“คนละครึ่งพลัส” แรงตั้งแต่เปิด เงินสะพัดกว่า 84 ล้านบาทใน 2 ชม.
วันแรกโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ปลัดกระทรวงการคลัง เผย 2 ชั่วโมงแรก ประชาชนใช้จ่ายผ่าน “เป๋าตัง” 4.7 แสนราย วงเงินสะพัดกว่า 84 ล้านบาท ระบบลื่นไม่มีสะดุด ร้านค้าร่วมแล้ว 1.33 แสนร้าน ย้ำเฟส 2 มีแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (29 ต.ค.68) นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ในวันแรกว่า ประชาชนทั่วประเทศให้ความสนใจใช้จ่ายอย่างคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้า โดยระบบการใช้งานของแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ราบรื่น ไม่มีปัญหาขัดข้อง เมื่อเวลา 08:00 น. หลังเปิดให้ใช้จ่ายผ่านไป 2 ชั่วโมง
พบว่าประชาชนเข้ามาสแกนจ่ายแล้ว 470,000 ราย คิดเป็นวงเงินประมาณ 84 ล้านบาท
สำหรับยอดการใช้จ่ายแบ่งตามภูมิภาค พบว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) มียอดใช้จ่ายสูงสุด 21% รองลงมาเป็นภาคใต้ 15% กรุงเทพมหานคร-ปริมณฑล 14% ภาคกลาง 13% ภาคเหนือและภาคตะวันออก 10% และภาคตะวันตก 4% สำหรับร้านค้าที่เริ่มให้บริการในวันแรก มีจำนวน 133,000 ร้าน จากร้านค้าที่ลงทะเบียนสำเร็จแล้ว 638,000 ร้านค้า
โดยส่วนใหญ่เป็นร้านขายอาหารและเครื่องดื่ม 300,000 ร้านค้า รองลงมาคือร้านธงฟ้าประชารัฐ 148,000 ร้านค้า ส่วนที่เหลือเป็นร้านค้าประเภทอื่น ๆ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า ร้านค้าที่สนใจเข้าร่วมโครงการยังสามารถลงทะเบียนได้จนถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2568 ขณะที่ธนาคารกรุงไทย (KTB) จะลงพื้นที่ในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ เพื่อให้บริการแก่ร้านค้าที่มีปัญหาในการสมัครเข้าร่วมโครงการ สำหรับโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” เฟส 2 นายลวรณยืนยันว่า รัฐบาลมีแน่นอน โดยขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณาหลักเกณฑ์และเงื่อนไข รวมถึงจะพยายามหาลูกเล่น เพื่อเพิ่มแรงดึงดูดความสนใจของประชาชน และร้านค้าให้เข้าร่วมโครงการมากขึ้น
kaohoon
ประชาชนแห่ใช้สิทธิ์คนละครึ่งพลัส ยอดพุ่งทะลุ 500 ล้านบาทในครึ่งวัน กระตุ้นเศรษฐกิจโค้งสุดท้ายของปี
วันนี้ (29 ตุลาคม) ที่ บริเวณตลาดหลังกระทรวงการคลัง เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยภายใต้โครงการคนละครึ่งพลัสในวันแรกซึ่งเป็นไปอย่างคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้า
โดยรองนายกฯ ได้ติดตามความพร้อมและพูดคุยกับทั้งประชาชนและร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ โดยมีร้านค้าเข้าร่วมจำนวนมากต่างติดป้ายและเตรียมความพร้อมในการรับสิทธิ์อย่างกระตือรือร้น
เอกนิติ ได้เปิดเผยถึงตัวเลขของโครงการในวันนี้ว่า ในช่วงชั่วโมงแรกของการเริ่มต้นโครงการ มียอดขายรวมกว่า 35 ล้านบาท และเมื่อเวลา 13.00 น. ที่ผ่านมา ยอดขายได้เพิ่มสูงขึ้นเป็น 501 ล้านบาท แล้ว ซึ่งตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความต้องการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน และเป็นกลไกสำคัญในการเพิ่มสภาพคล่องให้กับระบบเศรษฐกิจฐานราก
ตัวเลขที่พุ่งสูงขึ้นนี้เป็นสัญญาณที่ดีมาก รัฐบาลหวังเป็นอย่างยิ่งว่า โครงการคนละครึ่งพลัส จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยให้เศรษฐกิจไทยไม่ติดหล่ม และสามารถฟื้นตัวได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้
นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยังได้กล่าวเชิญชวนร้านค้าที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการ ให้รีบมาลงทะเบียนและใช้โอกาสนี้ในการเพิ่มยอดขาย โดยร้านค้าสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันสิ้นสุดโครงการในวันที่ 31 ธันวาคม 2568
การตอบรับอย่างล้นหลามของประชาชนและการเข้าร่วมของร้านค้าจำนวนมากตั้งแต่เช้าในวันแรกนี้ ตอกย้ำถึงความสำเร็จของโครงการคนละครึ่งพลัส ในการเป็นเครื่องมือสำคัญเพื่อประคับประคองและกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในช่วงปลายปี
ระบบรถไฟฟ้าในเมือง
รถไฟฟ้ามหานครสายสีน้ำเงิน สายสีม่วง สายสีชมพู สายสีเหลือง สายสีเขียว (รวมส่วนต่อขยาย) และสายสีแดง
รถไฟฟ้า BTS
ระบบขนส่งทางน้ำ
เรือด่วนเจ้าพระยา
เรือไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานคร
ระบบรถโดยสารประจำทาง
รถโดยสารองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ทุกเส้นทาง
รถโดยสารบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ทุกเส้นทาง
รถโดยสารเอกชนร่วมบริการที่ได้รับอนุมัติจากกรมการขนส่งทางบก
สำหรับรายชื่อบริษัทรถโดยสารเอกชนที่เข้าร่วม ณ วันที่ 27 ตุลาคม 2568 ได้แก่
บริษัท นครชัยแอร์ จำกัด
บริษัท ปิยะรุ่งเรืองทัวร์ จำกัด
บริษัท ศรีสุเทพขนส่ง จำกัด
บริษัท ระยองทัวร์ จำกัด
บริษัท เน็กซ์ เอ็กซ์เพรส จำกัด (Nex Express Co., Ltd.)
บริษัท แสวงบริการ จำกัด
"คนละครึ่งพลัส”เงินสะพัดกว่า 84 ล้านบาทใน 2 ชม และ ยอดพุ่งทะลุ 500 ล้านบาท ในครึ่งวัน ภาคอีสานคึกคักสุด มีเฟส 2 มีแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (29 ต.ค.68) นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ในวันแรกว่า ประชาชนทั่วประเทศให้ความสนใจใช้จ่ายอย่างคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้า โดยระบบการใช้งานของแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ราบรื่น ไม่มีปัญหาขัดข้อง เมื่อเวลา 08:00 น. หลังเปิดให้ใช้จ่ายผ่านไป 2 ชั่วโมง
พบว่าประชาชนเข้ามาสแกนจ่ายแล้ว 470,000 ราย คิดเป็นวงเงินประมาณ 84 ล้านบาท
สำหรับยอดการใช้จ่ายแบ่งตามภูมิภาค พบว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) มียอดใช้จ่ายสูงสุด 21% รองลงมาเป็นภาคใต้ 15% กรุงเทพมหานคร-ปริมณฑล 14% ภาคกลาง 13% ภาคเหนือและภาคตะวันออก 10% และภาคตะวันตก 4% สำหรับร้านค้าที่เริ่มให้บริการในวันแรก มีจำนวน 133,000 ร้าน จากร้านค้าที่ลงทะเบียนสำเร็จแล้ว 638,000 ร้านค้า
โดยส่วนใหญ่เป็นร้านขายอาหารและเครื่องดื่ม 300,000 ร้านค้า รองลงมาคือร้านธงฟ้าประชารัฐ 148,000 ร้านค้า ส่วนที่เหลือเป็นร้านค้าประเภทอื่น ๆ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า ร้านค้าที่สนใจเข้าร่วมโครงการยังสามารถลงทะเบียนได้จนถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2568 ขณะที่ธนาคารกรุงไทย (KTB) จะลงพื้นที่ในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ เพื่อให้บริการแก่ร้านค้าที่มีปัญหาในการสมัครเข้าร่วมโครงการ สำหรับโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” เฟส 2 นายลวรณยืนยันว่า รัฐบาลมีแน่นอน โดยขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณาหลักเกณฑ์และเงื่อนไข รวมถึงจะพยายามหาลูกเล่น เพื่อเพิ่มแรงดึงดูดความสนใจของประชาชน และร้านค้าให้เข้าร่วมโครงการมากขึ้น
kaohoon