กริยาเรียง (Serial Verb) มันก็คือ กริยาที่สามารถเรียงต่อ ๆ กันได้ โดยไม่ต้องมีการผันรูป มีคำบุพบท หรือคำสันธานมาคั่น อย่างเช่น "เดินเล่น" "นอนคิด" "อยากลองพยายามปั่น(จักรยาน)วนไปวนมา(รอบ ๆ หมู่บ้าน)ดู" อะไรทำนองนี้ ในตัวภาษาไทยนั้น กริยาเรียงจะมีสองกลุ่มหลัก ๆ คือ เหตุการณ์ร่วม กับการเคลื่อนไหวร่วมประธาน โดยจะไม่คำนึงถึงกริยาเรียงบางตัวที่เป็น idiom เป็นแล้ว เช่น "ส่งออก" "ติดต่อ" เพราะจะถือว่าเป็นกริยาก้อนเดียวเลย
เหตุการณ์ร่วม (Co-Events) ก็คือ กริยาหนึ่ง ๆ มีความสัมพันธ์อะไรกับกริยาหนึ่ง ๆ ในภาษาไทย จะมีเหตุการณ์ร่วมดังนี้:
1. ลักษณะอาการ (Manner) อาทิ วลี "เดินเล่น" นั้น "เดิน" จะเป็นลักษณะอาการ ที่คอยบอกว่าเล่นอย่างไร
2. พ้องกาล (Concomitant) อาทิ วลี "เดินกิน" นั้น "เดิน" จะเป็นพ้องกาล ที่ทำไปพร้อม ๆ กับการกิน
3. แสดงจุดประสงค์ (Purposive) อาทิ วลี "ผัด(ข้าว)กิน" นั้น "ผัด" จะทำโดยมีจุดประสงค์เพื่อการกิน
4. ก่อผล (Resultative) อาทิ วลี "ทุบแตก" นั้น "ทุบ" จะสร้างผลเป็นการแตก
5. อนุกรม (Sequent) อาทิ วลี "พลิกคว่ำ " นั้น "พลิก" จะเกิดก่อน ตามด้วยการ "คว่ำ"
เหตุการณ์ร่วมอาจไม่ได้เป็นเพียงกรณีใดกรณีหนึ่งเสมอไป อย่างเช่น "ตกแตก" ถ้ามองในมุมมองของสาเหตุ "ตกแตก" จะเป็นก่อผล แต่ถ้อมองว่ามันเป็นเพียงแค่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันตามลำดับ "ตกแตก" ก็จะเป็นอนุกรมแทน
ในส่วนต่อมาจะเป็นการเคลื่อนไหวร่วมประธาน (Shared-Subject Motion) ซึ่งอาจจะค่อนข้างพิเศษสำหรับภาษาไทยโดยเฉพาะ ยกตัวอย่างการเคลื่อนไหวร่วมประธานโดยใช้กริยาครบทุกตำแหน่งจะได้เป็น "ขับเลี้ยวย้อนเลยเข้าไป" (ในความเป็นจริง ไม่มีใครใช้กริยาติดกัน 2 ตัวขึ้นไปหรอก กรณีที่ยกมาจะเป็นเพียงการบอกโครงสร้าง) ซึ่งจะระบุตำแหน่งให้ละเอียดได้เป็น "ขับ
1เลี้ยว
2ย้อน
3เลย
4aเข้า
4bไป
5" โดยที่แต่ละตำแหน่งจะมีหน้าที่ดังนี้:
1. ขับ เป็นลักษณะอาการ (Manner) ก็... ตามเหตุการณ์ร่วมเลย บอกวิธีเคลื่อนไหว
2. เลี้ยว เป็นวิถี (Trajectory) มีหน้าที่บอกว่า เคลื่อนที่ด้วยเส้นทางแบบเรขาคณิตอย่างไร
3. ย้อน เป็นย้อนกลับ (Reversal) โง่ ๆ ตรง ๆ ก็คือการเคลื่อนสวนทาง ในภาษาไทยจะมีเพียงสองตัว คือ "ย้อน" กับ "ถอย"
