(หมายเหตุ - กระทู้มีการเปิดเผยเรื่องราวบางส่วน แต่ไม่กระทบกับตอนสำคัญหรือบทสรุปของเนื้อเรื่อง)
ชื่อเต็มของหนังเรื่องนี้ในภาษาอังกฤษ คือ
Byaw Than (The Sound of Ceremonial Overture) หรือชื่อสั้น ๆ ว่า
"บยอ แตน" เมื่อเขียนเป็นภาษาไทย (ในที่นี้จะขอใช้คำว่า พม่า แทนคำว่า เมียนมา เนื่องจาก จขกท. คุ้นเคย และใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศไทยมากกว่า) คำว่า "บยอ แตน" ในภาษาพม่า หมายถึง เพลงจากวงมโหรี หรือเพลงสวดที่เกี่ยวเนื่องกับทางพุทธศาสนาโดยมากจะบรรเลงก่อนที่จะมีงานมงคล หรือพิธีสำคัญ เช่น การบวชเณร บวชพระ เป็นต้น (เทียบง่าย ๆ ก็เหมือน เพลงโหมโรง เพลงสาธุการ หรือเพลงแหล่บวชของไทยเรานั่นเองครับ ผิดถูกอย่างไร ผู้รู้ช่วยแก้ไขให้ด้วยครับ)
หนังเรื่องนี้ออกฉายครั้งแรกในประเทศพม่า เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2025 ที่ผ่านมา กำกับโดย Aww Ratha ผู้กำกับที่เคยคว้ารางวัลออสการ์ของประเทศพม่ามาแล้ว ก่อนหน้านี้เขามีหนัง 2 เรื่อง ที่ได้คะแนนโดดเด่นบนเว็บ imdb คือ Rhythm of the Mind (Sate Ka Kyoe) หนังปี 2024 ได้คะแนนสูงถึง 9.2 และ Clinging with Hate หนังปี 2018 ที่ได้คะแนนไป 8.6
เนื้อเรื่องกล่าวถึง ชีวิตในหมู่บ้านชนบทของประเทศพม่า ที่ชาวบ้านยังผูกพันอยู่กับศาสนาพุทธและประเพณีท้องถิ่นอย่างเหนียวแน่น หนังพูดถึงครอบครัวของผู้ใหญ่บ้าน ผู้ร่ำรวย แต่ก็ถือว่ายังดำรงไว้ซึ่งความดี ทั้งในทางโลกและทางธรรม หากแต่ผู้ใหญ่บ้านก็เป็นเสมือนนายเหนือหัวที่ครอบครองทรัพย์สิน ที่ดิน และความมั่งคั่งไว้แต่เพียงผู้เดียวในหมู่บ้าน ดังนั้น ชาวบ้านทุกคนจึงต้องยอมศิโรราบและพึ่งพาครอบครัวผู้ใหญ่บ้านเป็นหลัก
วันดีคืนร้าย
Aung Myat San (อ่องเมียะซาน) ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ผู้มีนิสัยอารมณ์ร้าย ชอบใช้อำนาจ แถมยังเจ้าคิดเจ้าแค้น ออกแนวโรคจิต ก็ได้เดินทางกลับมายังหมู่บ้าน หลังจากก่อเรื่องและหนีหายไปหลายปี ทันใดนั้นทุกคนต่างหวาดผวาว่าเรื่องราวแย่ ๆ น่าจะกำลังคืบคลานเข้ามาในหมู่บ้านเป็นแน่แท้ ซึ่งพูดยังไม่ทันจะขาดคำ Aung Myat San ก็เกิดไปหลงรักกับ
Pan Ou (ปานอู) สาวชาวบ้าน ผู้ซึ่งอาศัยอยู่กับแม่ในกระท่อมปลายไร่
ด้วยความเอาแต่ใจของ Aung Myat San เขาจึงให้พี่สาวไปสู่ขอ Pan Ou เพื่อจะเอามาทำเมีย แต่กระนั้น Pan Ou ก็กำลังมีความรักกับ
