คำถามที่ไร้คำตอบ
ทำไมต้องโกรธหนูด้วย เป็นคำถามที่ไม่เคยได้รับคำตอบ
ทำไมแม่พูดกับแฟน กับพี่ กับน้องชาย กับคนอื่น ด้วยเสียงอ่อนโยนแต่พูดกับหนูด้วยเสียงขุ่นเคืองละ
ทำไมพี่พูดกับแฟน กับแม่ กับน้อง กับเพื่อน กับคนอื่น ด้วยเสียงอ่อนโยน แต่พูดกับหนูด้วยความหงุดหงิดละ
ทำไมต้องเอาอารมณ์มาลงกับหนูคนเดียว
คำถามถึงพี่ก่อนจากกัน
เคยถามพี่ว่าทำไมถึงไม่ช่วยงานบ้านบ้าน แบบที่ว่าใช้จนคอแหบคอแห้งก็ไม่ขยับตัว พี่ตอบว่า อยากใช้ชีวิตแบบนี้ก่อน อยากมีความสุขให้เต็มที่ เดี๋ยวก็ไม่มีโอกาสแล้ว ความหมายคือต้องเรียน ต้องเตรียมตัวเข้ามหาลัยไม่อยากเสียเวลากับงานบ้านอยากใช้ชีวิตสบายๆพอเข้ามหาลัยก็ไม่ได้มีเวลาแบบนี้แล้ว
"แล้วหนูละ"พอถึงเวลาก็ต้องยุ่งทั้งงานบ้านทั้งงานหรอ เป็นประโยชน์ที่พูดไปก็ไร้ความหมาย
ยายชอบบอกว่าตอนเด็กหนูขยันกว่านี้ไม่ต้องใช้ก็ไปทำงานบ้านเองแต่ตอนนี้กลายเป็นคนขี้เกลียดไปแล้ว ก็คงจะเป็นจริงตามที่ยายบอกนั้นแหละ
ที่หนูทำเพราะทนอยู่ในสภาพแบบนั้นไม่ได้แต่ให้หนูทำทั้งสองบ้านคงไม่ไหว
ความทรงจำ
พ่อ: หนูนั่งอยู่ข้างเบาะคนขับพ่อลงไปซื้อเบียร์ พี่เคยเล่าว่า พ่อบอกไห้เอาพี่ไปแลกกับหนูแม่ตกลงแต่ต้องเอาหนูไปไว้ในรถก่อนหลังจากนั้นแม่ก็ขับรถออกไปเลย
ถ้าตอนนั้นหนูไปกับพ่อ ตอนนี้พ่อน่าจะยังมีชีวิตอยู่แล้วเราน่าจะกำลังมีความสุขอยู่
ยาย: ทำไมถึงพูดเข้าข้างแม่ตลอดแม้แต่เรื่องที่แม่ผิด หนูไม่มีสิทธิ์พูดเลยหรอ
เพื่อน: หนูไม่มีเพื่อนที่ปรึกษาปัญหาชีวิตได้เลยมีแต่หนูที่เป็นที่ปรึกษา มันเหนื่อย ไม่มีเพื่อนที่จริงใจสักคน
แววตา
ทำไมแม่ถึงมองหน้าหนูด้วยสีหน้าผิดหวังเหมือนว่าเป็นก้อนเนื้อไร้ประโยชน์ที่ให้กำเนิดออกมาและต้องทนรับผิดชอบ แต่มองพี่เหมือนเป็นดาวบนฟ้า ตามใจน้อยเหมือนเป็นเจ้าชาย
ประสบการอารมณ์
เคยทะเลาะกับแม่แต่ตอนนั้นไม่มีความรู้เรื่องอารมณ์ ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เวลาแม่สวนมาก็สวนกลับทันที แต่ตอนนี้ปล่อยให้แม่บ่นยอมทนฟังไม่โต้ตอบอะไร แต่แม่กลับบ่นไม่เลิก มันนานมากจนทนไม่ไหวเพราะคำที่พูดออกมาเหมือนกับว่าหนูไม่ใช่ลูก จึงถามไปว่าแม่ต้องการอะไรหรือแค่อยากบ่น น้องรู้แล้วน้องผิดไปแล้วครั้งหน้าจะปรับปรุง
