JJNY : ปชน.เปิด 4ข้อ MOUแรร์เอิร์ธ│กันโอนเงินส่วนตัวคืน ณวัฒน์ลั่นไม่ต้องการ│นักวิชาการสะท้อนยุทธศาสตร์│เขมรบางส่วนกังวล

ส.ส.ปชน. เปิดรายละเอียด 4 ข้อ MOU แรร์เอิร์ธ ชี้ไทยเสียเปรียบ สูญเสียทรัพยากรประเทศ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5428612
.

.
ส.ส.ปชน. เปิดรายละเอียด 4 ข้อ MOU แรร์เอิร์ธ ชี้ไทยเสียเปรียบ สูญเสียทรัพยากรประเทศ
.
เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก หลังการลงนามร่วมกันในหลายประเด็นเพื่อนำไปสู่สันติภาพไทย-เขมร ซึ่งเป็นที่จับตามองเมื่อพบการประกาศของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เรื่องข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐกับกัมพูชา และข้อตกลงแร่ธาตุกับไทย ทรัมป์แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า รัฐบาลของเขามีแผนใช้ข้อตกลงการค้าของสหรัฐเป็นเครื่องมือสำคัญในการกดดันทางการทูต เพื่อให้ประเทศต่างๆ หันมาหาสันติภาพ ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น
.
โดยระบุข้อความว่า
.
MOU แรร์เอิร์ธ ไทยได้อะไร อนุทิน เซ็น MOU ที่ทำให้ไทยเสียเปรียบสหรัฐฯมากขนาดนี้ได้อย่างไร โดนล็อกทุกทาง หนักกว่านั้นคือ ไม่มีแม้แต่การระบุเรื่องสิ่งแวดล้อมจากกระบวนการแรร์เอิร์ธ ทั้งที่ภาคเหนือกำลังเผชิญปัญหาน้ำเป็นพิษอย่างหนักจากเหมืองในประเทศเพื่อนบ้าน​ ปัญหาในประเทศยังไม่แก้ แต่กลับไปสร้างปัญหาใหม่เพิ่ม
.
จาก MOU ที่ นายกรัฐมนตรี ลงนามร่วมกับ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ สิ่งที่ผมตั้งคำถามอย่างแรกคือ
.
• “เราไปลงนามด้านสันติภาพ แล้วแรร์เอิร์ธ เกี่ยวอะไรด้วย?” เพราะมันไม่มีความจำเป็นใดๆ ในการเซ็น MOU นี้เลย คำถามต่อมาคือ
.
• “นายกฯบอกว่าได้มีการนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมาแล้วโดยกรมเหมืองแร่ฯ” ผมรีบกลับไปย้อนดูสรุปผลการประชุม
ครม.ทันที เพราะไม่เคยเห็นประเด็นนี้เลย สุดท้ายก็ไม่มีเรื่องนี้ระบุในสรุปผลประชุมครม.เลยจริงๆ
.
อีกทั้งกรมเหมืองแร่ฯเองก็ยังไม่มีความเชี่ยวชาญในประเด็นแรร์เอิร์ธเลย ในที่ประชุมอนุกรรมาธิการมลพิษทางน้ำข้ามแดน กรมฯยังไม่สามารถอธิบายได้เลยว่า การทำเหมืองแรร์เอิร์ธในประเทศเพื่อนบ้านทำด้วยวิธีอะไร ผมต้องไล่อธิบายวิธีทำแบบ In-situ leeching ที่เจาะรูแล้วฉีดสารเคมีลงดินให้กรมฯฟัง ในเมื่อรัฐไทยยังไม่มีความพร้อม แล้วรัฐบาลยอมเซ็นให้ประเทศเสียเปรียบขนาดนี้ได้อย่างไร และใน MOU ฉบับนี้ก็ยังไม่มีการระบุเรื่องการทำเหมืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่เรากำลังเจอปัญหาน้ำเป็นพิษที่เชียงใหม่และเชียงรายกันอย่างหนัก รัฐบาลทำให้ไทยกลายเป็นแค่หมากในสงครามแรร์เอิร์ธระหว่างจีน-สหรัฐไปแล้ว

