JJNY : วิโรจน์ขู่ใช้สภาฯ ไล่บี้แก๊งสแกมเมอร์│โวยสว.สีน้ำเงินกินรวบ│ปธ.ชิงปิด หนีสภาล่ม│ทีทีบีเปิดข้อมูล"มนุษย์เงินเดือน"

“วิโรจน์” ขู่ใช้สภาฯ ไล่บี้แก๊งสแกมเมอร์ จี้นายกฯ เคลียร์ด่วน
.
.
"วิโรจน์" ยันจะใช้กลไกสภาฯสาวตรวจสอบ "แก๊งสแกมเมอร์" ฮึ่มพร้อมยื่นซักฟอกหากรัฐบาลยังนิ่งแก้ปัญหา จี้ "อนุทิน" ลากคอกระบวนการคอลเซ็นเตอร์
.
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน รับหนังสือจากนายภัทรพงศ์ ศุภักษร  หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ ทนายความ กรณีให้ตรวจสอบการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในกระทรวงมหาดไทย และการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์
.
นายวิโรจน์ กล่าวว่า ยืนยันว่าพรรคประชาชนติดตามการทำงานของรัฐบาลและตรวจสอบอย่างเต็มที่ ล่าสุดกรณีสแกมเมอร์ และอาชญากรรมข้ามชาติ แก๊งค์หลอกลวงออนไลน์อยู่ในเป้าการจับตาอย่างใกล้ชิด  
.
ส่วนข้อสังเกตตามข้อร้องเรียนเรื่องการโยกย้ายข้าราชการของรัฐบาลนี้รวมถึงคดีการเมือง มีการมอบหมายให้ สส. พรรคประชาชนจับตาดู และใช้กลไกของรัฐสภาดำเนินการอย่างเต็มที่ต่อไป
.
นายวิโรจน์ ยอมรับว่าเปิดรัฐสภาในสมัยประชุมหน้ามีโอกาสอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยืนยันที่จะใช้กลไก สส. และกลไกของกรรมมาธิการในการผลักดันเรื่องที่รัฐบาลควรดำเนินการให้ดำเนินการอย่างจริงจังมากขึ้น โดยเฉพาะ ทั่วโลกและประชาชนให้ความสนใจการปราบปราม เครือข่าย สแกมเมอร์ การหลอกลวงออนไลน์ ที่ไม่ใช่ฉ้อโกง การฟอกเงินแต่เป็นการส่วนรวมของความชั่วร้ายของโลกพัวพันไปถึงการค้ามนุษย์และการกักกันใช้แรงงาน หรือการค้ามนุษย์ ที่เอาเหยื่อมาหลอกเหยื่อประเทศของตนเอง มองว่าเป็นการสร้างความเสียหาย มหาศาลให้ระดับโลกไม่ใช่วาระของประเทศ แต่เป็นวาระของโลก  ที่นายรังสิมันต์และตนเองจะมีการตรวจสอบเรื่องนี้ พยายามผลักดันให้รัฐบาลดำเนินการอย่างจริงจัง 
.
นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถ้ารัฐบาลยังอยู่ในเงื่อนไขการพิจารณาของฝ่ายค้าน หากรัฐบาลยังไม่ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งที่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน  โดยเฉพาะหากพบหรือมีข้อสงสัยว่าอาจมีความเกี่ยวพันหรือเกี่ยวโยง ในฐานะผู้ร่วมกระทำความผิดด้วย หรือการสนับสนุนการกระทำความผิดหรือการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยให้สแกมเมอร์จากกัมพูชาอาละวาด และมาหาผลประโยชน์ในราชอาณาจักรไทยอาจจะนำมาสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ
.
เมื่อถามว่าไทยควรมีบทบาทอย่างไรในการแก้ไขปัญหาร่วมกับนานาชาติเรื่องการปราบปรามสแกมเมอร์ นายวิโรจน์กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย มี 2 เรื่องที่ต้องชี้แจงต่อนานาชาติ โดยเรื่องแรกคือมาตรการภายในประเทศ บทบาทของ ปปง. กลต. ตำรวจไซเบอร์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผล แล้วลากคอเครือข่ายแก๊งสแกมเมอร์มาลงโทษได้อย่างไร และจะออกกฎระเบียบอย่างไรในการเปิดเผยตัวตนและรายงานเส้นทางทางการเงิน ตัวตนของผู้โอนและผู้รับเงิน สินทรัพย์ดิจิตอลหรือเปิดเผยข้อมูลผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง ซึ่งการเปิดเผยเส้นทางการเงินถือว่าเป็นความโปร่งใส และเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่โจรสแกมเมอร์กลัวที่สุด ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องเร่งสั่งการ
.