Phu Nyo ชายหนุ่มกำพร้า ผู้ซึ่งทำงานในไร่ของครอบครัว Aung Myat San ซึ่งสร้างความขุ่นข้องหมองใจให้กับ Aung Myat San เป็นอย่างมาก จนเขาตัดสินใจใช้กำลังเพื่อจะปลุกปล้ำ Pan Ou หากแต่สาวเจ้าก็หลบหนีออกมาได้
จากนั้นทั้ง Pan Ou และ Phu Nyo จึงตัดสินใจจูงมือกันหนีออกไปอยู่หมู่บ้านอื่น แต่ระหว่างที่หนีนั้น Aung Myat San ก็ได้ตามมาจนเจอ หากแต่ทั้งคู่ก็หนีไปจนได้ แต่การหนีครั้งนี้ ทั้งคู่ได้ฝากบาดแผลไว้ทั้งในใจ และทางกายของ Aung Myat San จนเกิดความเคียดแค้นอย่างไม่อาจลืมได้
และความแค้นครั้งนี้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แม้ว่า Pan Ou และ Phu Nyo จะหนีไปนานจนมีลูกด้วยกัน Aung Myat Soe ก็จะไม่มีวันลืม และเขาพร้อมที่จะกลับมาทำลาย Pan Ou ให้เจ็บแค้นราวกับตายทั้งเป็น โดยเป้าหมายใหญ่ได้เบนเข็มไปที่ลูกชายเพียงคนเดียวของ Pan Ou และ Phu Nyo เมื่อลูกชายของทั้งคู่โตขึ้นจนสามารถเข้าสู่
พิธีบวช Shinbyu (ชินบยู) ซึ่งถือว่าเป็นงานใหญ่ของคนที่เป็นทั้งพ่อแม่และครอบครัว รวมถึงเด็กชายที่จะได้เรียนรู้พระธรรม เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบ จากความเคียดแค้นของ Aung Myat San อันจะนำไปสู่หายนะที่แตกสลายของใครหลาย ๆ คน อย่างที่ไม่คาดฝันมาก่อน
(หมายเหตุ - พิธีบวช Shinbyu มีความคล้ายคลึงกับประเพณีปอยส่างลอง หรือพิธีบวชลูกแก้วทางภาคเหนือของไทยเราครับ หากใครดู วิมานหนาม ก็ตามนั้นครับ)
ทั้งหมดนี้ คือ เรื่องราวการต่อสู้ของหญิงสาว และกลุ่มคนยากจนที่อยู่เบื้องล่าง กับคนรวย ผู้มีอำนาจ และชนชั้นบน ที่สุดแสนจะเข้มข้น โดยมีพื้นหลังเป็นความเชื่อและศรัทธาในพุทธศาสนาที่แทรกซึมอยู่ในทุกภาคส่วนของสังคมพม่า
ความรู้สึกหลังดูหนังจบแล้วก็คือ เฮ้ย! อันนี้มัน "คายอ้อ" Version พม่าชัด ๆ เลย แต่ไม่ใช่เพราะเป็นเรื่องผี หรือเนื้อเรื่องคล้ายกันแต่อย่างใด แต่มันเป็นหนังที่นำเรื่องความเชื่อ ความศรัทธา ในแบบท้องถิ่นนิยม มาผูกกับเรื่องราวความแค้นอาฆาตพยาบาทของคนในสังคมนั้น ๆ เอาเป็นว่าเราได้ยินคำว่า "คายอ้อ" มากแค่ไหนในหนัง เราก็จะได้ยินคำว่า "Shinbyu" ในหนังเรื่องนี้มากเท่านั้น
อีกอย่างนึง คือ การได้มาดูหนังต่างชาติ ที่ไม่ใช่หนัง Hollywood หนังจีน เกาหลี หรือ ญี่ปุ่น มันก็เหมือนเราได้ออกเดินทางไปท่องเที่ยวยังประเทศนั้น ๆ เพราะเราได้เห็นชีวิต สังคม ค่านิยม แนวความคิด ของคนในประเทศนั้น ๆ เช่นเรื่องนี้ที่เป็นหนังพม่า เราก็ได้เรียนรู้ค่านิยม และแนวความคิดทางสังคมของเขา โดยเฉพาะในเรื่องทางศาสนา
