[CR] ‘พัทลุง’ ยิ่งรู้จัก..ยิ่งรักอย่างแรง

ผมมาพัทลุงครั้งแรก น่าจะกว่า 20 ปีแล้ว จำได้เลยว่า สิ่งที่ดึงดูดให้ผมมาในครั้งนั้นคือภาพของยอยักษ์ ริมคลองปากประ อยากจะมาเห็นด้วยตาของตัวเองสักครั้ง หลังจากถ่ายภาพเสร็จก็ตีรถไปเที่ยวที่สงขลาต่อ ครั้งที่สอง มาเที่ยวกับคณะ เขาวางแผนมาพัทลุงเพื่อมาล่องเรือชมทะเลน้อย จากนั้นก็ตีไปเที่ยวจังหวัดอื่นต่อ ครั้งที่สามผมมาเที่ยวสงขลา มีวันว่าง 1 วัน เลยวางแผนเที่ยวน้ำตกและถ้ำในพัทลุงแบบไปเช้าเย็นกลับ ส่วนครั้งที่ 4 เริ่มวางแผนเที่ยวพัทลุงแบบเจาะจงขึ้น โดยเลือกปักหมุดที่เกาะหมาก แห่งอำเภอปากพะยูน ในครั้งนั้นมีเวลา 2 วัน 1 คืน และครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 5 ที่ผมให้เวลากับพัทลุงอย่างเต็มที่ กับโปรแกรม 4 วัน 3 คืน บอกเลยว่าเวลา 3 วันเต็ม ๆ กับการเที่ยวในพัทลุง ไม่เพียงพอนะครับ พัทลุงมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ถ้าหากตั้งใจจะตะเวนเที่ยวพัทลุงแบบทุกซอกทุกมุมอาจต้องใช้เวลาถึง 5 วัน ยิ่งผมได้รู้จักพัทลุงมากขึ้นเท่าไร ยิ่งทำให้ผมตกหลุมรักพัทลุงมากขึ้นเท่านั้น พัทลุงอาจเป็นจังหวัดนอกสายตาของใครหลาย ๆ คน แต่ถ้าได้ลองมาสัมผัสพัทลุงแบบใกล้ชิดดู จะรู้ว่าพัทลุงมีอะไรดี ๆ ซ่อนไว้มากมายครับ

เพื่อเป็นการประหยัดเวลาในการเดินทาง ผมจึงเลือกบินกับแอร์เอเชีย โดยบินลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ ในเวลา 10.15 น. ครับ
หลังติดต่อรับรถเช่าที่ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่เรียบร้อยแล้ว ผมก็มุ่งหน้าสู่ภูดินสอรีสอร์ท ในอำเภอศรีนครินทร์ จังหวัดพัทลุง ซึ่งเป็นจุดนัดหมายและเป็นจุดเริ่มต้นของแพคเกจเที่ยวชุมชนแนวเทือกเขาบรรทัด แบบ 2 วัน 1 คืน ที่ผมซื้อแพคเกจทัวร์ผ่าน สุวิทย์ทราเวล ครับ

พอเข้าเขตพัทลุง พลันสายตาก็เหลือบมองเห็นป้าย ‘ยินดีต้อนรับสู่จังหวัดพัทลุง เมือง 3 มรดกโลก’ สารภาพเลยว่าแอบตกใจ เพราะไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพัทลุงคือเมือง 3 มรดกโลก เลยต้องรีบถาม Google ในทันทีว่ามรดกโลก 3 อย่างนั้นมีอะไรบ้าง ท้ายสุดก็ได้คำตอบมาว่า เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำโลก เป็นมรดกทางการเกษตรโลก (การเลี้ยงควายปลักและพื้นที่ชุ่มน้ำ) และเป็นมรดกภูมิปัญญาวัฒนธรรม (มโนราห์) พอทราบดังนั้น ทำให้ผมยิ่งตื่นเต้นกับการมาเยือนพัทลุงในครั้งนี้ขึ้นมาอีกเท่าตัวครับ