จริงๆครั้งที่แล้วหนูก็พูดไปแล้วว่าจะปรับปรุงเรื่องเรื่องหนึ่งแต่แม่ก็หาคำพูดเพื่อให้แม่ถูกต้องที่สุดไม่ว่าจะเป็นทางเลือกใดจุดประสงค์ก็แค่การหาคำพูดมาลดทอนคุณค่าของหนูเท่านั้น
ไม่กี่วันก่อนไปหาพี่ที่กทม.ไปนอนห้องพี่สภาพก็ไม่ได้เรียบร้อยเลยแต่กลับบอกว่าหนูซกมกเหมือนผู้ชายหนูเลยส่งรูปสภาพห้องตอนพี่มาอยู่บ้านยายตอนปิดเทอมตอนม.3ไปให้

นี้คือสภาพที่พี่ทิ้งไว้และกลับกทม.ไปแล้ว
หนูไม่ค่อยกล้าทำอะไรในห้องพี่ขนาดเปิดไฟยังโดนด่า ปิดประตูห้องน้ำก็โดนว่ามันทรมารมากที่ต้องอยู่ในห้องมืดๆทำอะไรก็ไม่ได้
แฟนพี่และคนนอกไม่รู้หรอกว่าตัวตนจริงพี่เป็นแบบนี้เพราะพี่พูดแสดงออกมาด้วยความอ่อนโยนแต่ทำไมพี่ถึงทำกับหนูแบบนี้
หนูเป็นถังขยะระบายอารมณ์หรอการที่หนูอยู่เฉยๆยอมให้ระบายเพื่อลดความรุนแรงมันกลับทำลายจิตใจหนูมากกว่าเดิม
แม่ลูก
แม่กับพี่นิสัยสันดานเหมือนกันมากเหมือนก๊อปปี้วางกันมาเลย ทั้งความซกมก และนิสัยหน้าตา สีผิด หนูไม่เหมือนใครในบ้านคนที่เหมือนกันก็จากไปแล้ว
แม่มักบอกว่าหนูเห็นแก่ตัวเอาแต่เรื่องของตัวเอง แม่พูดมันตลอด หนูก็คงเป็นแบบนั้นจริงๆ
แล้วก่อนไปหนูก็ทำความสะอาดบ้านไว้เรียบร้อยมากๆแต่พอกลับมามันก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมนี้เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้หนูกลายเป็นคนขี้เกียด...หนูคิดว่างั้น
สิ่งที่หนูได้เรียนรู้มาคือบนโลกนี้ไม่มีใครมาสงสารเราหรอถ้าไม่พยายามด้วยด้วยเองก็ไม่ได้อะไรเลย
แต่หนูก็อิจฉาพี่ที่แม่ซื้อให้ทั้งโน๊ตบุ๊ค ไอแพด หนูได้ลองเล่นของเพื่อนจึงคิดว่ามันไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่ ตอนนี้นะ
แต่สิ่งที่หนูอิจฉาที่สุดคือแม่บอกว่าให้ไปเรียนที่เดียวกับพี่ให้ไปอยู่ห้องเดียวกับพี่ ซึ่งมันทำไม่ได้จริงๆหนูต้องเป็นประสาทก่อนแน่ตอนนี้ก็คงเป็นอยู่ หนูอิจฉาความสบายของพี่อิจฉาความฉลาดของพี่หนูทำได้แค่ใช้กล้ามเนื้อไม่ใช่สมองแบบพี่ ถ้าหนูได้เรียนห้องคิงแบบพี่แม่คงจะยอมรับหนูมากกว่านี้
ตอนนี้หนูเหนื่อยอยากล้มเลิกความฝัน อนาคต อยากหยุดทุกอย่างแล้ว
ขอบคุณที่ท่านเสียเวลาเข้ามาอ่านข้อความระบายความในใจของหนูถ้าไม่เขียนมันออกมาให้ใครสักคนได้เห็นหนูต้องเป็นบ้ากว่านี้ไปแล้วแน่ๆ