ภาพรวมของหนังถูกแบ่งออกเป็น 2 Sequences คือ ช่วงครึ่งแรก หนังจะเน้นไปที่เรื่องราวการช่วงชิงความรัก การใช้อำนาจข่มขู่คนที่ต่ำต้อยกว่า เป็นเรื่องราวทางโลกก่อนที่นางเอกจะมีลูก ส่วนครึ่งหลัง หนังนำเสนอเรื่องราวหลังจากที่นางเอกที่มีลูกโตแล้ว หนังแทรกเรื่องศาสนา และการนำลูกเข้าสู่พิธีบวช Shinbyu ซึ่งก็มีอุปสรรคจากความเคียดแค้นของผู้ใหญ่
หากพูดถึงเรื่องงานสร้าง หนังเรื่องนี้ยิ่งเป็นอะไรที่ผมรู้สึกแปลกกว่า คือ ช่วง Sequence แรก หนังมีความอิหยังว่ะอยู่พอสมควร ทั้งเรื่องบทที่หลวมขาดเหตุผลรับรอง คาแร็คเตอร์ของตัวละครที่นอกจากจะแบนแล้ว ยังมาพร้อมกับการแสดงของบางคนที่มาแบบโอเวอร์แอ็คติ้ง ส่วนบางคนก็แสดงแข็งเป็นหิน แต่พอเข้าสู่ Sequence ที่ 2 อันนี้ เหมือนเป็นหนังคนละเรื่อง เพราะถึงแม้ตัวละครจะยังมีความแบนอยู่ แต่บทดีขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่พาร์ทที่เกี่ยวกับศาสนา การแสดงของนักแสดงดูมีความสมูธขึ้น ทุกอย่างดูเข้าที่เข้าทาง สนุกขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนเรื่องเทคนิคการถ่ายทำถือว่าทำได้ดีครับ ภาพชัด การจัดแสงช่วง Sequence หลังทำได้สวยดี การออกแบบศิลป์ทำได้สวยงาม ทำให้เราเหมือนได้ศึกษาเรียนรู้วัฒนธรรมของประเทศพม่าไปด้วยในตัว เพลงประกอบแบบ Folklore ของพม่า ไพเราะ น่าฟัง
แต่ปัญหาของหนัง คือ การตัดต่อฉากครับ แบบเช่นฉากกำลังบู๊ ๆ หนีกันแบบกลัวสุดขีด สักพักพระเอก นางเอกไปนั่งพลอดรักกันซะงั้น และเป็นอย่างนี้ไปทั้งเรื่อง จะมาดีขึ้นช่วงท้าย ๆ ซึ่งถือเป็นช่วง Climax ของหนัง ที่มีการนำเอาเรื่องศาสนามาผสมรวมกับเรื่องราวความเคียดแค้น ความอาฆาตพยาบาท และความสูญเสียต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว เล่นเอาน้ำตาคลอเลยครับ
สรุป "บยอ แตน" ถือว่าเป็นหนังที่น่าสนใจในเรื่องสารที่ต้องการนำเสนอ ที่มาพร้อมความสวยงามในด้านวัฒนธรรมประเพณีของประเทศพม่า แม้เนื้อเรื่องอาจจะเหมือนหนังไทยเมื่อ 30 - 40 ปีก่อน มีความน้ำเน่า อิหยังว่ะอยู่มาก และคาแร็คเตอร์นักแสดงก็แบนแบบสุด ๆ ดี ชั่ว กลัว สู้ ฉลาด โง่ ตั้งแต่ต้นเรื่อง ยันจบเรื่อง ไม่มีพัฒนาการใด ๆ แต่เทคนิคการถ่ายทำดีใช้ได้ครับ ไม่น่าเกลียด หนังให้แง่คิดตอนจบที่งดงาม ใครคิดจะเข้าไปดู ไปได้เลยครับ แต่หนังถูกฉายแบบจำกัดโรงนะครับ อย่างเครือ M ก็จะมีแค่สาขาที่ใกล้พี่น้องชาวพม่าอยู่กันเยอะ ๆ เช่น บางกะปิ สำโรง มหาชัย เพชรเกษม สมุทรปราการ อ้อมใหญ่ แม่สอด เป็นต้น