และที่แย่ขึ้นไปอีก คือ แม้แต่กฎหมายภายในประเทศของเราเองทุกวันนี้ เรายังไม่มีการตรวจสอบ Supply chain ของแร่ที่นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านมาในประเทศเรา ผู้นำเข้าไม่ต้องระบุว่าเอามาจากเหมืองไหน  มีการจัดการด้านมลพิษในเหมืองนั้นอย่างไร บอกแค่ว่ามาจากประเทศไหนแค่นั้น นำเข้าได้แล้ว ชัดเจนว่า ภายในประเทศเรายังไม่จัดการ ทางแก้ปัญหาเดิมยังไม่มี แต่รัฐบาลกลับเลือกสร้างปัญหาใหม่
MOU ฉบับนี้ถูกบีบเอาไว้หลายประการด้วยกันครับ
.
• หนึ่ง ให้สิทธิสหรัฐมาวิเคราะห์การขยายพื้นที่และพิกัดของแร่หายากในประเทศไทย
.
• สอง หากเจอพื้นที่แร่หายาก สหรัฐรู้ก่อนนะ โดยระบุไว้เลยว่า ต้องบอกสหรัฐให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และสหรัฐคาดหวังว่าจะได้โอกาสในการลงทุนก่อนเจ้าอื่นด้วย
.
• สาม กระบวนการอนุญาตต่างๆ จากผู้ลงทุนของสหรัฐ ทั้งจากกฎหมายระดับชาติ หรือ ท้องถิ่น ต้องถูกทำให้รวดเร็วและคล่องตัวมากขึ้นด้วย
.
• สี่ แม้การยกเลิก MOU ฉบับนี้ถูกระบุให้สามารถทำได้ทุกเมื่อ แต่ ก็ระบุแนบท้ายไว้ด้วยเช่นกันว่า โครงการใดๆ ที่ตกลงกันแล้วก่อนยกเลิก ให้ยึดถือการดำเนินการตาม MOU ฉบับนี้ต่อ แม้ MOU จะถูกยกเลิกไปแล้ว
.
นี่ทรัพยากรของประเทศนะครับ ไม่ใช่สิ่งที่จะเอาไปต่อรองเพื่อผลประโยชน์แอบแฝงอะไรแบบนี้ ผมไม่สามารถเชื่อได้เลยว่า รัฐบาลจะยอมเซ็น MOU ที่ประเทศไทยเสียเปรียบทุกทางแบบนี้ โดยไม่มีผลประโยชน์ใดๆ เลย และการยกเลิก MOU กับประเทศใหญ่ที่มีช่องทางบีบเราได้หลายทางแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายด้วยนะครับ รัฐบาลทำพลาดมาก​ หากรัฐบาลจะอ้างว่า​ MOU ผูกพันทั้งสองฝ่ายเท่า​ๆ กันในลักษณะที่ไม่ใช่สนธิสัญญา แต่อ่านถ้อยคำที่ระบุล้วนแต่เอื้อประโยชน์ต่อฝ่ายสหรัฐ เพราะฝ่ายไทยไม่สามารถไปลงทุนแรร์เอิร์ธในสหรัฐแน่นอน​ เพราะการทำแรร์เอิร์ธในทวีปอเมริกาต้องใช้ต้นทุนสูงกว่าฝั่งประเทศเราหลายเท่า​ เนื่องจากต้องเจาะผ่านชั้นหินแข็ง​ และโอกาสที่จะเจอ​ Heavy rare earth ที่มีราคาตลาดสูงมาก​ๆ​ ก็น้อย​ ส่วนมากจะเป็น​ Light rare earth ที่มีราคาตลาดต่ำกว่ามาก​
.
มาถึงตรงนี้ ชัดเจนว่าผมไม่เห็นด้วยกับการลงนาม MOU ฉบับนี้ เพราะฉะนั้นจาก MOU ฉบับนี้ ในระหว่างที่รัฐบาลเป็นรัฐบาลชั่วคราวก่อนยุบสภา
รัฐบาลต้องไม่พิจารณาการทำเหมืองแรร์เอิร์ธในประเทศ และห้ามเปิดช่องให้สหรัฐใช้ MOU ฉบับนี้มาบีบให้ไทยต้องเปิดทางการทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ธภายในประเทศให้กับสหรัฐอเมริกา และเร่งการทำ domestic law ตาม MOU ให้เข้มขึ้นจากการออกกฎหมายลูกต่างๆ ตาม พ.ร.บ.แร่ ให้เข้มงวด ในระหว่างที่รอการแก้ พ.ร.บ.แร่ เพื่อเพิ่มความรัดกุมรอบด้าน​ ไม่ให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมของชาติ
.
https://www.facebook.com/pleelaphat/posts/pfbid0jkqJd69hzMTnsRrpUEqsmS2YdQdKXyreoYzBPJgM62AtMPC4xzt4SpcokwMdnSChl
.

