[รีวิว] VIAIM Air หูฟัง Open Air ใส่สบายทั้งวัน ที่ไม่ได้มีไว้แค่ฟังเพลง แต่เป็นเหมือนผู้ช่วยส่วนตัวพร้อม AI

กระทู้ขายของ
สวัสดีครับเพื่อนๆ ทุกคน วันนี้ผมจะมารีวิวหูฟังตัวใหม่ที่น่าสนใจมากๆ ที่มีพลัง AI เข้ามาช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ้นเยอะเลยครับ นั่นก็คือ **VIAIM Air** นี่แหละครับ บอกเลยว่าหูฟังตัวนี้ไม่ได้มีไว้แค่ฟังเพลงเท่านั้น แต่เป็นเหมือนผู้ช่วยส่วนตัวที่พกติดตัวไปได้ทุกที่เลยครับ
.
VIAIM Air เป็นหูฟังที่มาจากบริษัทที่ชื่อว่า VIAIM ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเดียวกับ iFlytek จากประเทศจีนครับ บริษัทนี้มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเสียง การแปลภาษา และมีการเทรน AI มาเพื่องานด้านนี้โดยเฉพาะ ผลงานก็ไม่ธรรมดาเลย เพราะเคยคว้าแชมป์เทคโนโลยีด้านเสียงระดับนานาชาติมา 14 ปีซ้อนแล้ว ดังนั้น หูฟังตัวนี้จึงไม่ใช่หูฟัง AI ทั่วไป แต่เป็นหูฟังที่ช่วยให้เราทำงานได้หลากหลาย โดยเฉพาะเรื่องการแปลภาษาแบบเรียลไทม์ครับ
.
เรามาเจาะลึกรายละเอียดของ VIAIM Air กันแบบครบทุกมิติเลยนะครับ




.
1. ดีไซน์และการสวมใส่ (Design and Comfort)
.
VIAIM Air ถูกออกแบบมาในสไตล์ **Open Ear** หรือแบบเปิดหูครับ ซึ่งจะแตกต่างจากหูฟังแบบ In-Ear ทั่วไปที่ต้องยัดจุกเข้าไปในรูหู
ดีไซน์ภายนอก

ตัวเคสชาร์จของ Air มีลักษณะคล้ายแคปซูลยา ซึ่งขนาดจะค่อนข้างใหญ่หน่อยเมื่อเทียบกับขนาดใบหน้าของเรา รอบตัวเคสจะมีสัญญาณไฟบอกสถานะ และด้านหลังมีปุ่มควบคุม รวมถึงพอร์ตชาร์จแบบ **USB Type C** ทำให้เราสามารถใช้สายชาร์จทั่วไปได้เลยครับ

หูฟัง
หูฟัง Air ถูกออกแบบให้มีสายคล้องหรือตะขอเกี่ยวหู (ตะขอเกี่ยวตรงนี้) ทำให้การสวมใส่มีความมั่นคงมาก ที่สำคัญคือ หูฟังรุ่นนี้จะไม่เข้าไปอุดรูหูของเราเลย ทำให้เรายังคงได้ยินเสียงรอบข้างได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเสียงรถ เสียงคน หรือเสียงสภาพแวดล้อมต่างๆ ตรงด้านหลังหูฟังจะมีแกนสำหรับชาร์จ และมีตัวอักษร L/R บอกว่าเป็นข้างซ้ายหรือขวาครับ

น้ำหนักและการใช้งาน
หูฟังข้างเดียวมีน้ำหนักเบาประมาณ 11.5 กรัม ส่วนเคสชาร์จอย่างเดียว (ไม่รวมหูฟัง) หนัก 73.5 กรัม

วิธีใส่และการสวมใส่สบาย
วิธีใส่ก็ง่ายมากครับ แค่เกี่ยวตะขอคล้องใบหู แล้วให้ตัวหูฟังนั่งอยู่บริเวณแอ่งของใบหู ตัวตะขอเกี่ยวจะมีความอ่อนตัว (ก้านอ่อนๆ) สามารถปรับให้ยึดติดกับหูได้ แม้จะไม่ได้ใส่ลึกมาก แต่เสียงก็ดังและชัดเจนเฉพาะเราเท่านั้นครับ

ความเหมาะสมในการใช้งาน
ด้วยดีไซน์แบบ Open Ear ทำให้ Air เหมาะกับคนที่ต้องการใส่หูฟังตลอดทั้งวันตั้งแต่เช้าถึงเย็น หรือคนที่ชอบออกกำลังกาย เล่นกีฬา วิ่งเทรล หรือขับขี่มอเตอร์ไซค์/จักรยาน เพราะมันแน่นมาก ไม่หลุดง่าย และช่วยให้เราตื่นตัวกับเสียงรอบข้างเพื่อความปลอดภัย การสวมใส่ยังให้ความรู้สึกอ่อนโยน ไม่รู้สึกอึดอัดหรือหนัก