พูดคุยและรีวิว.. Byaw Than.. หนังพม่าที่เข้ามาฉายโรงใหญ่ในประเทศไทย
(หมายเหตุ - กระทู้มีการเปิดเผยเรื่องราวบางส่วน แต่ไม่กระทบกับตอนสำคัญหรือบทสรุปของเนื้อเรื่อง)
ชื่อเต็มของหนังเรื่องนี้ในภาษาอังกฤษ คือ Byaw Than (The Sound of Ceremonial Overture) หรือชื่อสั้น ๆ ว่า "บยอ แตน" เมื่อเขียนเป็นภาษาไทย (ในที่นี้จะขอใช้คำว่า พม่า แทนคำว่า เมียนมา เนื่องจาก จขกท. คุ้นเคย และใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศไทยมากกว่า) คำว่า "บยอ แตน" ในภาษาพม่า หมายถึง เพลงจากวงมโหรี หรือเพลงสวดที่เกี่ยวเนื่องกับทางพุทธศาสนาโดยมากจะบรรเลงก่อนที่จะมีงานมงคล หรือพิธีสำคัญ เช่น การบวชเณร บวชพระ เป็นต้น (เทียบง่าย ๆ ก็เหมือน เพลงโหมโรง เพลงสาธุการ หรือเพลงแหล่บวชของไทยเรานั่นเองครับ ผิดถูกอย่างไร ผู้รู้ช่วยแก้ไขให้ด้วยครับ)
หนังเรื่องนี้ออกฉายครั้งแรกในประเทศพม่า เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2025 ที่ผ่านมา กำกับโดย Aww Ratha ผู้กำกับที่เคยคว้ารางวัลออสการ์ของประเทศพม่ามาแล้ว ก่อนหน้านี้เขามีหนัง 2 เรื่อง ที่ได้คะแนนโดดเด่นบนเว็บ imdb คือ Rhythm of the Mind (Sate Ka Kyoe) หนังปี 2024 ได้คะแนนสูงถึง 9.2 และ Clinging with Hate หนังปี 2018 ที่ได้คะแนนไป 8.6
เนื้อเรื่องกล่าวถึง ชีวิตในหมู่บ้านชนบทของประเทศพม่า ที่ชาวบ้านยังผูกพันอยู่กับศาสนาพุทธและประเพณีท้องถิ่นอย่างเหนียวแน่น หนังพูดถึงครอบครัวของผู้ใหญ่บ้าน ผู้ร่ำรวย แต่ก็ถือว่ายังดำรงไว้ซึ่งความดี ทั้งในทางโลกและทางธรรม หากแต่ผู้ใหญ่บ้านก็เป็นเสมือนนายเหนือหัวที่ครอบครองทรัพย์สิน ที่ดิน และความมั่งคั่งไว้แต่เพียงผู้เดียวในหมู่บ้าน ดังนั้น ชาวบ้านทุกคนจึงต้องยอมศิโรราบและพึ่งพาครอบครัวผู้ใหญ่บ้านเป็นหลัก
วันดีคืนร้าย Aung Myat San (อ่องเมียะซาน) ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ผู้มีนิสัยอารมณ์ร้าย ชอบใช้อำนาจ แถมยังเจ้าคิดเจ้าแค้น ออกแนวโรคจิต ก็ได้เดินทางกลับมายังหมู่บ้าน หลังจากก่อเรื่องและหนีหายไปหลายปี ทันใดนั้นทุกคนต่างหวาดผวาว่าเรื่องราวแย่ ๆ น่าจะกำลังคืบคลานเข้ามาในหมู่บ้านเป็นแน่แท้ ซึ่งพูดยังไม่ทันจะขาดคำ Aung Myat San ก็เกิดไปหลงรักกับ Pan Ou (ปานอู) สาวชาวบ้าน ผู้ซึ่งอาศัยอยู่กับแม่ในกระท่อมปลายไร่
ด้วยความเอาแต่ใจของ Aung Myat San เขาจึงให้พี่สาวไปสู่ขอ Pan Ou เพื่อจะเอามาทำเมีย แต่กระนั้น Pan Ou ก็กำลังมีความรักกับ Phu Nyo ชายหนุ่มกำพร้า ผู้ซึ่งทำงานในไร่ของครอบครัว Aung Myat San ซึ่งสร้างความขุ่นข้องหมองใจให้กับ Aung Myat San เป็นอย่างมาก จนเขาตัดสินใจใช้กำลังเพื่อจะปลุกปล้ำ Pan Ou หากแต่สาวเจ้าก็หลบหนีออกมาได้