.
กันจอมพลัง โอนเงินส่วนตัว5หมื่นคืน ณวัฒน์ สวนทันควัน ลั่นไม่ต้องการ ชี้เอาเงินมูลนิธิเท่านั้น
https://www.matichon.co.th/local/news_5428609
.
กันจอมพลัง แนบหลักฐานโอนเงินส่วนตัว5หมื่นคืน ณวัฒน์ สวนทันควัน ลั่นไม่ต้องการ ชี้เอาเงินมูลนิธิเท่านั้น
.
จากกรณีที่ “มูลนิธิกัน จอมพลังช่วยสู้” ได้ออกมาแถลงชี้แจงต่อสังคมถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับความไม่โปร่งใสในการบริหารจัดการและการใช้เงินบริจาค ส่งผลให้เกิดกระแสตั้งคำถามในวงกว้าง และแบ่งความคิดเห็นของประชาชนออกเป็นหลายฝ่าย
.
ต่อมา นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ “กัน จอมพลัง” แถลงเรื่องเงินบริจาคของมูลนิธิกัน จอมพลังช่วยสู้ ซึ่งในตอนหนึ่ง นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้บริจาค เข้ามารับฟังการแถลงข่าวด้วยโดยนายณวัฒน์ ได้ตั้งคำถามกับ “กัน จอมพลัง” จนกลายเป็นวิวาทะดังในโลกออนไลน์จำนวนมาก
เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กัน จอมพลัง โพสต์ข้อความผ่านเพจ “https://www.facebook.com/gunjompalang1 กันจอมพลัง ช่วยสู้” ระบุว่า
.
ตอนนี้ผมได้โอนเงินส่วนตัวผมคืนให้ 50000 ตามที่คุณณวัฒน์ เจ้าของมิสแกรนด์ ขอเงินบริจาคช่วยชายแดนคืนจากมูลนิธิ ผมได้โอนกลับไปที่บุญชีที่คุณณวัฒด์เปิดขอบริจาคเอาเงินให้ทหารครับ
.
พร้อมกับแนบหลักฐานการโอนเงิน
.
ต่อมา นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล โพสต์ข้อความผ่านเพจ “https://www.facebook.com/NawatTV ณวัฒน์ อิสรไกรศีล – Mr.Nawat Itsaragrisil” ระบุว่า
.
ผมไม่ได้ต้องการเงินส่วนตัวของกัน ผมต้องการเงินคืนจากมูลนิธิ เพื่อให้เราหลุดพ้นการเกี่ยวโยง
.
https://www.facebook.com/gunjompalang1/posts/pfbid037VmnT74VMZKDkStntcwKSbJ2etzjugbDCCToLWs1AWSjvBrz5tWgZLYfRAGkb1gPl
.
https://www.facebook.com/NawatTV/posts/pfbid0SuJ2aFA7zbM1ip4ntXVTXi6TEZaD6ZYmkDrUuvPyaertLfBmi8CQmDASesLjj4hKl
.

.
นักวิชาการ สะท้อนยุทธศาสตร์ไทย ลงนามข้อตกลงไทย-กัมพูชา เปลี่ยนรับเป็นรุก
.
“อาจารย์เชษฐา” ชี้ ไทยลงนามข้อตกลงไทยกัมพูชา สะท้อนยุทธศาสตร์เปลี่ยนรับเป็นรุก ใช้นานาชาติบีบกัมพูชา
.
วันนี้ (27 ต.ค.68)ผศ.ดร.เชษฐา ทรัพย์เย็น อาจารย์ประจำภาควิชาการบริหารและจัดการการเมือง วิทยาลัยพัฒนามหานคร มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีไทยลงนาม “คำแถลงร่วมระหว่างนายกรัฐมนตรีกัมพูชาและนายกรัฐมนตรีไทย ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย” ว่า
.
เอกสารฉบับนี้สะท้อนลักษณะสำคัญของการบริหารความมั่นคงแบบบูรณาการ โดยมีหลายประเทศและกลไกระดับภูมิภาคร่วมเป็นพยาน ทั้งอาเซียนและสหรัฐอเมริกา ซึ่งทำให้การยุติความขัดแย้งระหว่างสองประเทศมีความชอบธรรมมากขึ้น และเพิ่มแนวโน้มให้เกิดความยั่งยืน เพราะเมื่อมีหลายฝ่ายร่วมรับรอง การละเมิดข้อตกลงย่อมเกิดขึ้นได้ยากขึ้น
.
การลงนามครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของรัฐบาลไทยในการใช้ “สันติวิธี” เป็นเครื่องมือหลักในการแก้ไขความขัดแย้ง ยืนยันว่าไทยยึดหลักการเจรจาแทนการใช้กำลัง เพื่อเปลี่ยนพื้นที่ชายแดนจากจุดเสี่ยงความขัดแย้ง ให้กลายเป็นพื้นที่แห่งความร่วมมือด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคมในอนาคต ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเวทีโลก
.
ไทยได้รับทั้ง ภาพลักษณ์ทางการทูต และ ความได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์ ในฐานะรัฐสันติภาพ (Peaceful State) ที่มีอิทธิพลในอาเซียน ใช้กลไกระดับภูมิภาคเพื่อถ่วงดุลมหาอำนาจ และลดแรงกดดันชายแดน โดยไม่กระทบอธิปไตยของประเทศ นี่คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนผ่านจาก การทูตเชิงป้องกัน ไปสู่ การบริหารความมั่นคงเชิงรุก ที่ไทยสามารถใช้เป็นต้นแบบกำหนดนโยบายต่างประเทศในอนาคตได้อย่างยั่งยืน
.
อาจารย์เชษฐา เสนอให้รัฐบาลไทยเดินหน้าสานต่อกลไกคณะกรรมการเขตแดน (AOT) และคณะกรรมการชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้คำแถลงร่วมเกิดผลในทางบวกอย่างต่อเนื่อง  รวมทั้งต้องสร้างกลไกสื่อสารสาธารณะเชิงรุก เพื่อป้องกันข่าวปลอมหรือการบิดเบือนที่อาจกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่