"เดินทางสายกลาง
คือ...สงบ วางสุข วางทุกข์
ดังนั้น...
ถ้าจะบวชปฏิบัติต้องเดินทางสายกลางนี้
เราจะไม่เอาใจใส่ความสุข ความทุกข์
จะวาง...มัน
แต่รู้สึกว่า...มันเตะเรา
เดี๋ยวไอ้นี่ เตะทางนี้ ไอ้นั่น เตะทางนั้น... เหมือนกับลูกโป่งลาง (กระดิ่งที่ทำด้วยไม้)
มันฟัดเราทั้งสองข้างเข้าใส่กัน มีสองอย่าง
นี้แหละ! เตะเราอยู่...
ดังนั้น...
พระองค์เทศน์ครั้งแรก จึงทรงยกทางที่สุด
ทั้งสองขึ้นแสดง เพราะมันติดอยู่ นี่!
ความอยากได้สุข เตะทางนี้บ้าง
ความทุกข์ไม่พอใจ เตะทางโน้นบ้าง
สองอย่างเท่านั้น...เล่นงานเราตลอดกาล
การเดินทางสายกลาง
เราจะวางสุข เราจะวางทุกข์ สัมมาปฏิปทาต้องเดินสายกลาง เมื่อความอยากได้สุข
มากระทบ ถ้าไม่ได้สุข มันก็ทุกข์ เท่านั้น
จะเดินกลางๆ ตามทางพระพุทธเจ้าเดินนั้นลำบาก มันมีสองอย่าง คือดี กับร้ายเท่านั้น ถ้าไปเชื่อพวกนี้ ก็ต้องเป็นอย่างนี้...
ถ้าโกรธขึ้นมา ก็คว้าหาท่อนไม้เลย ไม่ต้องอดทน
ถ้าดี ก็ลูบตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้านั่น
ใช้แล้ว...ทางสองข้างมันไม่ไปกลางๆ สักที
พระพุทธเจ้า ท่านไม่ให้ทำอย่างนั้น...
ท่านให้ค่อยๆ วาง...มันไป
ทางสายนี้ คือสัมมาปฏิปทา ทางเดินออก
จากภพ จากชาติ ทางไม่มีภพ ไม่มีชาติ
ไม่มี...สุข ไม่มี...ทุกข์ ไม่มี...ดี ไม่มี...ชั่ว
มนุษย์ทั้งหลายที่ต้องการภพ
ถ้าตกลงมา ก็ถึงสุขนี่ มันมองไม่เห็นตรงกลางผ่านเลยลงมานี่ ถ้าไม่ได้ตามความพอใจก็เลยมานี่! ข้ามตรงกลางไปเรื่อย...
ที่พระอยู่เรามองไม่เห็นสักที
วิ่งไปวิ่งมา อยู่นี่แหละ! ไม่อยู่ตรงที่ไม่มีภพ ไม่มีชาติ เราไม่ชอบจึงไม่อยู่...
บางที ก็เลยลงมาข้างล่าง ถูกสุนัขกัด ปีนขึ้นไปข้างบนก็ถูกอีแร้ง อีกาปากเหล็กมาจิกกระบาล ก็เลยตกนรกอยู่ไม่หยุดไม่ยั้งเท่านั้น
นี่แหละ! ภพ อันที่ว่าไม่มีภพ ไม่มีชาติ
มนุษย์ทั้งหลายไม่เห็น จิตมนุษย์มองไม่เห็น
จึงข้ามไปข้ามมา อยู่อย่างนั้น....
สัมมาปฏิปทา คือทางสายกลางที่พระพุทธเจ้าเดินพ้นภพ พ้นชาติ เป็น"อัพยากตธรรม"
จิตนี้ วาง...นี่! เป็นทางของสมณะ
ถ้าใครไม่เดินเกิดเป็นสมณะ ไม่ได้
ความสงบเกิด ไม่ได้ ทำไม? จึงสงบไม่ได้ เพราะมันเป็นภพ เป็นชาติ เกิด-ตาย อยู่...
นั่นเอง แต่ทางนี้ไม่เกิด ไม่ตาย ไม่ต่ำ ไม่สูง
ไม่สุข ไม่ทุกข์ ไม่ดี ไม่ชั่วกับใคร
ทางนี้เป็นทางตรง เป็นทางสงบระงับ
สงบจากความสุข ความทุกข์ ความดีใจ
ความเสียใจ นี้คือ...ลักษณะปฏิบัติ
ถ้าใจเราเป็นอย่างนี้แล้ว...หยุดได้
หยุดถามได้แล้ว...
ไม่ต้องไปถามใคร นี่แหละ!"
พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า...
"ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญู-หิ"
ไม่ต้องถามใคร รู้เฉพาะ...ตนแน่."