จากท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงก็มาถึงที่ภูดินสอรีสอร์ท เมื่อมาถึง เพื่อนร่วมทริปคนอื่น ๆ ก็รออยู่ก่อนแล้ว ลงจากรถปุ๊บก็เดินทางกันต่อเลย คุณสุวิทย์ได้เตรียมรถสองแถวไม้โบราณ เป็นยานพาหนะพาลูกทริปไปเที่ยวยังสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ จุดหมายแรกอยู่ที่ ‘ATV เขาครามแอดเวนเจอร์’ โดยเราจะได้ขับ ATV ไปลุยผืนป่าเขียวกันครับ   

เมื่อมาถึงที่ ATV เขาครามแอดเวนเจอร์ น้องพนักงานจะอธิบายการขับขี่รถ ATV เริ่มตั้งแต่การสตาร์ทรถ การเดินหน้า ถอยหลัง การใช้เบรก และให้เราทำการซ้อมขับ ATV กันก่อน หลังจากซ้อมขับกันจนคุ้นเคยมือก็เริ่มออกพื้นที่จริงครับ ตลอดสองข้างทางผมได้สัมผัสกับธรรมชาติผืนป่าสวนยาง ได้ลุยน้ำผ่านลำธาร แช่สายน้ำเย็น ๆ ให้ชื่นฉ่ำใจ ปิดท้ายด้วยแวะคาเฟ่ นั่งจิบเครื่องดื่มเย็น ๆ ฟังเสียงสายน้ำ ฟินไปกับบรรยากาศที่อยู่ตรงหน้า เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ทั้งสนุก ตื่นเต้น ท้าทาย แถมยังได้รูปสวย ๆ ที่ทีมงานคอยถ่ายให้ระหว่างเส้นทางด้วยครับ






ATV เขาคราม แอดแวนเจอร์ จะให้บริการวันละ 3 รอบ คือรอบ 08.30 น., 12.00 น. และรอบ 15.30 น. ใช้เวลาในการขับประมาณ 2 ชั่วโมง ราคารถคันใหญ่ ขับคนเดียว คันละ 600 บาท แต่ถ้ามีผู้โดยสารนั่งซ้อน 1 คน คิดราคาคันละ 700 บาท ครับ สามารถโทรสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.092-418 4788 นะครับ แต่บอกเลยว่ามือใหม่หัดขับ ATV เมื่อยแขนมาก ขนาดผมสลับกับเพื่อนขับในขากลับ แขนนี่ต้องเกร็งตลอดเวลา เพราะต้องคอยจับแฮนด์รถไม่ให้รถออกนอกเส้นทาง ที่เขาครามมีให้บริการ ATV หลายเจ้านะครับ ลองเปรียบเทียบราคาจากหลาย ๆ เจ้าดู

เสร็จสิ้นจากการขับ ATV คุณสุวิทย์พาไปนั่งจิบเครื่องดื่มเย็น ๆ ที่ ‘ในดงบอน บ้านเขาคราม’ ครับ
‘ในดงบอน’ คาเฟ่เล็ก ๆ ในสวนข้างบ้านที่ชุมชนบ้านเขาคราม ที่ให้บริการทั้งเครื่องดื่ม อาหารและของทานเล่น นอกจากคาเฟ่แล้ว ที่นี่ยังเป็นสถานที่จัดแสดงงานศิลปะด้วยครับ

บ่ายนี้ผมได้ลอง น้ำช่อดอกมะพร้าว รสชาติหวานอ่อน ๆ มีความหอมเฉพาะตัว ดื่มแล้วสดชื่นดีเลยทีเดียวครับ


บรรยากาศในร้านร่มรื่นท่ามกลางป่าบอนอันเขียวขจี มีมุมถ่ายรูปสวย ๆ เยอะมาก ที่นี่เปิดเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์ และ วันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 09.00 -18.00 น. ครับ