4a. เลย เป็นเส้นทาง (Path) ความหมายก็คือ เส้นทางที่เทียบกับวัตถุอ้างอิงหนึ่ง ๆ อย่างเช่น "เดินเลยประตู" "วิ่งข้ามสะพาน"
4b. เข้า เป็นการเปลี่ยนผ่าน (Transition) ก็คือ การเคลื่อนเข้าหรือออกเทียบกับวัตถุอ้างอิงหนึ่ง ๆ อย่างเช่น "เดินเข้าออก" "ขับกลับบ้าน"
5. ไป เป็นการเคลื่อนไหวเชิงตัวบ่งบอก (Deictic Motion) ภาษาไทยจะมีเพียงสองตัวคือ "ไป" กับ "มา" คอยบอกว่าเคลื่อนที่เข้าหรือออกสัมพัทธ์กับผู้พูดอย่างไร เช่น "วิ่งเข้าไป" แสดงว่า วิ่งออกจากผู้พูด ในขณะที่ "วิ่งเข้ามา" แสดงว่า วิ่งเข้าหาผู้พูด เป็นต้น
การเคลื่อนร่วมประธานมักไม่ใช่ครบชุด ในประโยคย่อยหนึ่ง ๆ ทีนี้ก็อาจจะมีข้อสงสัยอย่างอาทิประโยค "เดินวนไปวนมา" มันดูเหมือนกริยามันยืดหยุ่น ความเป็นจริงก็คือ "เดินวนไปวนมา" มันประกอบด้วยประโยคย่อยสองตัว คือ "เดินวนไป" กับ "วนมา" มองว่าเป็นเหตุการณ์สองเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องกัน
นี่แหละ กริยาเรียงภาษาไทย เชื่อว่าคนไทยส่วนมากก็ไม่รู้หรอกว่ามันมีอะไรแบบนี้ด้วย เผื่อฝรั่งมาถามเรื่องไวยากรณ์ภาษาไทย จะได้พออธิบายความพิเศษของมันได้ (ไม่ก็จำลองความรู้สึกที่คนต่างชาติต้องมาทำความเข้าใจ) หวังว่าเรื่องเล่านี้ ๆ จะเป็นประโยชน์ไม่มาก ก็น้อย
อ้างอิง:
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เหตุการณ์ร่วมในภาษาไทย มาจาก:
Muansuwan, N. (2002). Verb complexes in Thai. State University of New York at Buffalo.
โดยมีการปรับคำที่เรียกเหตุการณ์ร่วมต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับ:
Shopen, T. (Ed.). (1985). Language Typology and Syntactic Description: Volume 3 (Vol. 3). Cambridge University Press.
โครงสร้าง 1 2 3 4a 4b 5 มาจากอันนี้:
Thepkanjana, K. (1986). Serial verb constructions in Thai. University of Michigan.
ประโยคที่กล่าวประมาณว่า โครงสร้าง 1 2 3 4a 4b 5 อาจต่อ ๆ กันด้วยประโยคย่อย หลาย ๆ ตัว มาจาก:
Diller, A. V. (2006). Thai serial verbs: Cohesion and culture. Serial verb constructions: A cross-linguistic typology, 160-177.
