‘เกาะสมุย’ โตตามรอยภูเก็ต คอนโด-วิลล่าหรูยอดทะลัก

จับตาอสังหาริมทรัพย์เกาะสมุยบูมตามรอยภูเก็ต “คอนโดฯ-วิลล่าตากอากาศ” ยอดขายทะลัก ลูกค้าจากยุโรป ฝรั่งเศส รัสเซีย อิสราเอล จีน ออสเตรเลีย สาธารณรัฐเช็ก แห่ช็อปซื้อ 85-90% คนไทย 10-15% จุดขายราคาโดนใจเฉลี่ย 6 หมื่น-2 แสน/ตร.ม. ดึงดูดซื้อลงทุนปล่อยเช่านักท่องเที่ยวต่างชาติ

นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร บริษัท คอลลิเออร์ส ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า เทรนด์อสังหาริมทรัพย์หัวเมืองท่องเที่ยวในปี 2569 มองเห็นสัญญาณการเติบโตโดดเด่นในเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นเหตุการณ์รูปแบบเดียวกับการเติบโตภาคอสังหาฯ ในเกาะภูเก็ตหลังสถานการณ์โควิด ที่มีดีมานด์ทะลักเข้าเกาะกะทันหันตั้งแต่ปี 2565 ถึงปัจจุบัน

ศุภาลัยเสือซุ่มเล็งเปิดวิลล่าหรู
ทั้งนี้ เกาะสมุยยังคงยืนหนึ่งในฐานะจุดหมายปลายทางระดับโลก ที่ทั้งนักท่องเที่ยวและนักลงทุนให้ความสนใจ โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียมและบ้านพักตากอากาศระดับกลาง-บนที่กลับมาคึกคักอีกครั้ง จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว โดยช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีคอนโดฯเปิดใหม่ 2-3 โครงการใหญ่ จำนวนรวม 360 ยูนิต

และบ้านพักตากอากาศหรือวิลล่าไม่ต่ำกว่า 400 ยูนิต ที่คาดการณ์ว่าภายในสิ้นปี 2568 นี้ ตลาดวิลล่าจะเป็นปีที่มีซัพพลายเปิดขายใหม่สูงที่สุดในรอบ 15 ปี สำหรับพื้นที่ยอดนิยมยังคงเป็นย่านหาดชื่อดังอย่าง “บ่อผุด-แม่น้ำ-เฉวง-เชิงมน-ละไม” เป็นต้น

จุดเด่นตลาดอสังหาริมทรัพย์สมุยไม่ใช่เป็นแค่แหล่งท่องเที่ยว แต่เป็นตลาดลงทุนที่มีศักยภาพสูง นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติให้ความสนใจ โดยเฉพาะนักลงทุนจากยุโรป รัสเซีย ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย จีน และอิสราเอล ซึ่งการเลือกซื้อยูนิตในทำเลคุณภาพที่สามารถตอบโจทย์การพักผ่อน และสามารถขายต่อหรือปล่อยเช่าสร้างผลตอบแทนระยะยาว

ส่งผลให้ตลาดคอนโดฯและบ้านพักตากอากาศในเกาะสมุย เป็นหนึ่งในแหล่งลงทุนที่น่าสนใจที่สุดของไทยในปัจจุบัน เนื่องจากราคาขายที่ค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับเมืองท่องเที่ยวอื่น ๆ ของประเทศ จากดีมานด์ที่เริ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ดึงดูดให้บิ๊กแบรนด์อสังหาฯในตลาดหลักทรัพย์ฯมองเห็นศักยภาพและโอกาสการลงทุน อาทิ บมจ. ศุภาลัย เตรียมเปิดตัวโครงการวิลล่าหรูบนเกาะสมุย ทำเลติดชายหาดในราคา 17.59-26.59 ล้านบาทต่อยูนิต จำนวน 8 ยูนิต เป็นต้น

ราคา 6 หมื่น-2 แสน/ตร.ม.
นายภัทรชัยกล่าวว่า ปัจจุบันมีคอนโดฯอยู่ระหว่างการขายแค่ 3 โครงการเท่านั้น จำนวนรวม 876 ยูนิต มูลค่ารวม 3,661 ล้านบาท ส่วนใหญ่ปักหมุดอยู่ในทำเลทองอย่าง “หาดเฉวง-บ่อผุด-หาดละไม” ที่มีดีมานด์ซื้ออย่างต่อเนื่อง

โดยครึ่งปีแรก 2568 ที่ผ่านมามีคอนโดฯเปิดขายใหม่เพียง 1 โครงการในพื้นที่บ่อผุด พัฒนาโดยนักลงทุนจีน จำนวน 218 ยูนิต ปรากฏว่ามียอดขายแล้วถึง 72.93% ของยูนิตทั้งหมด และพบว่ามีกำลังซื้อต่างชาติเหมาซื้อบางอาคาร

นอกจากนี้ ที่ผ่านมามีคอนโดฯบางโครงการสามารถปิดการขายทั้งหมดภายในเวลาเพียง 9 เดือน สะท้อนถึงความร้อนแรงของตลาดและความต้องการที่อยู่อาศัยบนเกาะสมุย โดยคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังมีคอนโดฯเตรียมเปิดซัพพลายใหม่เพิ่มอีก 2 โครงการ เท่ากับปีนี้จะมีคอนโดฯเปิดขายใหม่รวมตลอดปีสูงถึง 276 ยูนิต