ความเป็นส่วนตัว (Privacy)
แม้จะเป็นหูฟังแบบเปิดหู แต่ VIAIM Air ก็มีเทคนิคพิเศษคล้ายกับ Noise Cancelling แบบย้อนกลับครับ คือมันจะตัดเสียงที่สะท้อนออกมาไม่ให้คนอื่นได้ยิน ทำให้คนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เราจะไม่สามารถได้ยินเสียงจากหูฟังของเราได้เลยครับ


.
2. คุณภาพเสียงและสเปคฮาร์ดแวร์
.
VIAIM Air มาพร้อมกับสเปคเสียงที่น่าประทับใจเลยครับ

ไดรเวอร์เสียง
ตัวหูฟังมีไดรเวอร์แบบ Dynamic ขนาดใหญ่ถึง **16.2 มม.** ต่อตัว ซึ่งใหญ่กว่ารุ่น Nano+ ครับ ไดรเวอร์ชุดนี้ประกอบด้วยคอยล์ทองแดง และไดอะแฟรมคาร์บอน

แนวเสียง
ด้วยไดรเวอร์ขนาดใหญ่ ทำให้ VIAIM Air ให้ **พลังเสียงที่มาก** และ **เสียงเบสที่หนัก** มากกว่าเดิมถึง 3 เท่า มิติเสียงก็กว้างมากครับ หากเพื่อนๆ เปิดฟังเพลงแค่ประมาณ 30% ก็ถือว่าดังเพียงพอแล้วครับ แนวเสียงโดยรวมถือว่าทำได้ดี มีโทนเสียงที่ค่อนข้างบาลานซ์ เสียงกลาง เสียงแหลม และเบสมาครบ และมีมิติที่ใหญ่มาก ทำให้เหมาะกับการดูหนัง ฟังเพลง หรือใช้ในการประชุมสื่อสารต่างๆ

การเชื่อมต่อ
หูฟังตัวนี้รองรับ Bluetooth เวอร์ชั่น 5.3 มีระยะการเชื่อมต่อ 10 เมตร และรองรับ Codec เสียงมาตรฐาน 2 ตัว คือ SBC และ AAC
*การเชื่อมต่อหลายอุปกรณ์ (Dual Device Connection)*
ฟีเจอร์นี้สะดวกมากๆ ครับ เพราะ VIAIM Air สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้พร้อมกัน 2 เครื่อง เช่น มือถือกับแท็บเล็ต หรือมือถือกับคอมพิวเตอร์ และมันจะ *สลับอุปกรณ์โดยอัตโนมัติ* ไปหาเครื่องที่กำลังเล่นเสียงอยู่

แบตเตอรี่
แบตเตอรี่ถือว่าอึดมากครับ
*   หูฟังอย่างเดียว (เปิดความดัง 50%): **ฟังเพลงได้นานสูงสุดถึง 15 ชั่วโมง** หรือคุยโทรศัพท์ได้ 12 ชั่วโมง (แต่ถ้าใช้ฟังก์ชัน AI แปลภาษา จะใช้งานได้ประมาณ 7 ชั่วโมง เพราะต้องใช้พลังงานสูงขึ้น)
*   ใช้ร่วมกับเคส: **รวมกันใช้งานได้นานสูงสุดถึง 40 ชั่วโมง**
*   ความจุแบตเตอรี่: หูฟังข้างละ 100 mAh และเคสชาร์จ 550 mAh

ไมโครโฟนและการตัดเสียงรบกวน
Air มี AI ช่วยตัดเสียงรบกวนสำหรับการพูดคุยโทรศัพท์ ทำให้ได้เสียงที่คมชัดเจน
*ข้อสังเกตสำคัญจุ๊บๆ VIAIM Air *ไม่รองรับ** ระบบ Active Noise Cancelling (ANC) เหมือนหูฟังแบบ In-Ear แต่ใช้ AI ช่วยจัดการเสียงรบกวนภายนอกได้




.
3. ฟังก์ชัน AI และการทำงาน
.
นี่คือจุดขายที่ทำให้ VIAIM Air แตกต่างจากหูฟังทั่วไปครับ หูฟังตัวนี้มี AI ในตัวที่ช่วยในการทำงานได้จริง โดยฟังก์ชัน AI ทั้งหมดที่ Air ทำได้ จะเหมือนกับรุ่น Nano+ เลยครับ

ฟังก์ชันหลักที่ใช้ AI
AI ในหูฟังจะช่วยในการบันทึกเสียง, ถอดเสียงออกมาเป็นข้อความ (Transcribe), แปลภาษาแบบเรียลไทม์ (Real-Time Translate) และยังสามารถนำข้อความที่ได้ไป **ทำสรุป (Summary)**, **ทำ To-Do List**

การใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน VIAIM
เราต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ** VIAIM ** เพื่อใช้งานฟีเจอร์ AI เหล่านี้ครับ
1.  **การควบคุมพื้นฐาน (Touch Control)จุ๊บๆ* ในแอปจะมีการตั้งค่าการสัมผัส (แตะ 1, 2, 3 ครั้ง หรือแตะค้าง) ซึ่งเราสามารถปรับแต่งได้ตามใจชอบ
2.  **โหมดเกม (Game Mode)จุ๊บๆ* สามารถเปิดโหมดนี้เพื่อลดค่าความหน่วง (Low Latency) ได้ อย่างไรก็ตาม จากการทดสอบพบว่าค่าความหน่วงยังอยู่ที่ประมาณครึ่งวินาที ดังนั้นจึงอาจไม่เหมาะกับการเล่นเกมที่ต้องการความแม่นยำสูงครับ
3.  **การบันทึกเสียง (Recording Modes)จุ๊บๆ*
- Call Recording: ใช้สำหรับบันทึกเสียงการโทรศัพท์ ไม่ว่าจะเป็นการโทรปกติ หรือการประชุมออนไลน์ผ่านแอปต่างๆ เช่น Teams, Zoom, WhatsApp, Google Meet, Skype
- Audio/Video Recording: ใช้สำหรับบันทึกเสียงจากคลิปวิดีโอ ไฟล์เสียง, YouTube, Netflix, หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่เล่นอยู่บนโทรศัพท์ของเรา ระบบจะถอดเสียงออกมาเป็นข้อความ และสามารถแปลได้พร้อมกัน
ฟีเจอร์เจ๋งๆ: สามารถทำ **Picture in Picture (PiP)** ได้ คือตัวข้อความที่ถอดและแปลแล้วจะเด้งขึ้นมาเป็นกล่องลอยอยู่เหนือหน้าจอที่เรากำลังดูวิดีโออยู่ ทำให้เราเห็นภาพและอ่านคำแปลได้พร้อมกันในหน้าจอเดียว
- Live Recording / Live Translation and Recording: โหมดเหล่านี้ใช้สำหรับการสนทนาแบบเผชิญหน้า หรือการประชุม
การประชุมจุ๊บๆ* สามารถบันทึกเสียงได้ไกลถึง 7 เมตร และ AI สามารถ **แยกแยะเสียงของผู้พูดแต่ละคน** ได้ด้วย ทำให้เมื่อถอดข้อความออกมาแล้ว จะเห็นว่าใครพูดอะไรบ้าง (Speaker 1, Speaker 2)
การแปลสดจุ๊บๆ* หากคุยกับชาวต่างชาติ AI จะแปลภาษาแบบสดๆ เรียลไทม์ให้เรา

ภาษาและการแปล
*   VIAIM Air รองรับการแปลและถอดเสียงสำหรับ **9 ภาษา** ในแพ็คเกจพื้นฐาน รวมถึง ภาษาไทย, อังกฤษ, ญี่ปุ่น, เกาหลี, อาหรับ, อิตาลี, เยอรมัน, ฝรั่งเศส และสเปน
*   หากต้องการแปลภาษาอื่นๆ มากกว่านี้ สามารถอัปเกรดเป็นแพ็คเกจ Pro หรือ Ultra เพื่อเพิ่มจำนวนภาษาได้ครับ
*   **ความแม่นยำจุ๊บๆ* การถอดเสียงภาษาอังกฤษทำได้แม่นยำสูงกว่า **80-90%** แต่สำหรับภาษาไทย ความแม่นยำจะอยู่ที่ประมาณ **60-70%** ครับ ซึ่งถือว่ายังพอใช้งานได้ แต่ต้องรอให้ AI มีการเทรนภาษาไทยเพิ่มเติมในอนาคต

ข้อจำกัดการบันทึก (สำคัญมาก!)
เพื่อนๆ ต้องทราบไว้ก่อนนะครับว่า VIAIM Air ต้องทำการบันทึกผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือของเราเท่านั้นครับ (แต่จะมีอีกรุ่นที่สามารถบันทึกในหูฟังได้ด้วย เดี๋ยวโอกาสหน้าผมจะมารีวิวให้ครับ)



.
4. AI ขั้นสูงและการทำงานต่อยอด
.
หลังจากที่เราได้ไฟล์เสียง (Audio File) และไฟล์ข้อความ (Text File) ที่ถอดและแปลแล้ว เราสามารถใช้ AI จัดการข้อมูลต่อได้ครับ