หนูอิจฉาพี่ หนูเกลียดแม่ หนูเห็นแก่ตัว ตอนนี้หนูไม่เหลือใครแล้ว
ทำไมต้องโกรธหนูด้วย เป็นคำถามที่ไม่เคยได้รับคำตอบ
ทำไมแม่พูดกับแฟน กับพี่ กับน้องชาย กับคนอื่น ด้วยเสียงอ่อนโยนแต่พูดกับหนูด้วยเสียงขุ่นเคืองละ
ทำไมพี่พูดกับแฟน กับแม่ กับน้อง กับเพื่อน กับคนอื่น ด้วยเสียงอ่อนโยน แต่พูดกับหนูด้วยความหงุดหงิดละ
ทำไมต้องเอาอารมณ์มาลงกับหนูคนเดียว
คำถามถึงพี่ก่อนจากกัน
เคยถามพี่ว่าทำไมถึงไม่ช่วยงานบ้านบ้าน แบบที่ว่าใช้จนคอแหบคอแห้งก็ไม่ขยับตัว พี่ตอบว่า อยากใช้ชีวิตแบบนี้ก่อน อยากมีความสุขให้เต็มที่ เดี๋ยวก็ไม่มีโอกาสแล้ว ความหมายคือต้องเรียน ต้องเตรียมตัวเข้ามหาลัยไม่อยากเสียเวลากับงานบ้านอยากใช้ชีวิตสบายๆพอเข้ามหาลัยก็ไม่ได้มีเวลาแบบนี้แล้ว
"แล้วหนูละ"พอถึงเวลาก็ต้องยุ่งทั้งงานบ้านทั้งงานหรอ เป็นประโยชน์ที่พูดไปก็ไร้ความหมาย
ยายชอบบอกว่าตอนเด็กหนูขยันกว่านี้ไม่ต้องใช้ก็ไปทำงานบ้านเองแต่ตอนนี้กลายเป็นคนขี้เกลียดไปแล้ว ก็คงจะเป็นจริงตามที่ยายบอกนั้นแหละ
ที่หนูทำเพราะทนอยู่ในสภาพแบบนั้นไม่ได้แต่ให้หนูทำทั้งสองบ้านคงไม่ไหว
ความทรงจำ
พ่อ: หนูนั่งอยู่ข้างเบาะคนขับพ่อลงไปซื้อเบียร์ พี่เคยเล่าว่า พ่อบอกไห้เอาพี่ไปแลกกับหนูแม่ตกลงแต่ต้องเอาหนูไปไว้ในรถก่อนหลังจากนั้นแม่ก็ขับรถออกไปเลย
ถ้าตอนนั้นหนูไปกับพ่อ ตอนนี้พ่อน่าจะยังมีชีวิตอยู่แล้วเราน่าจะกำลังมีความสุขอยู่
ยาย: ทำไมถึงพูดเข้าข้างแม่ตลอดแม้แต่เรื่องที่แม่ผิด หนูไม่มีสิทธิ์พูดเลยหรอ
เพื่อน: หนูไม่มีเพื่อนที่ปรึกษาปัญหาชีวิตได้เลยมีแต่หนูที่เป็นที่ปรึกษา มันเหนื่อย ไม่มีเพื่อนที่จริงใจสักคน
แววตา
ทำไมแม่ถึงมองหน้าหนูด้วยสีหน้าผิดหวังเหมือนว่าเป็นก้อนเนื้อไร้ประโยชน์ที่ให้กำเนิดออกมาและต้องทนรับผิดชอบ แต่มองพี่เหมือนเป็นดาวบนฟ้า ตามใจน้อยเหมือนเป็นเจ้าชาย
ประสบการอารมณ์
เคยทะเลาะกับแม่แต่ตอนนั้นไม่มีความรู้เรื่องอารมณ์ ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เวลาแม่สวนมาก็สวนกลับทันที แต่ตอนนี้ปล่อยให้แม่บ่นยอมทนฟังไม่โต้ตอบอะไร แต่แม่กลับบ่นไม่เลิก มันนานมากจนทนไม่ไหวเพราะคำที่พูดออกมาเหมือนกับว่าหนูไม่ใช่ลูก จึงถามไปว่าแม่ต้องการอะไรหรือแค่อยากบ่น น้องรู้แล้วน้องผิดไปแล้วครั้งหน้าจะปรับปรุง