จากนั้นทั้ง Pan Ou และ Phu Nyo จึงตัดสินใจจูงมือกันหนีออกไปอยู่หมู่บ้านอื่น แต่ระหว่างที่หนีนั้น Aung Myat San ก็ได้ตามมาจนเจอ หากแต่ทั้งคู่ก็หนีไปจนได้ แต่การหนีครั้งนี้ ทั้งคู่ได้ฝากบาดแผลไว้ทั้งในใจ และทางกายของ Aung Myat San จนเกิดความเคียดแค้นอย่างไม่อาจลืมได้
และความแค้นครั้งนี้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แม้ว่า Pan Ou และ Phu Nyo จะหนีไปนานจนมีลูกด้วยกัน Aung Myat Soe ก็จะไม่มีวันลืม และเขาพร้อมที่จะกลับมาทำลาย Pan Ou ให้เจ็บแค้นราวกับตายทั้งเป็น โดยเป้าหมายใหญ่ได้เบนเข็มไปที่ลูกชายเพียงคนเดียวของ Pan Ou และ Phu Nyo เมื่อลูกชายของทั้งคู่โตขึ้นจนสามารถเข้าสู่พิธีบวช Shinbyu (ชินบยู) ซึ่งถือว่าเป็นงานใหญ่ของคนที่เป็นทั้งพ่อแม่และครอบครัว รวมถึงเด็กชายที่จะได้เรียนรู้พระธรรม เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบ จากความเคียดแค้นของ Aung Myat San อันจะนำไปสู่หายนะที่แตกสลายของใครหลาย ๆ คน อย่างที่ไม่คาดฝันมาก่อน
(หมายเหตุ - พิธีบวช Shinbyu มีความคล้ายคลึงกับประเพณีปอยส่างลอง หรือพิธีบวชลูกแก้วทางภาคเหนือของไทยเราครับ หากใครดู วิมานหนาม ก็ตามนั้นครับ)
ทั้งหมดนี้ คือ เรื่องราวการต่อสู้ของหญิงสาว และกลุ่มคนยากจนที่อยู่เบื้องล่าง กับคนรวย ผู้มีอำนาจ และชนชั้นบน ที่สุดแสนจะเข้มข้น โดยมีพื้นหลังเป็นความเชื่อและศรัทธาในพุทธศาสนาที่แทรกซึมอยู่ในทุกภาคส่วนของสังคมพม่า
ความรู้สึกหลังดูหนังจบแล้วก็คือ เฮ้ย! อันนี้มัน "คายอ้อ" Version พม่าชัด ๆ เลย แต่ไม่ใช่เพราะเป็นเรื่องผี หรือเนื้อเรื่องคล้ายกันแต่อย่างใด แต่มันเป็นหนังที่นำเรื่องความเชื่อ ความศรัทธา ในแบบท้องถิ่นนิยม มาผูกกับเรื่องราวความแค้นอาฆาตพยาบาทของคนในสังคมนั้น ๆ เอาเป็นว่าเราได้ยินคำว่า "คายอ้อ" มากแค่ไหนในหนัง เราก็จะได้ยินคำว่า "Shinbyu" ในหนังเรื่องนี้มากเท่านั้น
อีกอย่างนึง คือ การได้มาดูหนังต่างชาติ ที่ไม่ใช่หนัง Hollywood หนังจีน เกาหลี หรือ ญี่ปุ่น มันก็เหมือนเราได้ออกเดินทางไปท่องเที่ยวยังประเทศนั้น ๆ เพราะเราได้เห็นชีวิต สังคม ค่านิยม แนวความคิด ของคนในประเทศนั้น ๆ เช่นเรื่องนี้ที่เป็นหนังพม่า เราก็ได้เรียนรู้ค่านิยม และแนวความคิดทางสังคมของเขา โดยเฉพาะในเรื่องทางศาสนา
