ขึ้นศาลจำลอง AI คดีผู้บริโภค

เริ่มจากไปที่ Gemini
พิมพ์ว่า เป็นศาลจำลองให้หน่อย
1.คดีแพ่ง หรือคดีผู้บริโภค
2.ประเด็นเรื่องค่าจ้าง
3.ผมเขียนคำให้การของโจทก์และจำเลย
4.ให้คุณเป็นผู้พิพากษา และผู้ใหคำแนะนำทางกฎหมาย

คำให้การของโจทก์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ศาลได้รับทราบข้อเท็จจริงตามที่ โจทก์ (นางสาวสุดา) กล่าวอ้างแล้ว สรุปได้ว่า:
1.โจทก์จ้างจำเลย (นายสม) ผ่าน FastWork เพื่อรับรองเอกสาร
2.โจทก์เป็นฝ่ายผิดนัด/เอกสารไม่ครบหลายครั้ง (6 ต.ค., 16 ต.ค., 21 ต.ค.)
3.จำเลยเคยยกเว้นค่าปรับ/ค่าเสียโอกาสให้ 2 ครั้ง
4.ในครั้งที่ 3 (21 ต.ค.) จำเลยได้พยายามดำเนินการแล้ว (โดยจ้างแมสเซ็นเจอร์) แต่ไม่สำเร็จเพราะโจทก์ส่งเอกสารไม่ครบอีก (ขาดสำเนาใบปริญญาภาษาไทย)
5.จำเลยจึงเรียกเก็บเงินเพิ่ม 610 บาท (ค่าแมสเซ็นเจอร์ที่ไปเก้อ 310 บาท + ค่าดำเนินการในวันถัดไป 300 บาท)
6.โจทก์จำใจจ่าย แต่เห็นว่าเป็นการเรียกเก็บเกินกว่าที่ตกลง จึงฟ้องเรียกคืน

คำให้การณ์จำเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ศาลได้รับคำให้การแก้คดีของจำเลย (นายสม) แล้ว"
"ศาลได้พิจารณาคำฟ้องของโจทก์ (นางสาวสุดา) ที่ประสงค์จะเรียกเงินจำนวน 610 บาทคืน โดยอ้างว่าเป็นการเรียกเก็บเงินเกินกว่าค่าจ้างที่ตกลงกันไว้"
"และศาลได้รับฟังคำให้การของจำเลย (นายสม) ที่ยอมรับว่าเรียกเก็บเงิน 610 บาทจริง แต่ปฏิเสธว่าไม่ใช่การเรียกเก็บเงินเกินสัญญา แต่เป็น 'ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง' อันเนื่องมาจากความบกพร่องของโจทก์ และ 'ค่าดำเนินการครั้งใหม่' ที่จำเป็นต้องทำ

ศาลเห็นว่า คำให้การของจำเลย (นายสม) ได้ให้รายละเอียดที่ชัดเจนมาก โดยเฉพาะการแจกแจงค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในวันที่ 21 ตุลาคม 2568 ว่า 310 บาทนั้น มาจาก:
1.ค่าจ้างแมสเซ็นเจอร์ครั้งแรก (เพื่อเลี่ยงคิว 7 วัน) = 110 บาท
2.ค่าแมสเซ็นเจอร์กลับไปรับเอกสารเพิ่ม (ที่โจทก์ส่งช้า) = 50 บาท
3.ค่าแมสเซ็นเจอร์นำเอกสารไปคืน (เพราะเอกสารโจทก์ไม่ครบ) = 50 บาท
4.ค่ารอคิวของแมสเซ็นเจอร์ 1 ชั่วโมง = 100 บาท รวม 310 บาท
5.จำเลยยังอ้างอีกว่า เงินส่วนที่เหลืออีก 300 บาท คือค่าดำเนินการสำหรับคิวใหม่ในวันที่ 22 ตุลาคม

    ที่สำคัญที่สุด จำเลยอ้างว่า ค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บจริงคือ 310 + 300 + 200 (ค่าคิวด่วน) = 810 บาท แต่โจทก์โอนมาเพียง 610 บาท และจำเลยได้ "ยอมขาดทุน" โดยออกค่าคิวด่วน 200 บาท และค่าส่ง 47 บาทให้โจทก์เองด้วย

การชี้ประเด็นข้อพิพาท (กำหนดประเด็น)

เมื่อพิจารณาคำฟ้องและคำให้การแก้คดีแล้ว ข้อเท็จจริงส่วนใหญ่ไม่ขัดแย้งกัน (มีการจ้างจริง, มีการเลื่อนจริง 2 ครั้ง) แต่มีประเด็นที่ต้องวินิจฉัย ดังนี้:
ประเด็นที่ 1: สัญญาจ้างบริการตาม FastWork สิ้นสุดลงหรือไม่ เมื่อโจทก์เป็นฝ่ายส่งเอกสารไม่ครบถ้วนในวันที่ 21 ตุลาคม 2568?
ประเด็นที่ 2: เงินจำนวน 610 บาท ที่จำเลยเรียกเก็บ ถือเป็น "ค่าเสียหาย" (สำหรับวันที่ 21) และ "ค่าจ้างสำหรับงานครั้งใหม่" (สำหรับวันที่ 22) ที่จำเลยมีสิทธิเรียกได้โดยชอบธรรม หรือถือเป็น "ส่วนหนึ่งของค่าจ้างเดิม" ที่จำเลยไม่มีสิทธิเรียกเพิ่ม?