จริงๆครั้งที่แล้วหนูก็พูดไปแล้วว่าจะปรับปรุงเรื่องเรื่องหนึ่งแต่แม่ก็หาคำพูดเพื่อให้แม่ถูกต้องที่สุดไม่ว่าจะเป็นทางเลือกใดจุดประสงค์ก็แค่การหาคำพูดมาลดทอนคุณค่าของหนูเท่านั้น
ไม่กี่วันก่อนไปหาพี่ที่กทม.ไปนอนห้องพี่สภาพก็ไม่ได้เรียบร้อยเลยแต่กลับบอกว่าหนูซกมกเหมือนผู้ชายหนูเลยส่งรูปสภาพห้องตอนพี่มาอยู่บ้านยายตอนปิดเทอมตอนม.3ไปให้
นี้คือสภาพที่พี่ทิ้งไว้และกลับกทม.ไปแล้ว
หนูไม่ค่อยกล้าทำอะไรในห้องพี่ขนาดเปิดไฟยังโดนด่า ปิดประตูห้องน้ำก็โดนว่ามันทรมารมากที่ต้องอยู่ในห้องมืดๆทำอะไรก็ไม่ได้
แฟนพี่และคนนอกไม่รู้หรอกว่าตัวตนจริงพี่เป็นแบบนี้เพราะพี่พูดแสดงออกมาด้วยความอ่อนโยนแต่ทำไมพี่ถึงทำกับหนูแบบนี้
หนูเป็นถังขยะระบายอารมณ์หรอการที่หนูอยู่เฉยๆยอมให้ระบายเพื่อลดความรุนแรงมันกลับทำลายจิตใจหนูมากกว่าเดิม
แม่ลูก
แม่กับพี่นิสัยสันดานเหมือนกันมากเหมือนก๊อปปี้วางกันมาเลย ทั้งความซกมก และนิสัยหน้าตา สีผิด หนูไม่เหมือนใครในบ้านคนที่เหมือนกันก็จากไปแล้ว
แม่มักบอกว่าหนูเห็นแก่ตัวเอาแต่เรื่องของตัวเอง แม่พูดมันตลอด หนูก็คงเป็นแบบนั้นจริงๆ
แล้วก่อนไปหนูก็ทำความสะอาดบ้านไว้เรียบร้อยมากๆแต่พอกลับมามันก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมนี้เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้หนูกลายเป็นคนขี้เกียด...หนูคิดว่างั้น
สิ่งที่หนูได้เรียนรู้มาคือบนโลกนี้ไม่มีใครมาสงสารเราหรอถ้าไม่พยายามด้วยด้วยเองก็ไม่ได้อะไรเลย
แต่หนูก็อิจฉาพี่ที่แม่ซื้อให้ทั้งโน๊ตบุ๊ค ไอแพด หนูได้ลองเล่นของเพื่อนจึงคิดว่ามันไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่ ตอนนี้นะ
แต่สิ่งที่หนูอิจฉาที่สุดคือแม่บอกว่าให้ไปเรียนที่เดียวกับพี่ให้ไปอยู่ห้องเดียวกับพี่ ซึ่งมันทำไม่ได้จริงๆหนูต้องเป็นประสาทก่อนแน่ตอนนี้ก็คงเป็นอยู่ หนูอิจฉาความสบายของพี่อิจฉาความฉลาดของพี่หนูทำได้แค่ใช้กล้ามเนื้อไม่ใช่สมองแบบพี่ ถ้าหนูได้เรียนห้องคิงแบบพี่แม่คงจะยอมรับหนูมากกว่านี้
ตอนนี้หนูเหนื่อยอยากล้มเลิกความฝัน อนาคต อยากหยุดทุกอย่างแล้ว
ขอบคุณที่ท่านเสียเวลาเข้ามาอ่านข้อความระบายความในใจของหนูถ้าไม่เขียนมันออกมาให้ใครสักคนได้เห็นหนูต้องเป็นบ้ากว่านี้ไปแล้วแน่ๆ