"ผมยืนยันว่า ก๊ก อาน หรือ เครือข่ายของเฉิน จื้อ ที่เข้ามาอาละวาดในประเทศไทยเขาไม่สามารถดำเนินการได้ด้วยเพียงลำพัง ของคนประเทศเขา ผมยืนยันว่าจะต้องมีเครือข่ายของประเทศไทย ซึ่งอาจเป็นนายทุนของคนไทยหรืออาจเป็นกลุ่มการเมืองกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่สนับสนุนหรือมีส่วนรู้เห็นด้วย ก็ต้องลากคอมารับโทษทางกฎหมายและดำเนินการยึดอายัดทรัพย์ ให้ตกเป็นของแผ่นดิน ให้สิ้นซากเพราะเงินเหล่านี้เป็นเงินที่หลอกพี่น้องประชาชนคนไทยและเอามาปล้นมายึดประเทศไทยเสียเอง ซึ่งผมคิดว่าเป็นพฤติกรรมที่ต่ำทรามอย่างมาก" นายวิโรจน์ กล่าว 
.
เมื่อถามว่ารัฐบาลจะยึดอายัดทรัพย์หรือไม่หรือจะมีการถ่ายเททรัพย์สินไปก่อน นายวิโรจน์ กล่าวว่า นี่คือความกังวลไม่ใช่แค่เฉพาะ กรรมาธิการ แต่เป็นความกังวลของประชาชนว่าวันนี้ตั้งแต่ สมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาออกมาพูด ว่ามีกลุ่มคนไทยและกลุ่มทุนไทยนักการเมืองไทย ที่เข้าไปหาผลประโยชน์ กับธุรกิจผิดกฎหมายในกัมพูชาซึ่งสมเด็จฯ ฮุนเซน ขู่ว่าจะเปิด ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่คนไทยทั่วไปและไม่ใช่นักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตได้อยู่แล้วว่าโจรสแกมเมอร์แบบนี้มาก่อคดีตามลำพังในไทยไม่ได้อยู่แล้ว บริษัทต่าง ๆ ในไทยยังใช้นอมินีและบัญชีม้าเลย ซึ่งนอมินีและบัญชีมาก็เป็นคนไทยทั้งสิ้น แต่ในกรณีนี้ เป็นการดำเนินธุรกิจผิดกฎหมายที่ครอบคลุมถึงการค้ามนุษย์ออนไลน์จะบอกว่าไม่มีคนไทยรู้เห็นหรือสนับสนุนเลยไม่มีเกลือเป็นหนอนเลยจนคิดว่าคงไม่มีใครเชื่อ 
.
นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า แต่จนถึงวันนี้รัฐบาลไทยยังไม่สามารถลากคอ ขบวนการเหล่านั้นที่เป็นคนไทยให้ประชาชนได้เห็นหน้าเห็นตาได้เลย ตนกังวลเรื่องนี้อย่างมาก มั่นใจว่าสหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักรที่เป็นประเทศพันธมิตรต่าง ๆ ซึ่งมีการแลกเปลี่ยนเส้นทางทางการเงินและข้อมูลทางด้านอาชญากรทางไซเบอร์ เขาอาจจะมีเบาะแสอยู่ในระดับหนึ่งแล้ว ดังนั้นถ้าหากรัฐบาลของนายอนุทินรู้ตัวต้องเร่งลากคอกระบวนการเหล่านั้นออกมาก่อนที่สหรัฐอเมริกาและบรรดานานาประเทศจะเปิดเผยรายชื่อเหล่านั้นเอง
.
"ถ้ามีการเปิดเผยรายชื่อจากสหรัฐอเมริกาและนานาประเทศเกิดขึ้นก่อนนั่นหมายความว่าประเทศไทยไม่ได้อยู่ในฐานะประเทศพันธมิตร เครือข่ายปราบปรามสแกมเมอร์ข้ามชาติแล้ว แต่จะถูกทั้งโลกมองว่าเราคือประเทศเครือข่ายสแกมเมอร์เสียเอง นอกจากจะเสียหายต่อเกียรติภูมิประเทศชาติแล้วยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศและการลงทุนจากต่างประเทศด้วย" นายวิโรจน์ กล่าว 
.
เมื่อถามว่าการประชุมอาเซียนที่จะถึงนี้จะมีการลงนามระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา เรื่องการประกาศสันติภาพโดยมี นายโดนัลด์ ทรัมป์ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกามาเป็นประธาน นายวิโรจน์ กล่าวว่า 4 ข้อที่เคยประกาศไปทั้งการถอนอาวุธหนัก เก็บกู้ทุ่นระเบิด การจัดการปัญหารุกล้ำที่ดินชายแดน และการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ข้ามชาติตนคิดว่าประเทศต่าง ๆในโลกอยากฟังนายกรัฐมนตรี ของไทยว่าจะจัดการเครือข่ายสแกมเมอร์นี้อย่างไร 
.
เราสังเกตเห็นท่าทีฮุนเซน และฮุน มาเนต หรือไม่ เวลาที่เขาพร้อมจะตอบโต้ ทุกมาตรการของประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นทางการทหารหรือการรุกล้ำที่ดิน หรือการกดดันจากภาคประชาชนเขาจะตอบโต้ตลอด และตอบโต้ไปถึงเวทีต่างประเทศตลอด แต่เขาก็ถูกกดดันในเรื่องแก๊งสแกมเมอร์ ปรากฏว่าท่าทีของฮุน เซน ฮุนมา เนต เขาเงียบไม่โต้ตอบเหมือนยอมจำนนต่อโลก  เพราะรู้อยู่แล้วว่า หลักฐานเส้นทางทางการเงิน ขององค์กรต่าง ๆ โดยเฉพาะองค์กรด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินบ่งชี้อยู่แล้ว ว่าฐานปฏิบัติการก่อการสแกมเมอร์ ที่เป็นค่ายกักกันแรงงานค้ามนุษย์ด้วยอยู่ที่กัมพูชาจำนวนไม่น้อย ดังนั้นทั่วโลกต้องการฟังความชัดเจนจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าจะจัดการแก๊งสแกมเมอร์ที่มีฐานที่ตั้งในกัมพูชาอย่างไร” นายวิโรจน์ กล่าว
.
นายวิโรจน์ กล่าวด้วยว่า ส่วนในประเด็นที่ 2 เราจะมีความร่วมมือกับองค์กรต่างประเทศ และบรรดาประเทศพันธมิตรในการทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชาอย่างไร ซึ่งบางบริษัทเราสามารถตรวจสอบเส้นทางทางการเงิน ที่มีการส่งเงินสกปรกจากกัมพูชา ถ้าเราตรวจสอบอย่างจริงจังจะสามารถผลักกัมพูชากลับเข้าไปสู่บัญชีสีเทา ซึ่งจะมีการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินอย่างมากจะส่งผลต่อเศรษฐกิจการค้าของกัมพูชาอย่างรุนแรง นี่คือการเอาคืนสมเด็จฯ ฮุนเซน อย่างสาสมที่สุด
.

.
“นันทนา - สว.อิสระ” โวย “สว.สีน้ำเงิน” กินรวบกรรมาธิการ วนเวียนแต่งตั้งคนเดิมกินเบี้ยประชุม
.
“นันทนา-สว.อิสระ” โวย “สว.สีน้ำเงิน” กินรวบกรรมาธิการ ตั้งสว.คนเดิมวนเวียนกินเบี้ยประชุมเดือนละ 6 หมื่นบาท
.  
