สังเกต 5 สัญญาณเตือนยามเช้า หาก "ตื่นมาเจอ" ระวังตับอาจเสียหาย "พรุนคล้ายรังผึ้ง"
ตื่นมาเจอ 5 สัญญาณยามเช้า เตือน "ตับพัง" เสี่ยงตับแข็งก่อนรู้ตัว
ช่วงเวลาหลังตื่นนอนในตอนเช้าถือเป็น "ช่วงเวลาทอง" ที่คุณสามารถตรวจสอบสุขภาพของตับได้ หากพบ 5 สัญญาณเตือนดังต่อไปนี้ อาจบ่งชี้ว่าตับของคุณ "น่าเป็นห่วง" อย่างยิ่ง ตับมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในกระบวนการเมแทบอลิซึมและการล้างพิษของร่างกาย
อย่างไรก็ตาม ตับเป็นอวัยวะที่อ่อนแอและถูกทำลายได้ง่ายจากปัจจัยแวดล้อม พฤติกรรมการกิน และการใช้ชีวิตที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งนำไปสู่โรคตับที่รุนแรง เช่น ตับอักเสบ ตับแข็ง หรือแม้กระทั่งมะเร็งตับ สิ่งที่น่ากังวลคือตับมีความสามารถในการสำรองสูง และไม่มีเส้นประสาทรับความรู้สึกเจ็บปวด อาการของโรคจึงมักปรากฏขึ้นช้า
ดังนั้น อย่ามองข้ามความผิดปกติ 5 ประการที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ทุกเช้าหลังตื่นนอน เพราะนั่นอาจหมายความว่าตับของคุณเกิดความเสียหายอย่างรุนแรงแล้ว หรือที่กล่าวได้ว่าตับ "เสียหายพรุนคล้ายรังผึ้ง" นั่นเอง
1. ปากมีกลิ่นรุนแรงผิดปกติ
การตื่นนอนแล้วมีกลิ่นปากอาจเกิดขึ้นได้จากการดูแลสุขอนามัยในช่องปากที่ไม่สะอาด หรือการหายใจทางปาก แต่หากกลิ่นปากรุนแรงมากและคงอยู่เป็นประจำทุกเช้า คุณควรระมัดระวังความผิดปกติเกี่ยวกับโรคตับ โรคตับอาจทำให้การทำงานของระบบย่อยอาหารและเมแทบอลิซึมลดลง
การสะสมของสารเมแทบอไลต์ เช่น แอมโมเนีย เนื่องจากกระบวนการย่อยอาหารที่ล่าช้า อาจทำให้อาการกลิ่นปากรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการสะสมตลอดทั้งคืน กลิ่นปากที่รุนแรงถือเป็นสัญญาณที่พบได้บ่อยของการเกิดภาวะตับวาย
2. เลือดออกตามไรฟันง่าย
อาการเลือดออกตามไรฟันไม่ได้เป็นเพียงแค่โรคทางทันตกรรมเท่านั้น นอกจากสาเหตุจากการแปรงฟันผิดวิธีแล้ว ภาวะนี้ยังอาจบ่งบอกถึงโรคที่ซ่อนอยู่และรุนแรงได้ เช่น โรคตับแข็งหรือมะเร็งตับ ตับมีหน้าที่ในการสังเคราะห์ปัจจัยบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับการแข็งตัวของเลือด
เมื่อตับถูกทำลายอย่างรุนแรง หน้าที่นี้จะได้รับผลกระทบ นำไปสู่ความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด นอกเหนือจากเลือดออกตามไรฟันแล้ว ผู้ป่วยยังอาจมีจุดสีม่วงและรอยฟกช้ำใต้ผิวหนังได้
3. ปัสสาวะสีเข้มเหมือนน้ำชา
ปัสสาวะปกติจะมีสีเหลืองอ่อน หากปัสสาวะมีสีเหลืองอำพันเข้ม อาจเป็นสัญญาณของภาวะขาดน้ำ แต่ถ้าสีเข้มข้นเหมือนน้ำชา นั่นเป็นสัญญาณเตือนว่าตับกำลังได้รับผลกระทบ สาเหตุเกิดจากการที่ตับเผาผลาญบิลิรูบินผิดปกติ
บิลิรูบินจำนวนมากไม่สามารถขับออกทางระบบทางเดินอาหารได้ แต่จะเข้าสู่กระแสเลือด เข้าสู่ระบบหมุนเวียนและทำให้ปัสสาวะมีสีเข้มขึ้นในที่สุด
4. อ่อนเพลียและเหนื่อยล้าต่อเนื่อง
โดยปกติแล้ว หลังจากการนอนหลับพักผ่อนตลอดทั้งคืน ร่างกายควรจะกลับมามีชีวิตชีวา หากคุณรู้สึกเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียเป็นประจำ แม้ว่าจะนอนหลับเพียงพอแล้วก็ตาม ให้ระวังภาวะโรคตับ การทำงานของตับที่ลดลงจะทำให้ความสามารถในการย่อยและดูดซึมสารอาหารลดลง
ขณะเดียวกัน ความสามารถของตับในการสังเคราะห์ไกลโคเจนสำรองพลังงานก็จะลดลงด้วย ทำให้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการพลังงานของร่างกาย ส่งผลให้เกิดอาการอ่อนเพลียและเหนื่อยล้าเรื้อรัง
5. มีอาการตัวเหลืองหรือคันตามผิวหนังโดยไม่ทราบสาเหตุ
อาการตัวเหลืองและคันตามผิวหนังเป็นอาการทั่วไปของการทำงานของตับที่ผิดปกติ ภาวะตัวเหลืองเกิดขึ้นเมื่อมีบิลิรูบินในเลือดสูงขึ้น (เนื่องจากตับไม่สามารถประมวลผลได้) ในทำนองเดียวกัน การสะสมของของเสีย รวมถึงเกลือน้ำดี สามารถทำให้เกิดการระคายเคืองอย่างรุนแรงใต้ผิวหนัง
ซึ่งนำไปสู่อาการคันที่ไม่สบายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยที่ไม่ได้เกิดจากการแพ้หรือโรคผิวหนัง การดูแลให้ตับมีสุขภาพดีนั้น คุณควรจำกัดการดื่มแอลกอฮอล์ และใช้ยาอย่างถูกวิธีตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อหลีกเลี่ยงภาระที่ไม่จำเป็นต่อตับ
แนวทางดูแลสุขภาพตับให้แข็งแรง
นอกจากนี้ ควรสร้า่งพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่เหมาะสม เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช และหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป อาหารที่มีน้ำตาลสูงและไขมันสูง การลดการสัมผัสกับสารเคมีและสารพิษที่เป็นอันตรายในสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย ก็เป็นวิธีหนึ่งในการปกป้องตับจากความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายร้ายแรง
สังเกต 5 สัญญาณเตือนยามเช้า หาก "ตื่นมาเจอ" ระวังตับอาจเสียหาย