Summary (สรุปย่อ): AI สามารถสรุปบทสนทนาหรือการประชุมที่ยาวนานออกมาเป็นประเด็นสำคัญได้ทันที
To-Do List: หากมีการพูดถึงกำหนดการหรือสิ่งที่ต้องทำ AI ก็สามารถแยกออกมาเป็น To-Do List ได้
Mind Map: AI สามารถจัดทำแผนภาพความคิด (Mind Map) ออกมาเป็นไดอะแกรม เพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจหรือส่งต่อข้อมูลให้คนอื่นได้ครับ

การแชร์ข้อความสด (Text Live Sharing): ขณะที่เรากำลังบันทึกและถอดเสียงอยู่ เราสามารถสร้างลิงก์พร้อมรหัสผ่านเพื่อแชร์ให้เพื่อนคนอื่นดูข้อความและคำแปลได้แบบเรียลไทม์ผ่านเว็บเบราว์เซอร์

การเลือกใช้ AI Model
ในแอปฯ VM เราสามารถเลือกใช้โมเดล AI ที่อยู่เบื้องหลังการทำงานเหล่านี้ได้ครับ เช่น ChatGPT 4.1 (เป็นค่าเริ่มต้น) หรือจะเลือกเป็น GPT 5, Claud 3.7, Sonnet 4, OpenAI3, หรือ Gemini 2.5 Pro ก็ได้

โควต้าการใช้งาน AI
**แบบฟรี (Basic)จุ๊บๆ* หากเราซื้อหูฟังมา จะได้รับโควต้าการถอดเสียงและแปลภาษาแบบฟรี **600 นาทีต่อเดือน** โดยไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม ซึ่งโควต้าจะถูกรีเซ็ตทุกเดือน
**แบบ Pro/Ultraจุ๊บๆ* หาก 600 นาทีไม่เพียงพอ หรือต้องการใช้ฟีเจอร์ระดับสูงและโควต้าไม่จำกัด ก็สามารถอัปเกรดเป็นแพ็คเกจ Pro หรือ Ultra ได้ครับ



.
5. วิธีการใช้งานพื้นฐานที่สำคัญ
.
การเปิด-ปิดเครื่อง:
VIAIM Air มีปุ่มเลื่อน Power (อยู่ด้านหลังหรือแกน) เพื่อเปิด-ปิดการใช้งาน เราต้องเปิดเครื่องก่อนถึงจะใช้งานได้นะครับ

การเชื่อมต่อ/รีบูต:
หากต้องการเชื่อมต่อครั้งแรกหรือรีบูต (เช่น หากอยากต่อ Air ข้างซ้ายกับเครื่องหนึ่ง และข้างขวากับอีกเครื่องหนึ่ง)
1. ให้เรากดปุ่มที่อยู่ตรงเคสชาร์จ (ตรงตูด) ค้างไว้
2. จนกระทั่งเกิดไฟกระพริบ เพื่อทำการรีบูต
การควบคุมเสียง/โหมดต่างๆ:
การควบคุมหลักใช้การแตะที่ตัวหูฟัง ในแอปฯ เราสามารถเลือกปรับโหมดเสียง (Sound Setting) ได้จากพรีเซ็ตที่มีให้เลือกถึง 22 แบบ หรือจะปรับ EQ เองแบบ Custom ด้วย 8 แบนด์ก็ได้ครับ


.
6. สรุปความคุ้มค่าและราคา
.
VIAIM Air เป็นหูฟังที่เน้นการใช้งานแบบ Open Ear เหมาะสำหรับคนที่:

1.  สายออกกำลังกาย/เคลื่อนไหวบ่อย: เพราะมันใส่กระชับ ไม่เจ็บหู และได้ยินเสียงรอบข้างเพื่อความปลอดภัย
2.  ผู้ที่ใช้ AI เพื่อการทำงาน: ต้องการเครื่องมือช่วยแปลภาษาแบบเรียลไทม์ และถอดเสียงสรุปการประชุม
3.  ผู้ที่ชอบเสียงดี มิติเสียงกว้าง: มีพลังเบสที่หนักแน่น และฟังได้สบายหูตลอดวัน

ราคา
VIAIM Air ราคาอยู่ที่ 5,199 บาท ครับ สามารถหาซื้อได้ตามช่องทางออนไลน์ต่างๆ หรือถ้ามีโปรโมชั่นพิเศษ ราคาอาจจะถูกลงไปอีกครับ ผมจะใส่ link ไว้ให้ด้านล่างนี้ครับ

1.Shopee https://s.shopee.co.th/9fCcvQfllm

2.Lazada https://c.lazada.co.th/t/c.XWRxc3
.
หวังว่าข้อมูลทั้งหมดที่ผมเล่ามาจะช่วยให้เพื่อนๆ ตัดสินใจเลือกหูฟังที่เหมาะกับสไตล์การทำงานและการใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นนะครับ แล้วเจอกันใหม่ในการรีวิวครั้งหน้า ขอบคุณมากครับ!

สินค้าอื่นๆ ของ yoknipas

แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  หูฟัง Headphone
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่