(หมายเหตุของศาล: ส่วนประเด็นเรื่องการรีวิว 1.8 ดาว หรือเรื่องเอกสารเปียก แม้จะแสดงถึงความขัดแย้ง แต่ไม่อยู่ในประเด็นแห่งคดีที่ว่าด้วยการเรียกเงิน 610 บาทคืน ศาลจึงจะมุ่งพิจารณาเฉพาะเรื่องเงิน 610 บาทเท่านั้น)

การกำหนดภาระการพิสูจน์ (Mock Court ดำเนินการต่อ)

ผู้พิพากษา: "เนื่องจากจำเลย (นายสม) เป็นฝ่ายกล่าวอ้างว่า มี 'ค่าใช้จ่ายจริง' เกิดขึ้น 310 บาท จำเลยจึงมีภาระการพิสูจน์ (ต้องนำสืบ) ว่าค่าใช้จ่าย 310 บาทนั้นเกิดขึ้นจริงตามที่แจกแจงมา"
ผู้พิพากษา: (หันไปทางจำเลย) "จำเลย, คุณมีหลักฐานการโอนเงิน หรือแชทที่ตกลงจ้างแมสเซ็นเจอร์ในราคา 110 บาท, ค่ารับส่ง 50+50 บาท และค่ารอ 100 บาท หรือไม่? กรุณาแสดงต่อศาล"
ผู้พิพากษา: (หันไปทางโจทก์) "โจทก์ (นางสาวสุดา), ตามคำให้การของจำเลย เขาอ้างว่าเขาขาดทุนจากการรับงานของคุณ (เพราะจ่ายค่าคิวด่วน 200 และค่าส่ง 47 ให้) และเงิน 610 บาทนั้น คือต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงจากความผิดพลาดของตัวโจทก์เอง โจทก์จะคัดค้านข้อเท็จจริงเรื่องค่าใช้จ่าย 310 บาทของจำเลยหรือไม่?"
ผู้พิพากษา: "และโจทก์มีหลักฐานใดมาแสดงว่า ข้อตกลงใน FastWork นั้น ครอบคลุมการที่จำเลยต้องไปยื่นเอกสารให้ 'ไม่จำกัดจำนวนครั้ง' แม้ว่าผู้ว่าจ้าง (โจทก์) จะเป็นฝ่ายเตรียมเอกสารผิดพลาดเองก็ตาม?"

(ศาลรอการนำสืบพยานหลักฐานจากทั้งสองฝ่ายครับ)

คำให้การจำเลยเพิ่มเติม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ศาลได้รับคำให้การเพิ่มเติมของจำเลย (นายสม) เพื่อชี้แจงรายละเอียดของค่าใช้จ่าย 610 บาทแล้ว"
"ศาลสรุปคำชี้แจงของจำเลยได้ดังนี้:"
จำเลยอ้างว่าเงิน 610 บาท แบ่งเป็น 2 ส่วน คือค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงในวันที่ 21 ต.ค. และค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในวันที่ 22 ต.ค.
ส่วนที่ 1: ค่าใช้จ่ายวันที่ 21 ต.ค. (รวม 310 บาท) จำเลยอ้างว่าได้จ้างนายปาล์ม (ผ่านแอป Skootar)
1. ค่าจ้างเริ่มต้น (ตามใบเสร็จ): 110 บาท
2. ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากโจทก์ส่งเอกสารเพิ่ม (เวลา 14.30 น.): จำเลยต้องเรียกนายปาล์มกลับมารับเอกสารเพิ่ม จำเลยอ้างว่าแม้แอปขัดข้อง แต่นายปาล์มตกลงคิดค่า "กลับมารับ" ตามวาจา (อิงตามกฎ Skootar) = 50 บาท
3.ค่ารอคิวที่กรมการกงสุล: นายปาล์มต้องรอคิวดำเนินการเกิน 30 นาที (ตามกฎ Skootar) = 100 บาท
4. ค่าตีกลับ (เมื่อพบว่าเอกสารไม่ครบ): นายปาล์มต้องนำเอกสารกลับมาคืน (ตามกฎ Skootar 50% ของค่าจ้าง) = 50 บาท
(ศาลหมายเหตุ: 110 + 50 + 100 + 50 = 310 บาท)
จำเลยอ้างว่าค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่ม (150 บาท) นี้ เกิดจากความผิดพลาดของโจทก์ 2 ประการ คือ (1) ส่งเอกสารไม่ครบในครั้งแรก และ (2) ส่งเอกสารไม่ครบถ้วนในที่สุด
ส่วนที่ 2: ค่าใช้จ่ายวันที่ 22 ต.ค. (รวม 300 บาท) จำเลยอ้างว่าจำเป็นต้องจ้างนายปาล์มคนเดิม (ซึ่งคุ้นเคยกับงานแล้ว)
1. ค่าเดินทางของนายปาล์ม (จากบางแค ไป หลักสี่): 200 บาท (ตามใบเสร็จ)
2. ค่ารับเอกสารไปส่งให้จำเลย (หลังเสร็จงาน): 100 บาท (ตามใบเสร็จ)
(ศาลหมายเหตุ: 200 + 100 = 300 บาท)
"คำให้การเพิ่มเติมนี้ ทำให้ข้อต่อสู้ของจำเลยชัดเจนขึ้น ว่าเงิน 610 บาท ไม่ใช่ 'ค่าบริการ' ที่เรียกเพิ่ม แต่เป็น 'ต้นทุนและค่าเสียหายตามจริง' ที่เกิดขึ้นจากความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาที่โจทก์ก่อขึ้น (คือการส่งเอกสารล่าช้า และการส่งเอกสารไม่ครบถ้วน)"

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่