ในด้านราคาพบว่าส่วนใหญ่อยู่ในช่วงราคาตารางเมตรละ 60,000-80,000 บาท ประเด็นอยู่ที่พบสัญญาณราคาขายเฉลี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่บางโครงการมีราคาสูงกว่า 200,000 บาท/ตารางเมตร สะท้อนถึงความต้องการและศักยภาพการลงทุนในตลาดที่เติบโตอย่างมั่นคง

นอกจากตัวเลขยอดขายและราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรที่เพิ่มขึ้นแล้ว เกาะสมุยยังมีเสน่ห์ด้านทำเลและไลฟ์สไตล์ที่ช่วยดึงดูดกลุ่มผู้ซื้อระดับบนที่นิยมทำเลติดชายหาดที่สวยงาม การเดินทางสะดวก และความพร้อมของสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งร้านอาหาร บาร์ คาเฟ่ และกิจกรรมทางน้ำ หนุนส่งให้เกาะสมุยเป็นจุดหมายปลายทางของนักลงทุนระดับโลก



หาดดังเฉวง-บ่อผุด-ละไม-แม่น้ำ
ข้อมูลสถิติครึ่งปีแรก 2568 (มกราคม-มิถุนายน 2568) ภาพรวมตลาดคอนโดฯมีซัพพลายรวม 876 ยูนิต ขายแล้ว 699 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วน 79.79% เป็นยูนิตรอการขาย 177 ยูนิต สัดส่วน 20.21% โดยอัตราการขายปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.40% เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีหลัง 2567 จากสัญญาณบวกที่หลายโครงการมียอดขายสูง ทำให้ดีเวลอปเปอร์เตรียมเปิดเฟสขยาย หรือเปิดโครงการใหม่เพิ่มเติม

ผู้ซื้อคอนโดฯในเกาะสมุยสัดส่วน 10-15% เป็นลูกค้าคนไทย ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพอิสระและเจ้าของธุรกิจท้องถิ่น ด้านลูกค้าต่างชาติมีสัดส่วน 85-90% ในจำนวนนี้มากกว่า 50% มาจากนักลงทุนชาวยุโรป รองลงมา รัสเซีย อิสราเอล จีน ออสเตรเลีย สาธารณรัฐเช็ก และฝรั่งเศส

สำหรับบ้านพักตากอากาศและการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ระดับบน ณ ครึ่งปีแรก 2568 มีซัพพลายอยู่ระหว่างการขาย 52 โครงการ รวม 597 ยูนิต มูลค่ารวม 14,800 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 63.56% เทียบกับครึ่งปีหลัง 2567 ทำเลกระจุกตัวในพื้นที่ใกล้หาดสำคัญของเกาะ เช่น แม่น้ำ, หาดเฉวง-บ่อผุด และหาดละไม เป็นต้น

ในจำนวนนี้เป็นการเปิดโครงการใหม่ในครึ่งปีแรกมากถึง 18 โครงการ รวม 179 ยูนิต หลายโครงการยังคงสร้างความแตกต่างด้วยรูปแบบยูนิตและขนาดห้องที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการผู้ซื้อทุกรูปแบบ ส่งผลให้ตลาดวิลล่าบนเกาะสมุยมีสีสันและความมีชีวิตชีวา สะท้อนถึงความมั่นใจของนักลงทุน แม้เศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอนอยู่ก็ตาม

โมเดลขายสิทธิการเช่า 30 ปี
ข้อสังเกตคือ เทรนด์ครึ่งปีหลัง 2568 อาจมีบ้านพักตากอากาศเปิดเพิ่มเติมอีกมากกว่า 15 โครงการ กว่า 120 ยูนิต ซึ่งหมายถึงซัพพลายยูนิตใหม่รวมทั้งปีอาจสูงกว่า 330 ยูนิต จะเป็นภาพสะท้อนถึงการเติบโตแบบก้าวกระโดดของตลาดบ้านพักตากอากาศเกาะสมุย

เมื่อเรียงลำดับหาดยอดนิยมพบว่า “หาดเฉวง-บ่อผุด” มียอดขายสูงสุดอยู่ที่ 67.91% ตามมาด้วย “หาดละไม” มียอดขาย 48.79% และ “โซนแม่น้ำ” มียอดขาย 36.26%

ประเด็นที่น่าสนใจยังพบด้วยว่า บ้านพักตากอากาศที่เสนอขายแบบสิทธิการเช่า หรือลีสโฮลด์ (Leasehold) อายุการเช่าเพียง 30 ปี บางแห่งสามารถจบการขายทั้งโครงการ 46 ยูนิตภายในเวลาเพียง 2 เดือน ชี้ให้เห็นถึงศักยภาพและความร้อนแรงของตลาด ดีมานด์ซื้อจากนักลงทุนต่างชาติทั้งยุโรป รัสเซีย และจีน เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญทำให้เกาะสมุยเป็นทำเลลงทุนที่ไม่ควรมองข้าม

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/property/news-1907465

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่