พระเยซูอธิษฐานภาวนาถึงผู้ใด?



     ในพระวรสารหลายตอน พระเยซูทรงอธิษฐานภาวนาหลายครั้ง (เช่น มัทธิว 26:36; ลูกา 3:21; ยอห์น 11:41) ถ้าพระเยซูเป็นพระเจ้า เรื่องนี้ก็ไม่สมเหตุสมผล แล้วพระองค์จะอธิษฐานภาวนาถึงพระองค์เองได้อย่างไร?

+ ขณะนั้นประชาชนทั้งหมดกำลังรับพิธีล้าง พระเยซูเจ้าก็ทรงรับพิธีล้างด้วย และขณะที่ทรงอธิษฐานภาวนาอยู่นั้น ท้องฟ้าก็เปิดออก - ลูกา 3:21 พระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้าง


+ คนเหล่านั้นจึงยกแผ่นหินออก พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ขึ้น ตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดาเจ้า ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงฟังคำของข้าพเจ้า - ยอห์น 11:41 การกลับคืนชีพของลาซารัส


+ เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จมาพร้อมกับบรรดาศิษย์ถึงสถานที่แห่งหนึ่งชื่อเกทเสมนี พระองค์ตรัสแก่เขาเหล่านั้นว่า “จงนั่งอยู่ที่นี่ ขณะที่เราไปอธิษฐานภาวนาที่โน่น” - มัทธิว 26:36 ภายในสวนเกทเสมนี


     พระองค์ไม่ได้กำลังอธิษฐานภาวนาถึงตนเอง แต่กำลังอธิษฐานภาวนาถึงพระบิดา

     แม้คนเราพูดคุยกับตัวเองบ้างเป็นครั้งคราว แต่นี้ไม่ใช่สิ่งที่พระเยซูกำลังทำ

     พระบิดา พระบุตร และพระจิต ล้วนเป็นพระเจ้า แต่ทั้ง 2 พระบุคคลเป็นพระบุคคลที่แตกต่างกันและเป็นพระเจ้า หลักคำสอนเรื่องพระตรีเอกภาพ คือ “พระเจ้าองค์เดียว สามพระบุคคล”

     ดังนั้น จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่พระเยซูในฐานะพระบุคคลหนึ่งจะสนทนากับพระบิดาในฐานะพระบุคคลอีกคนหนึ่งอย่างน้อยก็หลังจากที่พระเยซูทรงลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์และทรงใช้รูปแบบการสื่อสารแบบมนุษย์

     การอธิษฐานภาวนาไม่ได้หมายความว่า พระองค์ประทานข้อมูลแก่พระบิดาที่พระบิดายังไม่รู้ เช่นเดียวกันกับเราเมื่อเราอธิษฐานภาวนา ดังที่พระเยซูทรงสอน (มัทธิว 6:8) การอธิษฐานภาวนาไม่ใช่การประทานข้อมูลแก่พระเจ้า แต่เป็นความสัมพันธ์กับพระองค์ในแบบที่เหมาะสมกับธรรมชาติของมนุษย์ เมื่อพระเยซูทรงรับสภาพมนุษย์ จึงเป็นธรรมดาที่พระองค์จะสัมพันธ์กับพระเจ้าในลักษณะนี้ การทำเช่นนั้นยังทรงเป็นแบบอย่างแก่เราอีกด้วย

+ อย่าทำเหมือนเขาเลย เพราะพระบิดาของท่านทรงทราบแล้วว่าท่านต้องการอะไร ก่อนที่ท่านจะขอเสียอีก - มัทธิว 6:8 วิธีอธิษฐานภาวนา บทภาวนาของพระเยซูเจ้า


     ข้อพระคัมภีร์ที่พระเยซูอธิษฐานภาวนามีประโยชน์ในการชี้ให้เห็นข้อผิดพลาดของความเชื่อนอกรีตบางข้อที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับพระตรีเอกภาพ

     ในศตวรรษที่ 3 มีพระสงฆ์ชื่อ “ซาเบลลิอุส (Sabellius)” ได้สอนว่า ในพระเจ้ามีพระบุคคลเพียงองค์เดียว และพระบิดา พระบุตร และพระจิตไม่ได้เป็นบุคคลแยกจากกัน แต่เป็นรูปแบบที่พระบุคคลองค์เดียวนั้นทำกิจการ ในพระศาสนจักรโบราณ แนวคิดนี้เรียกว่า “ลัทธิซาเบลเลียน (Sabellianism)” หรือ “โมดัลลิสม์ (Modalism)”


พระสงฆ์ชื่อ “ซาเบลลิอุส (Sabellius)” ในศตวรรษที่ 3 ได้สอนว่า ในพระเจ้ามีพระบุคคลเพียงองค์เดียว และพระบิดา พระบุตร และพระจิตไม่ได้เป็นบุคคลแยกจากกัน แต่เป็นรูปแบบที่พระบุคคลองค์เดียวนั้นทำกิจการ ในพระศาสนจักรโบราณ แนวคิดนี้เรียกว่า “ลัทธิซาเบลเลียน (Sabellianism)” หรือ “โมดัลลิสม์ (Modalism)”


ในพระเจ้ามีพระบุคคลเพียงองค์เดียว และพระบิดา พระบุตร และพระจิตไม่ได้เป็นบุคคลแยกจากกัน แต่เป็นรูปแบบที่พระบุคคลองค์เดียวนั้นทำกิจการ ในพระศาสนจักรโบราณ แนวคิดนี้เรียกว่า “ลัทธิซาเบลเลียน (Sabellianism)” หรือ “โมดัลลิสม์ (Modalism)” สอนโดย พระสงฆ์ชื่อ “ซาเบลลิอุส (Sabellius)” ในศตวรรษที่ 3

     ในศตวรรษที่ 20 ก็มีแนวคิดที่คล้ายคลึงนี้ได้รับการสอนในคณะเพนเทคอสต์ (Pentecostal) บางกลุ่ม นั่นคือ “คณะเพนเทคอสต์เป็นหนึ่ง (Oneness Pentecostal)” ยึดมั่นใน “หลักคำสอนเรื่องความเป็นหนึ่ง” ซึ่งสอดคล้องกับลัทธิเซเบลเลียนที่ว่า “มีเพียงพระบุคคลเพียงหนึ่งในพระเจ้า”


“คณะเพนเทคอสต์เป็นหนึ่ง (Oneness Pentecostal)” ยึดมั่นใน “หลักคำสอนเรื่องความเป็นหนึ่ง” ซึ่งสอดคล้องกับลัทธิซาเบลเลียน (Sabellianism) ที่ว่า “มีเพียงพระบุคคลเพียงหนึ่งในพระเจ้า”

     ข้อความที่พระเยซูอธิษฐานภาวนาต่อพระบิดาแสดงให้เห็นถึงข้อผิดพลาดของมุมมองเหล่านี้ เนื่องจากแสดงให้เห็นข้อเท็จจริงที่ว่าทั้งสองเป็นพระบุคคลที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงมีมากกว่าหนึ่งพระบุคคลในพระเจ้า

#คริสต์ #คาทอลิก #คริสต์ศรัทธา #พระเยซู #อธิษฐานภาวนา #อธิษฐาน #ภาวนา #พระวรสาร #พระคัมภีร์ #พระตรีเอกภาพ #พระบุคคล #พระเจ้าองค์เดียว #พระเจ้า #catholic 

CR. : คริสต์ศรัทธา
https://www.facebook.com/share/p/1CyEnXKFV5/
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่