กริยาเรียงในภาษาไทย ไวยากรณ์ที่ภาษาส่วนใหญ่บนโลกไม่มี
เหตุการณ์ร่วม (Co-Events) ก็คือ กริยาหนึ่ง ๆ มีความสัมพันธ์อะไรกับกริยาหนึ่ง ๆ ในภาษาไทย จะมีเหตุการณ์ร่วมดังนี้:
1. ลักษณะอาการ (Manner) อาทิ วลี "เดินเล่น" นั้น "เดิน" จะเป็นลักษณะอาการ ที่คอยบอกว่าเล่นอย่างไร
2. พ้องกาล (Concomitant) อาทิ วลี "เดินกิน" นั้น "เดิน" จะเป็นพ้องกาล ที่ทำไปพร้อม ๆ กับการกิน
3. แสดงจุดประสงค์ (Purposive) อาทิ วลี "ผัด(ข้าว)กิน" นั้น "ผัด" จะทำโดยมีจุดประสงค์เพื่อการกิน
4. ก่อผล (Resultative) อาทิ วลี "ทุบแตก" นั้น "ทุบ" จะสร้างผลเป็นการแตก
5. อนุกรม (Sequent) อาทิ วลี "พลิกคว่ำ " นั้น "พลิก" จะเกิดก่อน ตามด้วยการ "คว่ำ"
เหตุการณ์ร่วมอาจไม่ได้เป็นเพียงกรณีใดกรณีหนึ่งเสมอไป อย่างเช่น "ตกแตก" ถ้ามองในมุมมองของสาเหตุ "ตกแตก" จะเป็นก่อผล แต่ถ้อมองว่ามันเป็นเพียงแค่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันตามลำดับ "ตกแตก" ก็จะเป็นอนุกรมแทน
ในส่วนต่อมาจะเป็นการเคลื่อนไหวร่วมประธาน (Shared-Subject Motion) ซึ่งอาจจะค่อนข้างพิเศษสำหรับภาษาไทยโดยเฉพาะ ยกตัวอย่างการเคลื่อนไหวร่วมประธานโดยใช้กริยาครบทุกตำแหน่งจะได้เป็น "ขับเลี้ยวย้อนเลยเข้าไป" (ในความเป็นจริง ไม่มีใครใช้กริยาติดกัน 2 ตัวขึ้นไปหรอก กรณีที่ยกมาจะเป็นเพียงการบอกโครงสร้าง) ซึ่งจะระบุตำแหน่งให้ละเอียดได้เป็น "ขับ1เลี้ยว2ย้อน3เลย4aเข้า4bไป5" โดยที่แต่ละตำแหน่งจะมีหน้าที่ดังนี้:
1. ขับ เป็นลักษณะอาการ (Manner) ก็... ตามเหตุการณ์ร่วมเลย บอกวิธีเคลื่อนไหว
2. เลี้ยว เป็นวิถี (Trajectory) มีหน้าที่บอกว่า เคลื่อนที่ด้วยเส้นทางแบบเรขาคณิตอย่างไร
3. ย้อน เป็นย้อนกลับ (Reversal) โง่ ๆ ตรง ๆ ก็คือการเคลื่อนสวนทาง ในภาษาไทยจะมีเพียงสองตัว คือ "ย้อน" กับ "ถอย"
4a. เลย เป็นเส้นทาง (Path) ความหมายก็คือ เส้นทางที่เทียบกับวัตถุอ้างอิงหนึ่ง ๆ อย่างเช่น "เดินเลยประตู" "วิ่งข้ามสะพาน"
4b. เข้า เป็นการเปลี่ยนผ่าน (Transition) ก็คือ การเคลื่อนเข้าหรือออกเทียบกับวัตถุอ้างอิงหนึ่ง ๆ อย่างเช่น "เดินเข้าออก" "ขับกลับบ้าน"
5. ไป เป็นการเคลื่อนไหวเชิงตัวบ่งบอก (Deictic Motion) ภาษาไทยจะมีเพียงสองตัวคือ "ไป" กับ "มา" คอยบอกว่าเคลื่อนที่เข้าหรือออกสัมพัทธ์กับผู้พูดอย่างไร เช่น "วิ่งเข้าไป" แสดงว่า วิ่งออกจากผู้พูด ในขณะที่ "วิ่งเข้ามา" แสดงว่า วิ่งเข้าหาผู้พูด เป็นต้น
การเคลื่อนร่วมประธานมักไม่ใช่ครบชุด ในประโยคย่อยหนึ่ง ๆ ทีนี้ก็อาจจะมีข้อสงสัยอย่างอาทิประโยค "เดินวนไปวนมา" มันดูเหมือนกริยามันยืดหยุ่น ความเป็นจริงก็คือ "เดินวนไปวนมา" มันประกอบด้วยประโยคย่อยสองตัว คือ "เดินวนไป" กับ "วนมา" มองว่าเป็นเหตุการณ์สองเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องกัน
นี่แหละ กริยาเรียงภาษาไทย เชื่อว่าคนไทยส่วนมากก็ไม่รู้หรอกว่ามันมีอะไรแบบนี้ด้วย เผื่อฝรั่งมาถามเรื่องไวยากรณ์ภาษาไทย จะได้พออธิบายความพิเศษของมันได้ (ไม่ก็จำลองความรู้สึกที่คนต่างชาติต้องมาทำความเข้าใจ) หวังว่าเรื่องเล่านี้ ๆ จะเป็นประโยชน์ไม่มาก ก็น้อย
อ้างอิง:
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้