่มีเป้าหมาย อันนี้ชัดเจนมากค่ะ ทุกกิจกรรมที่ดูเหมือนสนุก มันมีเป้าหมายซ่อนอยู่เสมอ เช่น กิจกรรมตักถั่วสีๆ ก็เพื่อฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็ก กิจกรรมสร้างหอคอย ก็เพื่อสอนเรื่องการแก้ปัญหา ทิชเชอร์จะบอกก่อนว่ากิจกรรมทำเพื่ออะไร เราจะรู้เลยว่าทุกอย่างถูกออกแบบมาไม่ใช่แค่เล่นไปเรื่อยๆ
2. เปลี่ยนธีมทุกสัปดาห์ อันนี้นอกจากลูกจะไม่เบื่อแล้ว แม่ก็เหมือนได้เล่นกิจกรรมสนุกๆไปพร้อมกับลูกด้วย นี่คือจุดที่แม่ว่าต่างจากที่อื่นชัดเจนค่ะ สัปดาห์นี้เป็นนักดับเพลิง สัปดาห์หน้าเป็นนักสำรวจไดโนเสาร์ ทำให้ลูกตื่นเต้นตลอด ลูกจะถามตลอดก่อนไปเรียนว่าจะไปเล่น (เรียน)อะไร แม่มองว่ามันช่วยเปิดโลกให้กับเด็ก และช่วยสอนเรื่องการปรับตัวได้ดีมากๆค่ะ
3. Sensory play แบบที่บ้านให้ไม่ได้ อันนี้คือที่สุดค่ะบอกเลย แม่ยอมรับว่าที่บ้านเราทำให้ลูกแบบนี้ไม่ได้จริงๆ ถ้าบ้านไหนไม่ชอบให้บ้านเลอะ เหนื่อยกับการเตรียมของเยอะให้ลูกเล่น แม่ว่าที่นี่ตอบโจทย์มากๆค่ะ ที่นี่คือ ปล่อยให้ลูกได้สำรวจเต็มที่ ขยำสี คลุกแป้ง แม่รู้สึกว่ามันช่วยปลดปล่อยและกระตุ้นพัฒนาการสมองของลูกได้ดีมากจริงๆค่ะ ที่สำคัญช่วยเบาแรงแม่ไม่ต้องเหนื่อยล้างและเก็บของเองด้วยค่า 555
4. ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดจากเด็กที่ติดแม่และขี้อายเวลาเจอคนเยอะๆในตอนแรก ตอนนี้แม่เห็นลูกกล้าที่จะพูดมากขึ้น กล้าแสดงออกขึ้น ซึ่งตอนแรกที่พาลูกมาเรียน แม่ก็กังวลมากๆว่าลูกจะโอเคไหม แม่ก็คอยถามทิชเชอร์ตลอด ทิชเชอร์ก็ให้คำแนะนำว่าให้เวลาน้องปรับตัว เดี๋ยวก็จะค่อยๆดีขึ้น ซึ่งตอนนี้แม่ก็เห็นแล้วว่าลูกดีขึ้นจริง น้องเริ่มเรียนรู้กติกาการอยู่ร่วมกับเพื่อนๆในห้องเรียน ซึ่งก็ถือว่านี่คือหัวใจเลยค่ะ บอกเลยว่าการที่เม่ได้มีโอกาสเข้าทำกิจกรรมกับลูก ทำให้แม่ได้เห็นว่ามีกติกาบางอย่างในสังคม ลูกเราจะยังไม่เข้าใจ เช่นช่วงแรกๆลูกยังแย่งของเพื่อน แต่ที่นี่จะคอยสอนให้เด็กๆรู้จักแบ่งปันของให้เพื่อน ซึ่งแม่ก็จะนำสิ่งที่ทิชเชอร์สอน มาสอนน้องที่บ้านต่อด้วยค่ะ
หากบ้านไหนที่เรียนแนววิชาการ อ่านเขียนที่นี่แม่บอกเลยว่าไม่ตอบโจทย์นะคะ ต้องไปทดลองเพื่อหาแนวที่อยากได้ค่ะ อ้ออีกอย่างทิชเชอร์ที่นี่ไม่ใช่ฝรั่งนะคะ หากบ้านไหนต้องการทิชเชอร์แบบ Native ที่นี่ก็ไม่ตอบโจทย์เช่นกันค่ะ แต่ทิชเชอร์ที่นี่น่ารักมากๆๆ เข้าใจเด็กเล็กและใจเย็นมากๆๆๆ
ถ้าถามแม่ว่าคุ้มไหม สำหรับตัวแม่เอง แม่ว่าสำหรับบ้านเราถือว่าตอบโจทย์และคุ้มค่ามากๆค่ะ เหมือนเราลงทุนซื้อความพร้อม ความมั่นใจให้ลูก และที่สำคัญที่สุด คือความสบายใจของแม่เองค่า555
แม่หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังหาข้อมูลอยู่นะคะ มีบ้านไหนเรียนที่นี่ หรือที่อื่น ก็มาแชร์ประสบการณ์กันได้นะคะ ยินดีแลกเปลี่ยนค่า
ตอนนี้แม่ให้ลูกเรียนที่นีคอร์สที่ 2 ละค่ะ กะว่าลูกเข้าโรงเรียนแล้วจะลองพาน้องไปเรียนดนตรีเพิ่ม ไว้จะมาอัพเดทข้อมูลเพื่มให้อีกทีนะคะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น