หลังจากเสพบรรยากาศสีเขียวในดงบอนกันจนอิ่มเอมใจแล้ว คุณสุวิทย์พาผมไปเรียนรู้การจักสานเตยป่าที่ ‘ทิวบรรทัดหัตถศิลป์ สาน-ต่อ- เตย’ ศูนย์เรียนรู้การจักสานเตยป่าบนเทือกเขาบรรทัดที่ใช้ภูมิปัญญาชาวอำเภอกงหรา ภายใต้ชื่อแบรนด์คราฟต์ “ทิวบรรทัด” ครับ โดยการเรียนรู้ครั้งได้มีบังบี เสกศิลป์ ชูศรีอ่อน เจ้าของตราสินค้าทิวบรรทัด มาเล่าความเป็นมาให้ฟังว่า “เตยป่าจะขึ้นอยู่บริเวณริมน้ำชื้นแฉะ ใบเตยป่ามีลักษณะเรียวยาว และมีความเหนียว กลางใบเป็นร่องรางลึกและมีเส้นใยที่แข็งแรง จึงเหมาะกับการนำมาจักสานเป็นผลิตภัณฑ์ ใบเตยป่าเมื่อตัดใบไปแล้วใช้เวลาไม่นานนักก็จะแตกใบใหม่ จึงสามารถตัดเป็นรอบได้ทุก ๆ สามเดือน ปัจจุบันชาวบ้านในพื้นที่มักนำเตยป่ามาขยายพันธุ์ไว้ในบริเวณบ้านเพื่อทำเป็นไม้ประดับ รวมถึงนำไปใช้ประโยชน์ในการจักสานเสื่อและกระเป๋า”

ก่อนจะนำใบเตยป่ามาสาน จะต้องทำให้เป็นเส้นตอกโดยกรีดเอาหนามออกและนำไปตากแดดเพื่อให้เส้นตอกนุ่ม ราว 1 แดด ซึ่งจะทำให้สานได้ง่ายขึ้น ปัจจุบันมีการต่อยอดจากผลิตภัณฑ์รูปแบบดั้งเดิมให้มีความทันสมัยมากขึ้น โดยมีการนำเศษผ้ามาตกแต่งให้มีสีสันมากขึ้น



คุณสมบัติของเตยป่าคือยิ่งใช้ยิ่งเหนียว ยิ่งแห้งสียิ่งสวย จุดเด่นของผลิตภัณฑ์คืองานสานเตยป่าลายขัดดั้งเดิม สีธรรมชาติ โดยยึดแบบกระบุงทรงก้นเหลี่ยมปากกลมสไตล์เดิม ๆ ของกงหรา มีกระเป๋าถือและงานชิ้นเล็ก ๆ น้อย ๆ นอกจากนี้ยังมี Workshop  ให้เลือกทำด้วยอย่างการประดิษฐ์พวงกุญแจหัวครก พวงกุญแจควายมรดกโลก พวงกุญแจปลาหวด ครับ
หลังจากจบ Workshop คุณสุวิทย์พาไปทานมื้อเย็นที่ร้านครัวซีซะ ก่อนนำเข้าที่พักที่ภูดินสอรีสอร์ทครับ

ภูดินสอรีสอร์ทอยู่ติดกับถนนเพชรเกษม มีห้องพักหลากหลายประเภท สามารถเข้าพักได้ตั้งแต่ 2 คน, 3 คน, 4 คน และ 6 คน โดยห้องผมพักแบบ 2 คน ในห้องมีปลั๊กไฟว่างเพียง 1 ปลั๊ก อยู่บริเวณโต๊ะเขียนหนังสือ และอีก 1 ปลั๊กอยู่ด้านหลังทีวี หากจำเป็นต้องใช้ปลั๊กเพิ่มเติมในการชาร์จมือถือ ชาร์จแบตกล้องถ่ายรูปหรืออุปกรณ์อื่น ๆ สายไฟที่จะพ่วงต้องยาวพอสมควร เพราะตรงหลังทีวีไม่มีชั้นวาง และทางที่พักไม่มีปลั๊กพ่วงให้ยืมใช้ครับ





ชื่อสินค้า:   พัทลุง
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่