ภาพรวมของหนังถูกแบ่งออกเป็น 2 Sequences คือ ช่วงครึ่งแรก หนังจะเน้นไปที่เรื่องราวการช่วงชิงความรัก การใช้อำนาจข่มขู่คนที่ต่ำต้อยกว่า เป็นเรื่องราวทางโลกก่อนที่นางเอกจะมีลูก ส่วนครึ่งหลัง หนังนำเสนอเรื่องราวหลังจากที่นางเอกที่มีลูกโตแล้ว หนังแทรกเรื่องศาสนา และการนำลูกเข้าสู่พิธีบวช Shinbyu ซึ่งก็มีอุปสรรคจากความเคียดแค้นของผู้ใหญ่
หากพูดถึงเรื่องงานสร้าง หนังเรื่องนี้ยิ่งเป็นอะไรที่ผมรู้สึกแปลกกว่า คือ ช่วง Sequence แรก หนังมีความอิหยังว่ะอยู่พอสมควร ทั้งเรื่องบทที่หลวมขาดเหตุผลรับรอง คาแร็คเตอร์ของตัวละครที่นอกจากจะแบนแล้ว ยังมาพร้อมกับการแสดงของบางคนที่มาแบบโอเวอร์แอ็คติ้ง ส่วนบางคนก็แสดงแข็งเป็นหิน แต่พอเข้าสู่ Sequence ที่ 2 อันนี้ เหมือนเป็นหนังคนละเรื่อง เพราะถึงแม้ตัวละครจะยังมีความแบนอยู่ แต่บทดีขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่พาร์ทที่เกี่ยวกับศาสนา การแสดงของนักแสดงดูมีความสมูธขึ้น ทุกอย่างดูเข้าที่เข้าทาง สนุกขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนเรื่องเทคนิคการถ่ายทำถือว่าทำได้ดีครับ ภาพชัด การจัดแสงช่วง Sequence หลังทำได้สวยดี การออกแบบศิลป์ทำได้สวยงาม ทำให้เราเหมือนได้ศึกษาเรียนรู้วัฒนธรรมของประเทศพม่าไปด้วยในตัว เพลงประกอบแบบ Folklore ของพม่า ไพเราะ น่าฟัง
แต่ปัญหาของหนัง คือ การตัดต่อฉากครับ แบบเช่นฉากกำลังบู๊ ๆ หนีกันแบบกลัวสุดขีด สักพักพระเอก นางเอกไปนั่งพลอดรักกันซะงั้น และเป็นอย่างนี้ไปทั้งเรื่อง จะมาดีขึ้นช่วงท้าย ๆ ซึ่งถือเป็นช่วง Climax ของหนัง ที่มีการนำเอาเรื่องศาสนามาผสมรวมกับเรื่องราวความเคียดแค้น ความอาฆาตพยาบาท และความสูญเสียต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว เล่นเอาน้ำตาคลอเลยครับ
สรุป "บยอ แตน" ถือว่าเป็นหนังที่น่าสนใจในเรื่องสารที่ต้องการนำเสนอ ที่มาพร้อมความสวยงามในด้านวัฒนธรรมประเพณีของประเทศพม่า แม้เนื้อเรื่องอาจจะเหมือนหนังไทยเมื่อ 30 - 40 ปีก่อน มีความน้ำเน่า อิหยังว่ะอยู่มาก และคาแร็คเตอร์นักแสดงก็แบนแบบสุด ๆ ดี ชั่ว กลัว สู้ ฉลาด โง่ ตั้งแต่ต้นเรื่อง ยันจบเรื่อง ไม่มีพัฒนาการใด ๆ แต่เทคนิคการถ่ายทำดีใช้ได้ครับ ไม่น่าเกลียด หนังให้แง่คิดตอนจบที่งดงาม ใครคิดจะเข้าไปดู ไปได้เลยครับ แต่หนังถูกฉายแบบจำกัดโรงนะครับ อย่างเครือ M ก็จะมีแค่สาขาที่ใกล้พี่น้องชาวพม่าอยู่กันเยอะ ๆ เช่น บางกะปิ สำโรง มหาชัย เพชรเกษม สมุทรปราการ อ้อมใหญ่ แม่สอด เป็นต้น