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 22 ตุลาคม 2568 ที่รัฐสภา น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. แถลงกรณีความไม่เป็นธรรมของการเลือกตำแหน่งต่างๆ ในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญของวุฒิสภา ว่า ในวันที่ 27 ตุลาคมนี้ จะมีการเลือกกมธ.วิสามัญเพื่อพิจารณาร่างกฎหมายที่สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาแล้วเสร็จ รวม 9 ร่าง ที่มีการจัดสรรให้สว.เสียงข้างมากไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และไม่ได้มีการจัดสรรให้สว.อิสระ ซึ่งทั้ง 9 ร่างจะมีสว.ที่จะเข้าไปเป็นกมธ.วิสามัญ กมธ.ละ 12-15 คน รวม 130 คน หากมีการจัดสรรอย่างเป็นธรรมน่าจะแบ่งให้สว.อิสระได้บ้าง แต่กลับไม่มี และการแต่งตั้ง กมธ.วิสามัญในช่วงที่ผ่านมาก็เป็นคนเดิมๆ อยู่ใน สว.เสียงข้างมาก ไม่มีกระเด็นมาที่ สว.อิสระเลย เช่น นายวุฒิชาติ กัลยารมิตร 12 ครั้ง พล.ต.อ.ฉัตรวรรษ แสงเพชร 11 ครั้ง พันตำรวจเอก กอบ อัจนากิตติ 10 ครั้ง เป็นต้น ซึ่งถือเป็นสว.เสียงข้างมากทั้งสิ้น ไม่ยอมให้สว.อิสระเข้าไปทำหน้าที่เลย
.
วนเวียนตั้งคนเดิม นั่งกมธ.
.
“นี่คือการกินรวบในวุฒิสภาที่ดำเนินการมากว่า 1 ปีหรือไม่ หากกระบวนการคัดเลือกกรรมาธิการใช้วิธีแบบเวียนเทียน วนเวียนอยู่กับคนเดิมๆ ไม่สนใจความรู้ความสามารถก็จะได้แต่คนที่เป็นเครือข่ายพวกเดียวกัน ย่อมเป็นการดำเนินการที่ขาดประสิทธิภาพ ไม่โปร่งใส แล้วเราจะพิจารณากลั่นกรองกฎหมายให้มีประสิทธิภาพได้อย่างไร จึงขอส่งเสียงไปยังสว.เสียงข้างมาก ให้หยุดการกินรวบในสภาแห่งนี้เพราะแม้ว่าท่านจะเป็นเสียงข้างมาก แต่วุฒิสภานี้ไม่ใช่ของท่าน และวุฒิสภาแห่งนี้ประชาชนเป็นผู้จ่ายเงินเดือนให้กับสว.ทั้งปวง การใช้อำนาจในการกินรวบ เพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องย่อมขัดกับเจตจำนงของการรักษาผลประโยชน์ของประชาชนอย่างแน่นอน และขอส่งเสียงนี้ฟ้องประชาชนว่าการทำหน้าที่ของวุฒิสภาเป็นไปไม่เห็นหัวประชาชน ไม่ได้ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนแต่อย่างใด ดิฉันจะไม่ยอมให้เกิดการกินรวบ เพราะนั่นคือหายนะของประเทศ” น.ส.นันทนา กล่าว
.
สมนาคุณเบี้ยประชุมเดือนละ 6 หมื่น
.
ขณะที่นายเศรณี อนิลบล สว. กล่าวว่า หลายคนเห็นว่าวุฒิสภาตั้งฉายาว่า สภาวุฒิชาติ เพราะวิปวุฒิสภาเป็นคนจัดสรรทุกอย่าง โดยไม่ได้ปรึกษาหารือกับกมธ.ต่างๆ เป็นการตอบแทนให้พวกพ้องเหมือนเป็นการสมนาคุณให้วุฒิสภาสีน้ำเงิน ให้มีการรับตำแหน่งต่างๆ มากมาย ทั้งที่พวกตนก็เข้ามาตามรัฐธรรมนูญ และมาจากอาชีพต่างๆ อย่างเท่าเทียมกัน ทุกคนมีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ต่างๆ ไม่ได้แตกต่างกัน แต่สว.เสียงข้างน้อยกลับไม่ได้ให้ไปช่วยทำงานให้ประเทศ หากเปรียบเทียบกับวุฒิสภาชุดก่อน เขาจะอยู่กันด้วยความรัก สามัคคี มีอะไรก็ปรึกษาหารือและกระจายการทำงานกัน เพื่อไม่ให้งานไปเกาะที่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่