--------------------------------------------------------------
หลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง
ปฏิบัติธรรมที่ถูกต้อง อย่าติดสุข ติดทุกข์
คือ...สงบ วางสุข วางทุกข์
ดังนั้น...
ถ้าจะบวชปฏิบัติต้องเดินทางสายกลางนี้
เราจะไม่เอาใจใส่ความสุข ความทุกข์
จะวาง...มัน
แต่รู้สึกว่า...มันเตะเรา
เดี๋ยวไอ้นี่ เตะทางนี้ ไอ้นั่น เตะทางนั้น... เหมือนกับลูกโป่งลาง (กระดิ่งที่ทำด้วยไม้)
มันฟัดเราทั้งสองข้างเข้าใส่กัน มีสองอย่าง
นี้แหละ! เตะเราอยู่...
ดังนั้น...
พระองค์เทศน์ครั้งแรก จึงทรงยกทางที่สุด
ทั้งสองขึ้นแสดง เพราะมันติดอยู่ นี่!
ความอยากได้สุข เตะทางนี้บ้าง
ความทุกข์ไม่พอใจ เตะทางโน้นบ้าง
สองอย่างเท่านั้น...เล่นงานเราตลอดกาล
การเดินทางสายกลาง
เราจะวางสุข เราจะวางทุกข์ สัมมาปฏิปทาต้องเดินสายกลาง เมื่อความอยากได้สุข
มากระทบ ถ้าไม่ได้สุข มันก็ทุกข์ เท่านั้น
จะเดินกลางๆ ตามทางพระพุทธเจ้าเดินนั้นลำบาก มันมีสองอย่าง คือดี กับร้ายเท่านั้น ถ้าไปเชื่อพวกนี้ ก็ต้องเป็นอย่างนี้...
ถ้าโกรธขึ้นมา ก็คว้าหาท่อนไม้เลย ไม่ต้องอดทน
ถ้าดี ก็ลูบตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้านั่น
ใช้แล้ว...ทางสองข้างมันไม่ไปกลางๆ สักที
พระพุทธเจ้า ท่านไม่ให้ทำอย่างนั้น...
ท่านให้ค่อยๆ วาง...มันไป
ทางสายนี้ คือสัมมาปฏิปทา ทางเดินออก
จากภพ จากชาติ ทางไม่มีภพ ไม่มีชาติ
ไม่มี...สุข ไม่มี...ทุกข์ ไม่มี...ดี ไม่มี...ชั่ว
มนุษย์ทั้งหลายที่ต้องการภพ
ถ้าตกลงมา ก็ถึงสุขนี่ มันมองไม่เห็นตรงกลางผ่านเลยลงมานี่ ถ้าไม่ได้ตามความพอใจก็เลยมานี่! ข้ามตรงกลางไปเรื่อย...
ที่พระอยู่เรามองไม่เห็นสักที
วิ่งไปวิ่งมา อยู่นี่แหละ! ไม่อยู่ตรงที่ไม่มีภพ ไม่มีชาติ เราไม่ชอบจึงไม่อยู่...
บางที ก็เลยลงมาข้างล่าง ถูกสุนัขกัด ปีนขึ้นไปข้างบนก็ถูกอีแร้ง อีกาปากเหล็กมาจิกกระบาล ก็เลยตกนรกอยู่ไม่หยุดไม่ยั้งเท่านั้น
นี่แหละ! ภพ อันที่ว่าไม่มีภพ ไม่มีชาติ
มนุษย์ทั้งหลายไม่เห็น จิตมนุษย์มองไม่เห็น
จึงข้ามไปข้ามมา อยู่อย่างนั้น....
สัมมาปฏิปทา คือทางสายกลางที่พระพุทธเจ้าเดินพ้นภพ พ้นชาติ เป็น"อัพยากตธรรม"
จิตนี้ วาง...นี่! เป็นทางของสมณะ
ถ้าใครไม่เดินเกิดเป็นสมณะ ไม่ได้
ความสงบเกิด ไม่ได้ ทำไม? จึงสงบไม่ได้ เพราะมันเป็นภพ เป็นชาติ เกิด-ตาย อยู่...
นั่นเอง แต่ทางนี้ไม่เกิด ไม่ตาย ไม่ต่ำ ไม่สูง
ไม่สุข ไม่ทุกข์ ไม่ดี ไม่ชั่วกับใคร
ทางนี้เป็นทางตรง เป็นทางสงบระงับ
สงบจากความสุข ความทุกข์ ความดีใจ
ความเสียใจ นี้คือ...ลักษณะปฏิบัติ
ถ้าใจเราเป็นอย่างนี้แล้ว...หยุดได้
หยุดถามได้แล้ว...
ไม่ต้องไปถามใคร นี่แหละ!"
พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า...
"ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญู-หิ"
ไม่ต้องถามใคร รู้เฉพาะ...ตนแน่."
--------------------------------------------------------------
หลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง